กระบวนการพยาบาลอนามัยชุมชนกับการวินิจฉัยชุมชนและการแก้ไขปัญหา
- การประเมินชุมชน (Community assessment)
หลักการสำคัญของการวินิจฉัยชุมชน
- เป็นกระบวนการ รวบรวมข้อมูล วินิจฉัยปัญหาและความต้องการ การวางแผนพัฒนา ปฏิบัติตามแผนและประเมินผล
- นำไปสู่การแก้ปัญหาถูกจุด
- เป้าหมายสูงสุดเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง ยืนหยัดพึ่งตนเองได้ เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
- การมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และองค์กรทุกขั้นตอน
- ทางราชการให้การสนับสนุนและให้คำแนะนำ
- กระตุ้นให้ชุมชนมีส่วนร่วม
ความหมาย
หมายถึง การที่พยาบาลอนามัยชุมชนเข้าไปศึกษาชุมชนเพื่อหาข้อมูลและประเมินสภาพของชุมชนในด้านต่าง ๆ ทั้งกายภาพ ชีวภาพ ความเป็นอยู่ ระบบวิธีคิด อาขีพ ความสัมพันธ์ในชุมชน สภาวะด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนปัญหาและปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชน ทั้งนี้เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการวางแผนพัฒนาอนามัยชุมชนต่อไป ซึ่งการประเมินชุมชนนั้นต้องอาศัยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อที่จะได้ข้อมูลตรงตามสภาพความเป็นจริง และเป็นความต้องการพัฒนาของชุมชนอย่างแท้จริง
ขั้นตอนการประเมินชุมขน
การทำแผนที่
แผนที่ (Map) คือภาพจำลองหรือภาพย่อส่วนของพื้นภูมิประเทศในแนวราบที่จัดทำขึ้นด้วยเส้นสีเครื่องหมายต่าง ๆ ซึ่งใช้แทนของจริงที่ปรากฏอยู่บนผิวโลกโดยให้มีความถูกต้องทั้งระยะทางทิศทางหรือแม้แต่ความสูงขันก็สามารถนำมาแสดงไว้ได้ในแนวราบแผนที่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
- แผนที่ทั่วไป หมายถึง แผนที่ที่แสดงสิ่งต่างๆ อย่างไม่เฉพาะเจาะจง โดยพยายามบรรจุสิ่งต่างๆที่สามารถแสดงไว้ในแผนที่นั้น โดยมุ่งหวังให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์หลายๆอย่าง เช่น แผนที่ประเทศไทย ที่จะแสดงอาณาเขตติดต่อกับประเทศใกล้เคียง ทะเล มหาสมุทร ภูเขา
- แผนที่พิเศษ หมายถึง แผนที่ที่ทำขึ้นเพื่อแสดงอาณาเขตบริเวณใดบริเวณหนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อกิจการใดๆกิจการหนึ่ง รายละเอียดต่างๆที่ลงไว้อาจจะมีเฉพาะที่ต้องการแสดงเท่านั้น เช่น แผนที่จังหวัด แผนที่อำเภอ แผนที่ตำบล แผนที่แสดงที่ตั้งร้านค้า
ประโยชน์ของแผนที่กับงานอนามัยชุมชน
- เพื่อทราบถึงลักษณะอาณาเขตพื้นที่รับผิดชอบ และบริเวณใกล้เคียง
- ทำให้ทราบถึงลักษณะพื้นที่ ภูมิประเทศของชุมชน การคมนาคมติดต่อภายในและภายนอกพื้นที่ ความหนาแน่นของการตั้งบ้านเรือน แหล่งน้ำและแหล่งสาธารณะประโยชน์ ตลอดจนลักษณะเฉพาะที่จะช่วยในการวางแผนปฏิบัติงาน
- เพื่อทราบถึงสถานที่ที่สงสัยว่าเป็นแหล่งกำเนิดของโรคหรือใช้ในการวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา
- เพื่อใช้ในการแสดงผลงาน การปฏิบัติงาน การนิเทศงาน ตลอดจนการวางแผนปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับลักษณะชุมชน
- เพื่อใช้ในการประกอบคำอธิบายร่วมกับรายงานอื่นๆ องค์ประกอบของแผนที่ แผนที่ที่ดีจะต้องมีสิ่งต่างๆ อันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ไว้อย่างครบถ้วนซึ่งจะทำให้ผู้อ่านหรือผู้ใช้แผนที่เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเข้าใจได้ง่าย
