Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด, วิภารัตน์ ยมดิษฐ์. (2563).…
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด
ความพิการแต่กำเนิด
Major anomalies
ความผิดปกติที่ทำให้การทำงานของอวัยวะนั้นเสียไป
จำเป็นต้องได้รับการรักษา
พบได้ประมาณ ร้อยละ 2-3 ของทารกเกิดมีชีพ
Minoranomalies
ความผิดปกติที่ไม่มีผลให้การทำงานของอวัยวะเสียไป
พบได้น้อยกว่าร้อยละ 5 ของประชากร
การจำแนกความพิการแต่กำเนิดตามกลไกการเกิด
Malformation
ลักษณะของอวัยวะที่ผิดรูปร่างไป
เกิดจากกระบวนการเจริญพัฒนาภายในที่ผิดปกติ
พันธุกรรม
สิ่งแวดล้อม
Deformation
เกิดจากการที่มีแรงกระทำจากภายนอกทำให้อวัยวะผิดรูปไปในระหว่าง การเจริญพัฒนาของอวัยวะนั้น
Disruption
ภาวะที่โครงสร้างของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อผิดปกติ
สาเหตุภายนอกรบกวนกระบวนการเจริญพัฒนาอวัยวะที่ไม่ใช่พันธุกรรม
Dysplasia
ความผิดปกติในระดับเซลล์ของเนื้อเยื่อ พบในทุกส่วนของร่างกาย
สาเหตุของความพิการแต่กำเนิด
พันธุกรรม
บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ในครอบครัวเป็นโรคความพิการแต่กำเนิด บุตรและหลานมีโอกาสเกิดมาพิการได้
สิ่งแวดล้อม
ระหว่างการตั้งครรภ์
มารดาอายุมากเกินไป มีบุตรคนแรกเมื่ออายุเกิน 35 ปี บุตรมีโอกาสเกิดความพิการได้มาก
โรคติดเชื้อ
ขาดอาหาร ขาดวิตามิน
มารดากินยาหรือสารเสพติด
มารดาได้รับสารเคมีจากสิ่งแวดล้อม
รังสีเอ็กซ์ หรือรังสีแกมม่า รวมทั้งสารกัมมันตรังสีทางการแพทย์
ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ หรือ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
ปากแหว่ง-เพดานโหว่
ปากแหว่ง หมายถึง ความผิดปกติบริเวณริมฝีปาก เพดาน ส่วนหน้าแยกออกจากกัน
เพดานโหว่ หมายถึง ความผิดปกติของเพดานหลังแยกออกจากกัน
อุบัติการณ์
ปากแหว่งอย่างเดียวอาจเป็นข้างเดียว ไม่มีเพดานโหว่ พบได้ ประมาณ 21% พบในทารกหญิงมากกว่าชาย
ปากแหว่งสอง ร่วมกับเพดานโหว่ พบได้ประมาณ 46%
เพดานโหว่อย่างเดียว พบได้ประมาณ 33%
ปากแหว่งเพดานโหว่ หรือเพดานโหว่อย่างเดียว พบในทารกเพศชายมากกว่าเพศหญิง
การวินิจฉัย
สามารถตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ 13-14 สัปดาห์ ด้วย Ultrasound
การซักประวัติเพื่อหาสาเหตุทางกรรมพันธุ์
การตรวจร่างกาย เพดานโหว่ โดยสอดนิ้วตรวจเพดานปากภายใน หรือ ดูในช่องปากเวลาเด็กร้อง
อาการและอาการแสดง
การดูดกลืนจะผิดปกติ เนื่องจากอมหัวนมไม่สนิท มีรูรั่วให้ลมเข้า ทำให้เกิดท้องอืด
เกิดอาการสำลัก เพราะไม่มีเพดานรองรับ
พูดไม่ชัด เนื่องจากเพดานปากเชื่อมติดกับเพดานจมูก
หายใจลำบาก
อาจติดเชื้อในหูชั้นกลางทำให้ปัญหาการได้ยินผิดปกติ
การรักษาปากแหว่ง
กฎเกิน 10
จะทำผ่าตัดเมื่อเด็กอายุ 10 สัปดาห์ขึ้นไป น้ำหนักตัว 10 ปอนด์ ฮีโมโกลบิน 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ปากแหว่งด้านซ้าย Triangular Flap
ปากแหว่งด้านขวา Rotation Advancement Method