การรวบรวมข้อมูล
1.การรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Documentary data)
เป็นการรวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญอันดับแรก เพราะการใช้เอกสารและสิ่งตีพิมพ์ ทำให้มองเห็นสภาพของปัญหาที่จะศึกษาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และทำให้ทราบว่าควรจะหาข้อมูลใดมาสนับสนุนในการวิเคราะห์ปัญหา แหล่งต่างๆของข้อมูล ได้แก่ ทะเบียนราษฎร์ การสำมะโนประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ สถิติชีพ ทะเบียนการเจ็บป่วยของโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล การแจ้งความโรคบางอย่าง เป็นต้น
- การรวบรวมข้อมูลสนาม(Field data)
- การสังเกต(Observation) เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างหนึ่งที่ผู้สังเกตใช้ประสาทสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนประกอบกันในการเก็บรวบรวมข้อมูล การสังเกตที่ดีนั้นผู้สังเกตต้องกระทำอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ให้ผู้ถูกสังเกตทราบเพราะจะไม่ได้ข้อเท็จจริง และที่สำคัญผู้สังเกตจะต้องมีความตั้งใจ ประสาทสัมผัสดี และมีความสามารถในการรับรู้หรือสื่อความหมายดี
2.การสัมภาษณ์ (Interview) เป็นวิธีการสำรวจที่นิยมใช้กันมาก เป็นกุญแจสำคัญในการเก็บรวบรวมข้อมูลการปฏิบัติงานในชุมชนนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประชาชนให้มากที่สุด และข้อมูลบางประเภทที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินงาน จะได้มาโดยการสัมภาษณ์เท่านั้น
- การใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) แบบสอบถาม คือ เครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการจะทราบ(หรือข้อมูลที่ต้องการศึกษา/วิจัย) ข้อมูลเหล่านั้นอาจจะเป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด หรือเป็นข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็น ทัศนคติต่างๆ ดังนั้นในแบบสอบถามจึงประกอบด้วยคำถามหลายข้อรวมกัน
การวิเคราะห์ข้อมูล
ควาหมาย
การสรุปผลของการรวบรวมข้อมูลหรือการศึกษาเพื่อหาค่าของตัวแปรตางๆ หรือหาความสัมพันธ์ของตัวแปรเพื่อตอบปัญหาทางการศึกษาหรือหาคำตอบที่ต้องการ
ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล
- บรรณาธิกรข้อมูลดิบ (Edit the raw data) การบรรณาธิกรข้อมูล คือ การตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล โดยทั่งไปจะกระทำทันทีหลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลสิ้นสุดลง
- การแยกประเภทข้อมูล (The establishment of categories) ข้อมูลที่ได้มาครั้งแรกและยังจัดประเภทนั้น เรียกว่าข้อมูลดิบ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีจำนวนมาก ไม่เป็นหมวดหมู่ จึงต้องนำมาแยกเป็นประเภทต่างๆ ก่อนเพื่อความสะดวกในการวิเคราะห์ การแยกประเภทข้อมูลนั้น หากจะให้ดีแล้วควรมีการวางแผนไว้ก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยอาศัยความจริงหรือสมมติฐานที่มีอยู่เป็นตัวหลักในการแยก
- การแจกแจงความถี่ (Tally the data on worksheets) เมื่อแยกประเภทข่อมูลแล้ว ในกรณีที่ต้องวิเคราะห์ด้วยมือจะต้องแจกแจงความถี่โดยใช้การขีด(Tallly mark) เพื่อทราบความถี่ของข้อมูลแต่ละประเภท