ผ่าตัดปากแหว่งทั้ง 2 ด้าน Straight Line Repair
การผ่าตัดแก้ไขเพดานโหว่ palatoplasty,palatorrhaphy
ใส่เพดานเทียม ให้สามารถดูดนมได้โดยไม่สำลัก เพดานเทียมเปลี่ยนทุก 1 เดือน
ผ่าตัดเพดาน โดยเริ่มก่อนเด็กเริ่มหัดพูด อายุประมาณ 6-18 เดือน สภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน
แก้ไขจมูก ทำเมื่ออายุ 3 ปี และตามด้วยการฝึกพูด
ต่อมาอายุประมาณ 5 ปี ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน
รักษาความผิดปกติที่หลงเหลืออยู่
การพยาบาล
ระยะก่อนผ่าตัด
บิดามารดาวิตกกงวลเกี่ยวกับความพิการแต่กำเนิด
ประเมินความวิตกกังวลของบิดามารดาของผู้ป่วย เพื่อหาแนวทางแก้ไขหรือการให้ข้อมูลได้ถูกต้อง
เปิดโอกาสให้บิดามารดาได้ซักถามถึงอาการเจ็บป่วย อาการและอาการแสดง และได้ระบายถึงความวิตกกังวล
ให้ข้อมูล คำแนะนำ อธิบาย เกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย และการรักษาวิธีการ
ปลอบโยนให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และกระตุ้นให้บิดามารดาคอยดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด
บิดามารดา ผู้ดูแลเด็กขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลรักษา
ประเมินความรู้ความเข้าใจของบิดามารดา เรื่องความผิดปกติของผู้ป่วยและการผ่าตัดรักษา
ให้ความชัดเจนในกรณีที่ผู้ป่วยไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆ
สอนการป้อนนมอย่างถูกวิธี
เสริมแรง ให้กำลังใจ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ/หูชั้นกลาง/การอุดกั้นทางเดินหายใจจากการสำลัก
มีโอกาสขาดสารน้ำสารอาหารจากการดูดกลืนผิดปกติ
การให้นมอย่างถูกวิธี
ขณะให้นมจัดท่าศีรษะสูงประมาณ 30-45 องศา
ใช้ Artificial nipple จุกนมต้องยาว รูออกของน้ำนมจะต้องใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย
ถ้าเด็กดูดไม่ได้ใช้ช้อนป้อน/หลอดหยด
ดูดครั้งละน้อยๆบ่อยครั้ง ใส่เพดานเทียมก่อนให้ดูดนม ก่อน-หลังใช้เพดานเทียมต้องทำความสะอาดทุกครั้ง
จับไล่ลมเป็นระยะทุก 15-30 มิลลิลิตร หลังให้นมนอนศีรษะสูง 30 องศาตะแคงขวาให้ใบหน้าตะแคง เพื่อป้องกันท้องอืดสำลัก
ป้อนน้ำตามทุกครั้งและทำความสะอาดช่องปาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การใส่ NG tube จะเป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีเด็กมีปัญหาไม่สามารถ feed ได้ด้วยวิธีอื่นๆ
ระยะหลังผ่าตัด
ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดดึงรั้ง โดยการปลอบโยนให้เด็กสงบเมื่อร้องไห้ ปิดแผลด้วย sterile strips
ระมัดระวังสิ่งคัดหลั่งจากจมูกมาปนเปื้อนแผลผ่าตัด ถ้ามี ทำความสะอาดด้วย NSS และปิด sterile strips ใหม่
สอนบิดา มารดา ทำความสะอาดแผล
จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำ เพื่อป้องกันป้องกันการเสียดสี กับที่นอน แผลอาจแยกได้
ป้ายยาครีมปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ห้ามดูดเสมหะในช่องปาก ยกเว้นหากจำเป็นต้องทำด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวรเพดานที่เย็บไว้