- การสรุปข้อมูล (Data summarization) การสรุปข้อมูลนั้นขึ้นอยู่กับธรรมชาติของข้อมูลโดยทั่วไปข้อมูลสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ ข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณ
การนำเสนอข้อมูล
- การนำเสนอข้อมูลอย่างไม่เป็นแบบแผน
การนำเสนอในรูปของบทความ (Textual presentation) เป็นการนำเสนอและการแปลความหมายของข้อมูลเกี่ยวกับรายงานต่างๆ โดยนำเอาข้อมูลตัวเลขมาแทรกลงในบทความ เขียนในรูปของการพรรณาหรือบรรยายสั้นๆ ประกอบกันไป แต่บทความนั้นไม่ควรยาวเกินไป การนำเสนอเป็นบทความเหมาะสมสำหรับข้อมูลที่มีรายการจำนวนน้อย แต่หากมีข้อมูลมากก็อาจนำเสนอเฉพาะที่สำคัญๆ ส่วนรายละเอียดข้อมุลทั้งหมดก็นำเสนอในตารางในภาคผนวกได้
การนำเสนอในรูปของกึ่งบทความกึ่งตาราง (Semi tabular presentation) เป็นการนำเสนอแบบพรรณาหรือบรรยายประกอบข้อมูล แต่ได้นำเอาตัวเลขหรือข้อมูล มาจัดเรียงเป็นหมวดหมู่เพื่อให้สะดวกในการทำความเข้าใจ โดยไม่ต้องขีดเส้นตาราง
2.การนำเสอนข้อมูลอย่างเป็นแบบแผน
การนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพ เป็นข้อมูลที่มีความต่อเนื่อง โดยนำเสนอให้เห็นการเปรียบเทียบของข้อมูลแต่ละข้อมูล
การนำเสนอข้อมูลแบบตาราง
การนำเสนอข้อมูลแบบแผนภูมิ
การนำเสนอข้อมูลเชิงปริมาณ เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลแต่ละช่วงเวลา ได้แก่ การนำเสนอข้อมูลแบบกราฟเส้นสามารถนำเสนอในรูปของกราฟเส้นตรงหรือเส้นโค้ง
การสรุปผลข้อมูล
เป็นการแปลความหมายของข้อมูลตัวเลข และเขียนนำเสนอให้ผู้อ่านทราบในรูปของการบรรยาย โดยสรุปข้อมูลในลักษณะของกลุ่ม ความเด่นจากกลุ่ม การกระจายของกลุ่ม เป็นต้น การสรุปผลข้อมูลควรอยู่ในขอบเขตของวัตถุประสงค์ของเรื่องที่ศึกษา ควนใช้ข้อความที่ง่าย กะทัดรัด บอกความหมายและอ่านเข้าใจได้ง่าย
- การวินิจฉัยปัญหาอนามัยชุมชน (Community Diagnosis)
ควาหมาย เป็นการประเมินเพื่อที่จะทราบว่า อะไรคือปัญหาอนามัยที่สำคัญของชุมชน ที่จะทำการแก้ไขปัญหา และอะไรคือสาเหตุของปัญหานั้นๆ นอกจากนี้ ก็เพื่อจะได้ทราบลักษณะทั่วไปของชุมชนและลักษณะทรัพยากรของท้องถิ่น เมื่อกำหนดและเลือกปัญหาอนามัยชุมชนแล้ว จึงมีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาจัดสรรทรัพยากร สำหรับแก้ไขปัญหาตามความจำเป็นรีบด่วนของแต่ละปัญหาและตามกำลังทรัพยากรที่จะอำนวย
ขั้นตอนการวินิจฉัยปัญหาของอนามัยชุมชน ประกอบด้วย
- การระบุปัญหาอนามัยชุมชน
แนวคิดเกี่ยวกับปัญหาอนามัยชุมชน แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- ปัญหาอนามัยชุมชน จะต้องเป็นปัญหาในตัวของมันเอง คือ เป็นสิ่งที่ทำให้กระทบกระเทือนต่อสุขภาพอนามัยของคนและชุมชนโดยตรง เช่น การป่วย การตาย เป็นต้น การมองปัญหาให้ถือลักษณะปัญหาอนามัยชุมชนเป็นหลัก (Problem Approach)
- ปัญหาอนามัยชุมชนที่ตัวมันเองไม่ใช่ปัญหา แต่จะเป็นสาเหตุหรือเครื่องมือที่จะนำไปสู่ปัญหาอนามัยชุมชนได้ เช่น การใช้น้ำดื่มน้ำใช้ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ จะเป็นแนวทางให้เกิดาการระบาดของโรคอุจจาระร่วง
วิธีการระบุปัญหาอนามัยชุมช