ประเด็นคำถาม
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ในระยะก่อนผ่าตัด
การติดเชื้อทางเดินหายใจ/หูชั้นกลาง/การอุดกั้นทางเดินหายใจจากการสำลัก
วิธีการป้องกัน
ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
รักษาความสะอาดช่องปาก
เตรียมลูกสูบยางแดงสำหรับดูดเสมหะ
สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้
การผ่าตัดปากแหว่ง ควรทำเมื่อใด/การผ่าตัดเพดานโหว่ ควรทำเมื่อใด
การผ่าตัดปากแหว่ง
อาจทำภายใน 48 ชม. หลังคลอดในรายที่เด็กสมบูรณ์ดี
รอเด็กอายุอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์
เด็กอายุ 10 สัปดาห์ขึ้นไป น้ำหนักตัว 10 ปอนด์ (4.5 Kg) ฮีโมโกลบิน 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
การผ่าตัดเพดานโหว่
อายุ 6-18 สัปดาห์ สภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน
หลังผ่าตัด การดูแลเพื่อป้องกันแผลแยกทำอย่างไร
ผูกยึดข้อศอกทั้งสองข้าง ไม่ให้งอประมาณ 2-6 สัปดาห์ (คลายออกทุก 1-2 ชม. ครั้งละ 10-15 นาที)
ไม่ให้ดูดนม 1 เดือน การให้นมโดยใช้ช้อน หลอดหยด Syring ต่อยางเหลืองนิ่ม และป้อนนมอย่างระมัดระวัง
หากร้องไห้ ปลอบให้สงบลงโดยเร็ว
หลังผ่าตัดทารกควรนอนท่าใด
นอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำ เพื่อป้องกันการเสียดสีกับที่นอน
หลังผ่าตัด ทารกจะดูดขวดนมได้เมื่อใด
หลังการผ่าตัด 1 เดือน
หลอดอาหารตีบ/รั่ว/ตัน
อาการและอาการแสดง
น้ำลายมาก อาเจียน ไอ สำลัก เอาอาหารและเมือกเข้าสู่ทางเดินหายใจ
พบอากาศในกระเพาะอาหาร
การรักษา
ระยะแรก
Gastrostomy
ระยะที่สอง
Thoracotomy and division of the fistula with Esophageal anastomosis
การพยาบาลก่อนผ่าตัดแก้ไขหลอดอาหาร
อาจเกิดภาวะปอดอักเสบ หายใจลำบาก หรือหยุดหายใจ เนื่องจากสำลักน้ำลายหรือน้ำย่อยเข้าหลอดลม
จัดท่านอนที่เหมาะสม
พลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
On NG tube ต่อ Continuous suction
ให้ออกซิเจนกรณีมีภาวะพร่องออกซิเจน
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
อาจได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ดูแลให้สารอาหาร นม น้ำ ทาง Gastrostomy tube
การวินิจฉัยปัญหาและการพยาบาล
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต่อหลอดอาหาร (แผลแยก)
ห้ามใส่สาย NG tube หรือสาย Suction ดูดเสมหะในคอ และไม่ควรนอนเหยียดคอ
เพราะอาจทำให้หลอดอาหารตึงและแผลผ่าตัดแยก
กระตุ้นให้เด็กร้องบ่อยๆ เพื่อให้ปอดขยายได้ดี สังเกตภาวะขาดออกซิเจน
ดูแลการทำงานของ ICD ให้มีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
การพยาบาลหลังผ่าตัด
อาจเกิดภาวะปอดแฟบจากการอุดตันของท่อระบายทรวงอก
จัดท่านอนศีรษะสูง
ตรวจสอบการทำงานของ ICD
ระวังสายหัก พับงอ/นวดคลึงสายบ่อยๆ
บันทึก ลักษณะ สี จำนวนของ discharge
อาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดและแผล Gastrostomy
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาล
ทำแผลอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
สังเกตการติดเชื้อ
ดูแลให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
ประเด็นคำถาม
อาการและอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารตีบ
น้ำลายมาก อาเจียน ไอ สำลัก เอาอาหารและเมือกเข้าสู่ทางเดินหายใจ
อาการและอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารมีรูรั่ว
Cervical esophageal perforation ปวดอย่างรุนแรงที่บริเวณคอโดยอาจพบอาการร่วมอย่างอื่น เช่น ไข้ คอบวม มีอาการกลืนเจ็บหรือกลืนลําบาก
Thoracic esophageal perforation ปวดหน้าอกอย่างรุนแรงร้าวไปหลัง (retrosternal chest pain) อาจฟังปอดได้ยินเสียง crunching sound
Abdominal esophageal perforation มักมีอาการปวดที่ลินปี่บ่อยครั้ง ปวดร้าวไปหลัง หรือไหล่ซ่าย มีอาการกลืนลำบาก ตรวจพบ tenderness, guarding
หรืออาการของการติดเชื้อในช่องท้อง (peritonitis)
การให้นม TE fistula
นอนยกศีรษะสูง 45 ํ- 60 ํ ไม่ให้เงยหน้ามากเกินไป (hyperextension)
เริ่มให้น้ำหรือนมทางสายยาง ต้องให้แบบช้าๆ ให้เสร็จแล้ว แขวนปลาย tube อยู่สูงกว่าลำตัวและเปิดปลาย tubeไว้
ขณะให้น้ำหรือนม ต้องยกศีรษะสูงเสมอ
การดูแล Gastrostomy
ทำความสะอาดสายให้อาหารด้านนอกและข้อต่อด้วยสบู่และน้ำสะอาด ส่วนสายสวนชนิดระดับผิวหนังใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ด
ไม่ควรหักหรือพับงอสายให้อาหารนานเกินไป อาจทำให้สายแตกหักหรือพับงอ ทำให้เกิดการอุดตันได้
กรณีใช้สายให้อาหารทางหน้าท้องชนิดลูกโป่ง ควรหมั่นตรวจสอบว่าตำแหน่งของสายที่ระดับผิวหนังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เนื่องจากสายอาจเลื่อนเข้าไปในกระเพาะมากเกินไป
ต้องดูแลให้ระดับบ่าท่อที่อยู่ทางหน้าท้องอยู่ที่ขีด 6 เซนติเมตร และควรหมุนตัวสายทุก 2 - 3 วัน เพื่อป้องกันการฝังตัวของหัวเปิดในช่องกระเพาะอาหาร
ไม่ควรใช้อาหารที่มีความร้อนเพราะจะทำให้อายุการใช้งานน้อยลง ซึ่งปกติจะใช้ได้นาน 6 - 8 เดือน
Anoretal malformation
ความพิการแต่กำเนิดที่ไม่มีรูทวารหนักให้อุจจาระออกนอกร่างกายได้ หรือมีรูทวารหนักแต่ผิดตำแหน่งปกติ หรือรูทวารหนักมีการตีบแคบ
อุบัติการณ์
เกิดในอัตราส่วน 1 ใน 4000 ของเด็กเกิดมีชีวิตทั้งหมด
เด็กชายมากกว่าเด็กหญิง
พยาธิสรีรภาพ
ทารกมีอาการท้องผูก/ถ่ายอุจจาระ/หรือไม่ถ่ายอุจจาระ
ทารกเพศชายมีอาการถ่ายขี้เทามาทางท่อปัสสาวะ
ทารกเพศหญิงถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะหรือช่องคลอด
ชนิดของความผิดปกติ
Anal stenosis
รูทวารหนักตีบแคบ
Imperforate anal membrane
มีเยื่อบางๆปิดกั้นรูทวารหนัก
Anal agenesis
รูทวารหนักเปิดผิดที่
Low type
Intermediate type
High type
Rectal atresia
ลำไส้ตรงตีบตัน
อาการและอาการแสดง
ไม่มีการถ่ายขี้เทา ภายใน 24 ชั่วโมง ให้สงสัยไว้ก่อนว่า เกิดจากการลำไส้อุดตัน
ไม่พบรูเปิดทางทวารหนักหรือพบเพียงรอยช่องเปิดของทวารหนัก
ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้
กระสับกระส่าย อึดอัด ไม่สบายเนื้อตัว
แน่นท้อง ท้องอืด
ปวดเบ่งอุจจาระ
ตรวจพบมีกากอาหารค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
การตรวจรังสี X ray เพื่อประเมินระดับลำไส้ตรง
Ultrasound เพื่อตรวจการไหลเวียนและดูอวัยวะภายใน
CT scan ตรวจกระดูก กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน
MRI ตรวจความผิดปกติร่วมของไขสันหลัง ความผิดปกติร่วมของลักษณะกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน
การรักษา
ความผิดปกติ low type
การถ่างขยายทวารหนัก โดยใช้ hegar metal dilators โดยใช้เบอร์ 9-10 mm
ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ซึ่งใช้เวลาในการถ่างขยาย 6 เดือน-1 ปี
การผ่าตัด anal membrane ออก ในรายที่สังเกตเห็นขี้เทาทางทวารหนัก
การผ่าตัดตบแต่งทวารหนัก (anoplasty) เมื่อแผลติดเรียบร้อย ประมาณ 10 วัน ถ่างขยายทวารหรักต่อ
ความผิดปกติ intermediate และ high
การทำทวารหนักเทียมทางหน้าท้อง (colostomy)
การผ่าตัดตบแต่งทวาร (anoplasty) ภายหลังผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์
เริ่มถ่างขยายรูทวารหนัก (Anal dilation)
การผ่าตัดปิดทวารหนักเทียมทางหน้าท้อง
การพยาบาล
ระยะขยายทวารหนัก
ให้ความรู้บิดามารดาเกี่ยวกับการดำเนินของโรค
สอนการดูแลในการถ่างขยายรูทวารหนัก : ให้ยาแก้ปวดก่อนถ่างขยาย ให้สารหล่อลื่น เลือกขนาดเครื่องมือ
สังเกตการมีเลือดออก การอักเสบ ถ้ามีการอักเสบแนะนำให้แช่ก้นด้วยน้ำอุ่น
แนะนำให้บิดามารดาให้อาหารตามวัยของเด็กที่มีประโยชน์ มีกากใยสูง
คำแนะนำเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
การถ่างขยายรูทวารหนักสม่ำเสมอ แนะนำใช้เทียนไขเหลาเท่าขนาด hegar ถ่างขยาย
สอนทำความสะอาดเทียนไข ทวารหนัก
ให้ความรู้ป้องกันท้องผูก ให้อาหารมีกากใย ให้ยาระบาย
กรณีถ่ายอุจจาระเหลว ให้ยาที่ทำให้อุจจาระเป็นก้อน
สังเกตการตีบแคบของทวารหนัก
ฝึกขับถ่าย ฝึกกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมการถ่ายอุจจาระ
ประเด็นคำถาม
สังเกตการไม่มีรูทวารหนักของทารกหลังคลอด
ไม่พบรูเปิดทางทวารหนักหรือพบเพียงรอยช่องเปิดของทวารหนัก
ทารกเพศชายถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะ
ทารกเพศหญิงถ่ายขี้เทาออกทางท่อปัสสาวะหรือทางช่องคลอด
การดูแล Colostomy
หลังผ่าตัดสัปดาห์แรก ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล เมื่่อแผลหายดีแล้ว ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด ซับผิวรอบรูเปิดด้วยสำลีหรือผ้าสะอาดที่อ่อนนิ่ม
เลือกขนาดของปากถุง ให้ครอบปิดกระชับพอดีกับขนาดของทวารเทียม ไม่แน่นเกินไป
กรณีมีการรั่วซึมต้องเปลี่ยนถุงใหม่ และสังเกตการรั่วซึมของอุจจาระทุก 2 ชั่วโมง
ทิ้งอุจจาระ ถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง 1/4-1/3 ของถุง
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังรอบๆทวารเทียม ถ้ามีการอักเสบ รอยถลอก รายงานแพทย์