- การระบุปัญหาอนามัยชุมชนโดยใช้หลักของ 5 D ประกอบด้วย ตาย (Death) พิการ/ไร้ความสามารถ(Disability) โรค(Disease) ความไม่สุขสบาย(Discomfort) และความไม่พึงพอใจ(Dissatisfaction) การระบุปัญหาโดยใช้หลักของ 5D เป็นการนำหลักการทางระบาดวิทยามาประยุกต์ใช้ในการพิจารณาปัญหาอนามัยชุมชน ร่วมกับความวิตกกังวลของชุมชนในการพิจารณาระบุปัญหา หากพบว่ามีเพียง D ใด D หนึ่ง ก็นับได้ว่าเป็นปัญหา และหากปัญหาใดมี D หลายตัวประกอบกัน จะเพิ่มขนาดและความสำคัญของปัญหาโดยจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนมากขึ้น
- การระบุปัญหาอนามัยชุมชน โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ หรือค่ามาตรฐานสากล ซึ่งเป็นค่าตัวเลขที่แสดงถึงเป้าหมายว่า ต้องการให้ชุมชนมีสุขภาพระหว่างประเทศ เช่น จากองค์การอนามัยโลก หรือค่ามาตรฐานที่ประเทศกำหนดไว้ เช่น จปฐ. การพิจารณาระบุปัญหาโดยการเปรียบเทียบกับเกณฑ์หรือค่ามารตรฐาน ควรจะนำเสนอข้อมูลปัญหาในรูปของปริมาณหรือปัญหา เช่น อัตรา สัดส่วน ร้อยละ เพื่อช่วยให้เกิดความเด่นชัดของข้อมูล สามารถเปรียบเทียบกับเกณฑ์ต่างๆได้สะดวก และระบุปัญหาออกมาได้ชัดเจน
- การระบุปัญหาอนามัยชุมชน โดยใช้กระบวนการกลุ่ม (Nominal Group Process) โดยการให้ชุมชนหรือผู้นำชุมชนหรือประชาชน มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วยตนเองว่า อะไรเป็นหัญหาอนามัยชุมชน กระบวนการกลุ่ม เป็นการแสดงให้เห็นถึงการรับรู้ของขุมชนต่อปัญหา ดังนั้น การระบุปัญหาโดยวิธีนี้ ผู้ดำเนินงานจะต้องนำเสนอข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้ชุมชนรับทราบ พร้อมทั้งเปิดอภิปรายถึงผลดีผลเสีย ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หลังจากนั้น จึงให้ประชาชนลงความเห็นว่า ข้อใดสมควรเป็นปัญหาอนามัยชุมชน
- การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา (Prtiority Setting)
การจัดลำดับความสำคัญของปัญหามีอยู่หลายวิธีแต่ละวิธีต้องนำไปดัดแปลงเพื่อใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ขององค์กรบุคคลและชุมชนโดยยึดนโยบายการดำเนินงานสาธา ณ สุขของรัฐเป็นสำคัญในการดำเนินงานขั้นตอนนี้การตัดสินใจเลือกวิธีและเกณฑ์การพิจารณาไม่อาจเกิดจากบุคลากรสาธารณสุขคนใดคนหนึ่งได้ แต่จะต้องมีการพิจารณาร่วมกันในบุคลากรทีมสุขภาพในปัจจุบันการพัฒนาชุมชนตามแนวใหม่ไม่ว่าจะเป็นชุมชนลักษณะใดก็ตามรัฐมุ่งสนับสนุนให้หาแกนนำโดยมีการจัดกลุ่มผู้นำชุมชนหรือผู้นำกลุ่มอื่น ๆ เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาอย่างเต็มที่โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางวิชาการเทคโนโลยีและงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมร่วมกันพิจารณาแล้วตัดสินว่าปัญหาใดของชุมชนสมควรได้รับการแก้ไขปัญหาก่อน-หลังทั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมพิจารณาจะต้องทราบนโยบายและโครงการหรือแผนงานขององค์กรที่รับผิดชอบอยู่เป็นอย่างดีสามารถชี้แจงและให้เหตุผลในการพิจารณาว่าสามารถปฏิบัติได้หรือไม่และชี้แนะให้ทราบว่ามีองค์กรใดบ้างที่จะสามารประสานงานให้การช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหานั้นๆ
- ขนาดของปัญหา (Size of problem of prevalence) พิจารณาจากปัญหาหรือโรคที่เกิดในชุมชนนั้นๆ ว่า เมื่อเกิดขั้นมีผู้ป่วยเท่าใด และถ้าเป็นโรคติดต่อสามารถติดต่อหรือแพร่กระจายได้ง่ายหรือไม่ มีแนวโน้มโรคเป็นอย่างไร
- ความรุนแรงของปัญหา (Severity of problem) พิจารณาว่า เมื่อปัญหานั้นเกิดขึ้นจะมีอัตราหรือความทุพภาพมากน้อยเพียงใด ทำให้เกิดผลเสียแก่ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติในด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง
- ความยากง่ายในการแก้ไขปัญหา (Feasibility of problem) พิจารณาจาก ด้านวิชาการ ด้านบริหาร ด้านเวลา ด้านกฎหมาย ด้านศีลธรรม สามารถป้องกันและควบคุมได้หรือไม่ ความสนใจจากสังคม การเมือง ผู้มีอำนาจ ผู้บริหาร นักการเมือง เทคโนโลยีที่มีอยู่ สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาได้ทันเวลาหรือไม่
- ด้านความสนใจ ความร่วมมือ หรือความวิตกกังวลต่อปัญหาของชุมชน (Community concern) โดยพิจารณาว่า ประชาชนในชุมชนเห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมีความสำคัญหรือไม่ มีความวิตกกังวล สนใจ หรือต้องการแก้ไขหรือไม่ การประเมินความร่วมมือของชุมชนอาจได้จากการสังเกต การสัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม หรือการประชุมองค์กรผู้นำชุมชนหรือตัวแทนชุมชนในรูปแบบของการทำประชาคม โดยนำเทคนิค AIC มาประยุกต์ใช้
- การศึกษาสาเหตุของปัญหาอนามัยชุมชน
หลังจากที่ได้ปัญหาอนามัยชุมชนและจัดเรียงลำดับความสำคัญของปัญหาเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ผู้ดำเนินงานจะต้องค้นหาต่อไปคือ ข้อมูลสนับสนุนปัญหาเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ผู้ดำเนินงานรู้สาเหตุปัญหา ทำให้สามารถวางแผนแก้ไขปัญหาได้ตรงตามความเป็นจริง
- การวางแผนแก้ปัญหาอนามัยชุมชน (Community planning)
การวางแผนเป็นกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดความต้องการ วิธีการปฏิบัติ และผลของการกระทำในอนาคต โดยใช้หลักวิชาการ เหตุผลของข้อมูลและปัญหา มาประกอบการพิจารณา ทำให้ทราบว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใด และอย่างไร เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปในแนวทางที่กำหนด
ประเภทของแผน
- แผนระยะยาว ระยะดำเนินงาน 5-10 ปี ขึ้นไปมีลักษณะเป็นนโยบายหรือหลักการที่กำหนดขึ้น มีนโยบายและทิศทางการแก้ปัญหาอย่างกว้างๆ เพื่อถือปฏิบัติและเป็นแนวทางในการควบคุมการกระทำ เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- แผนระยะปานกลาง ระยะดำเนินงานอยู่ระหว่าง 2-5 ปี เป็นแผนที่อาศัยกรอบเค้าโครงจากแผนระยะยาว เช่น แผนระดับกระทรวง
- แผนระยะสั้น ระยะดำเนินงานอยู่ระหว่าง 2 ปีลงไป อาศัยเค้าโครงจากแผนระยะปานกลางและแผนที่กำหนดกิจกรรมเพียงครั้งเดียว เช่น แผนระดับท้องถิ่น
การทำแผนปฏิบัติงาน มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นเตรียมงาน
- เตรียมความพร้อมของทีม การประชุมปรึกษา กำหนดตัวบุคคลและการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ กำหนดแนวทางการประสานงาน
- เตรียมความพร้อมของทรัพยากรและงบประมาณ เครื่องมือที่จะนำไปใช้
- การประชาสัมพันธ์ แจ้งให้ประชาชนทราบ วันเวลา วัตถุประสงค์ ให้ได้รับรู้ ตระหนักและมีส่วนร่วมในการทำงาน
ขั้นดำเนินงาน
- กำหนดกิจกรรมหรือแนวการปฏิบัติงานแก้ปัญหา ผู้รับผิดชอบ ทรัพยากร งบประมาณ
2.การปฏิบัติงานเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต้องมีการบริหารจัดการ การอำนวยการ มอบหมายงานจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการควบคุมกำกับ เพื่อดูว่าการดำเนินงานมีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด มีปัญหาหรืออุปสรรคหรือไม่