อายุที่เหมาะสมในการฝึกขับถ่าย
18-24 เดือน โดยการฝึกนั่งกระโถน เช้า เย็น
หลังผ่าตัดทำรูทวารหนัก ป้องกันการตีบแคบ
การถ่างขยายรูทวารหนัก โดยเริ่มจากเบอร์เล็กประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก วันละ 2 ครั้ง จนการขยายทวารหนักทำได้ง่าย จะเพิ่มเส้นผ่าศูนย์กลางของ hegar สัปดาห์ละ 1 มิลลิเมตรจนกระทั่งเหมาะสมกับอายุ
วิธีการฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อช่วยในการขับถ่าย
เริ่มต้นด้วยการปรับภาวะจิตใจของผู้ฝึกเองว่า การฝึกนี้ไม่สามารถสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่กดดัน ใจเย็น และสร้างบรรยากาศไม่ให้เคร่งเครียด
สื่อให้เด็กรู้ว่าคืออะไร ส่วนใหญ่เด็กไทยใช้คำว่า “อึ” แทน อุจจาระ และ “ฉี่” แทน ปัสสาวะ นอกจากนั้นควรให้เด็กรู้ว่าการปวดมวนท้องแบบใดคือปวดอึหรือปวดฉี่
เลือกกระโถนที่เด็กสามารถนั่งได้มั่นคง ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป
สอนให้เด็กใช้กระโถนหรือชักโครก โดยการให้เด็กลองนั่งดู
หลังจาก 1-2 สัปดาห์ที่เด็กเริ่มนั่งโดยใส่เสื้อผ้าอยู่ด้วย ลองถอดกางเกงหรือผ้าอ้อมแล้วชวนเด็กไปนั่งกระโถนโดยไม่บังคับ
เมื่อเด็กคุ้นเคย ต้องให้รู้ว่ากระโถนมีไว้ใส่อุจจาระหรือปัสสาวะ ดังนั้นหากเด็กอุจจาระในผ้าอ้อมสำเร็จรูป ให้ถอดผ้าอ้อมที่เปียกเปื้อนออกก่อนแล้วใช้ผ้าอ้อมที่เปื้อนรองไว้ที่กระโถน
ในหนึ่งวันให้เริ่มถอดกางเกงหรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กช่วงสั้นๆ และวางกระโถนไว้ใกล้ๆ เพื่อให้เด็กใช้ได้ตามต้องการ บางครั้งก็อาจพาเด็กไปนั่งเป็นเวลา
เมื่อเด็กคุ้นเคยดี ถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูปและให้เด็กใส่กางเกงในธรรมดาพร้อมกับการสอนเรื่องการทำความสะอาด
Omphalocele/Gastroschisis
Omphalocele
ผนังหน้าท้องพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ช่องท้องไม่ปิด มีเยื่อบางๆของ peritoneum,Wharton's jelly,amnion หุ้มอวัยวะที่ออกนอกช่องท้อง
Gastroschisis
ผนังช่องท้องพัฒนาสมบูรณ์ ไส้เลื่อนสะดือแตกตอนทารกอยู่ในครรภ์ ลำไส้ กระเพาะทะลักออกนอกช่องท้องทางรูข้างสายสะดือ ไม่มีสิ่งห่อหุ้ม
อุบัติการณ์
พบได้ประมาณ 1:4000 ของการคลอด โดยเฉพาะมารดาที่มีอายุมากขึ้น
ลำไส้จะออกมาอยู่ในสายสะดือได้เป็นปกติในช่วงอายุครรภ์ 8-12 สัปดาห์
โครโมโซมผิดปกติที่พบบ่อย
trisomy 18 และ 13
trisomy 21
Tuner syndrome
triploidy
การวินิจฉัย/อาการ/อาการแสดง
ตรวจ Ultrasound อายุครรภ์
หลังคลอดพบผนังหน้าท้อง ซึ่งมักจะอยู่ขวาต่อสายสะดือเป็นช่องโหว่ มีอวัยวะภายในออกมา
เด็กอาจตัวเล็ก คลอดก่อนกำหนด
การที่ไม่มีผนังหน้าท้อง ทำให้ลำไส้ปนเปื้อนความสกปรก จากภายนอก ทำให้มีอาการติดเชื้อ
อุณหภูมิร่างกายต่ำ เด็กตัวเย็น จากน้ำระเหยจากผิวของลำไส้ ทำให้สูญเสียน้ำ
การรักษา
Omphalocele ขนาดใหญ่ไม่มาก อาจใช้แผ่น silastic ปิดทับถุง omphalocele พันด้วยผ้ายืด elastic wrap ทำให้อวัยวะนอกช่องท้องถูกดันกลับทีละน้อย สามารถปิดผนังหน้าท้องภายใน 2 อาทิตย์
การผ่าตัด
การผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องตั้งแต่ระยะแรก เป็นการปิดหน้าท้อง โดยดันกลับเข้าไปในช่องท้อง แล้วเย็บปิดผนังหน้าท้อง และเย็บปิด fascia แล้วปิดผนังอีกชั้นหนึ่ง
การผ่าตัดปิดหน้าท้องเป็นขั้นตอน ในกรณีดันลำไส้กลับเข้าในช่องท้องทำให้ผนังท้องตึง ไม่สามารถเย็บ fascia ได้ หรือเย็บปิดแล้ว ช่องท้องแน่นมาก หรือดันลำไส้กลับไม่หมด
Abdominal compartment syndrome
การที่ความดันในช่องท้อง (IAP) เพิ่มสูงขึ้น >20 mmHg ทำให้อวัยวะล้มเหลวตามมา
การดูแล
ให้ยาระงับปวดให้เหมาะสม
จัดท่าผู้ป่วยนอนราบ ศีรษะสูงไม่เกิน 30 องศา
ใส่สายสวนกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่
ได้รับยาขับปัสสาวะ/ยากระตุ้นการทำงานของลำไส้
ฟอกไตเพื่อดึงน้ำออกจากร่างกาย
การใส่สายระบายในช่องท้อง (Percutaneous catheter drainage)
ประเด็นคำถาม
Gastroschisis กับ Omphalocele แตกต่างกันอย่างไร
Omphalocele
ผนังหน้าท้องพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ช่องท้องไม่ปิด มีเยื่อบางๆของ peritoneum,Wharton's jelly,amnion หุ้มอวัยวะที่ออกนอกช่องท้อง
Gastroschsis
ผนังช่องท้องพัฒนาสมบูรณ์ ไส้เลื่อนสะดือแตกตอนทารกอยู่ในครรภ์ ลำไส้ กระเพาะทะลักออกนอกช่องท้องทางรูข้างสายสะดือ ไม่มีสิ่งห่อหุ้ม
เด็กดูแลในระยะดันลำไส้กลับในช่องท้องเด็กต้องจัดท่านอนอย่างไร เพราะเหตุใด
นอนตะแคงข้าง เพื่อลดโอกาสที่เลือดจะมาเลี้ยงไม่สะดวก
การฟัง bowel sound หลังการผ่าตัดปิดหน้าท้องเด็ก มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ประเมินการอุดตันของลำไส้ ถ้า 3 สัปดาห์แล้ว bowel sound obstruction จาก adhesion,missed atresia or stenosis
ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องเด็ก ต้องระวังภาวะใด มีอาการและอาการแสดง
Abdominal compartment syndrome มีอาการท้องอืดอย่างรุนแรง ปัสสาวะออกน้อยลง central venous pressure สูงขึ้น ความดันในช่องอกสูงขึ้น
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปกติ (hypospadias)
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ด้านบน (epispadias)
ท่อปัสสาวะไปเปิดด้านบนขององคชาต ร่วมกับความผิดปกติอื่นๆ
ผลกระทบ
ปัสสาวะไม่พุ่งเป็นลำไปด้านหน้า แต่กลับไหลไปตามถุงอัณฑะหน้าด้านหน้าของต้นขา
องคชาตคดงอเมื่อมีการแข็งตัว ถ้างอมากอาจทำให้ร่วมเพศไม่ได้ในอนาคต หรือหลั่งน้ำอสุจิไม่พุ่ง
องคชาตดูแตกต่างจากปกติ ทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจ
การแบ่งความผิดปกติ
Anterior or distal or mind
รูเปิดท่อปัสสาวะมาเปิดทางด้านหน้า หรือบริเวณส่วนปลายขององคชาต มีรูต่ำกว่าปกติเพียงเล็กน้อย
Middle or moderate
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่กลางองคชาต
Posterior or proximal or severe
รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ที่ใต้องคชาต บริเวณ penoscrotal
การรักษา
เวลาที่เหมาะสมในการผ่าตัดจะอยู่ในช่วงอายุ 6-18 เดือน แต่ไม่ควรเกิน 2 ปี
ผ่าตัดแบบขั้นตอนเดียว
การแก้ไขให้องคชาตยืดตรง พร้อมกับการตกแต่งท่อปัสสาวะ ทำรูเปิดท่อปัสสาวะให้อยู่ที่ปลายองคชาตและใช้ผิวหนังปิดบริเวณผ่าตัด
ผ่าตัดแบบ 2 ขั้นตอน
Orthoplasty
แก้ไของคชาตโค้งงอ โดยตัดเลาะเนื้อเยื่อที่ดึงรั้ง เพื่อให้องคชาตยืดตรง
Urethroplasty
หลังผ่าตัด Orthoplasty แล้ว 6 เดือน เป็นการตกแต่งท่อปัสสาวะ โดยการทำรูเปิดท่อปัสสาวะให้อยู่ที่ปลายองคชาตและใช้ผิวหนังปิดบริเวณผ่าตัด
ประเด็นคำถาม
การรักษา hypospadia โดยการผ่าตัดควรทำเมื่อใด เพราะเหตุใด
ช่วงอายุ 6-18 เดือน แต่ไม่ควรเกิน 2 ปี เนื่องจากเด็กเริ่มเรียนรู้เรื่องเพศ หากไม่ได้รับการแก้ไข อาจจะมีผลต่อการพัฒนาทางด้านจิตใจ
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
เลือดออก
เกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะบริเวณแผลเย็บที่สร้างท่อปัสสาวะใหม่
องคชาตยังโค้งงอ
เกิดการติดเชื้อ
คำแนะนำในการดูแลหลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
กระตุ้นให้เด็กดื่มน้ำมากๆทุกวัน
ห้ามเด็กเล่นทราย ขี่จักรยานหรือนั่งคร่อมของเล่ย ว่ายน้ำหรือกิจกรรมที่รุนแรง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและการเลื่อนหลุดของสายท่อปัสสาวะ
ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียก ทำความสะอาดร่างกายเด็กด้วยการเช็ดตัว ห้ามอาบน้ำในอ่าง สวมเสื้อผ้าหลวมๆ
ทำความสะอาดให้เด็กภายหลังการถ่ายอุจจาระ ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อธิบายการติดเชื้อ เช่น มีไข้ แผลแดงอักเสบ ปัสสาวะขุ่นมีตะกอนและกลิ่นเหม็น ควรมาพบแพทย์ทันที
ภายหลังการเอาสายสวนปัสสาวะออก ให้สังเกต ปริมาณปัสสาวะ ลักษณะการถ่ายปัสสาวะเป็นลำพุ่งดี หรือไม่ ปัสสาวะปกติเป็นสีชาอ่อนๆ การถ่ายปัสสาวะลำบากหรือไม่
วิภารัตน์ ยมดิษฐ์. (2563). เอกสารประกอบการสอน เรื่อง การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด. วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี.
ณัฐพล วทัญญุตา.Collective review Esophageal perforation[อินเตอร์เน็ต]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563. จากเว็บไซต์
http://medinfo2.psu.ac.th/surgery/Collective%20review/2557/6.Esophageal_perforation%20(Natthaphon%2014.5.57).pdf
โรงพยาบาลธนบุรี. การใส่สายอาหารทางหน้าท้อง[อินเตอร์เน็ต]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563. จากเว็บไซต์
https://www.thonburihospital.com/PEG_Percutaneous_endoscopic_gastrostomy.html
เนตรทอง นามพรม.Esophageal atresia (EA) and tracheoesophageal fistula (TEF)[อินเตอร์เน็ต]. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2563. จากเว็บไซต์
https://cmnb.site/esophageal-atresia-ea-and-tracheoesophageal-fistula-tef/
นางสาวนงลักษณ์ อรรถสวัสดิ์ รหัสนักศึกษา 612001053
รุ่น 36/1 เลขที่ 52