Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด, นางสาว กนกวรรณ เนียมพลู…
การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด
ความพิการแต่กำเนิด
การจำแนกความพิการแต่กำเนิดตามกลไกการเกิด
Deformation
เกิดจากการที่มีแรงกระทำจากภายนอกทำให้อวัยวะผิดรูปไปในระหว่างการเจริญพัฒนาของอวัยวะนั้น
เช่น มีภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วระหว่างตั้งครรภ์ทำให้เกิด oligohydramnios sequence
Disruption
เช่น ทารกขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย การบาดเจ็บของอวัยวะ หรือเนื้อเยื่อ
ภาวะที่โครงสร้างของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อผิดปกติจากสาเหตุภายนอกรบกวนกระบวนการ เจริญพัฒนาอวัยวะที่ไม่ใช่พันธุกรรม
Malformation
อวัยวะผิดรูปกระบวนการเจริญพัฒนาภายในที่ผิดปกติ
อาจเกิดจากพันธุกรรมหรือสิ่งแวดล้อม เช่นปากแหว่ง (cleft-lip) เพดานโหว่(cleft -palate)
Dysplasia
เป็นความผิดปกติในระดับเซลล์ของเนื้อเยื่อพบในทุกส่วนของร่างกาย
เช่นกลุ่มโรค skeletal dysplasia เกิดจากความผิดปกติของกระดูกที่มีสาเหตุจากพันธุกรรม
เด็กจะมีลักษณะตัวเตี้ย แขนขาสั้น ศีรษะโต สันจมูกแบน เป็นต้น
สาเหตุของความพิการแต่กำเนิด
พันธุกรรม
ในกรณีที่บิดามารดา ปูุย่า ตายาย ในครอบครัวเป็นโรค
ความพิการแต่กำเนิด บุตรและหลานมีโอกาสเกิดมาพิการได้
ตัวอย่างเช่นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ เป็นต้น
ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะจากมารดาในระหว่างตั้งครรภ์ ได้แก่
มารดากินยาหรือเสพสารเสพติด
เช่น ยาแก้อาเจียน กลุ่ม ยาดองเหล้า ดื่มเป็นประจำโอกาสที่เด็กจะพิการถึงร้อยละ 32 ซึ่งความพิการที่พบเช่นศีรษะเล็ก ปัญญาอ่อน เจริญเติบโตช้า
อาจจะมีความพิการผิดปกติที่หน้า หัวใจ ข้อ และอวัยวะเพศ
มารดาได้รับสารเคมีจากสิ่งแวดล้อม
สารปรอทนอกจากจะทำให้เกิดอาการแพ้พิษสารปรอท ที่เรียกว่า โรคมินามาตะ
ขาดอาหาร ขาดวิตามิน
ขาดวิตามินในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้เกิดความพิการ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่
รังสีเอ๊กซ์ หรือรังสีแกมม่า รวมทั้งสารกัมมันตรังสีทางการแพทย์
ถ้ามารดาได้รับตั้งแต่ตั้งครรภ์2 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน ความพิการที่จะพบได้ คือ ศีรษะเล็ก ลูกตาเล็ก มีความผิดปกติของกระดูกสันหลังและแขนขา
โรคติดเชื้อเช่น
โรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ได้ไม่เกิน16 สัปดาห์ อาจมีผลทำให้เด็กในครรภ์ตาย แท้ง หรือคลอดออกมาพิการผิดปกติ
ความพิการที่พบบ่อยคือ เด็กมีขนาดตัวเล็ก มีเลือดออกตามผิวหนัง ตับและม้ามโต เป็นต้น
ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ หรือ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
ครรภ์เป็นพิษ รกเกาะผิดที่ทำให้เกิดเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์การคลอดที่ยากลำบาก
มารดามีอายุมากเกินไป
มารดามีบุตรอายุเกิน 35 ปี บุตรมีโอกาสเกิดความพิการได้มาก
ปากแหว่ง-เพดานโหว่ (Cleft-lip , Cleft-palate )
อาการและอาการแสดง
การดูดกลืนผิดปกติ อมหัวนมไม่สนิท มีรูรั่ว ลมเข้าไปทำให้ท้องอืด
เกิดการสำลัก เพราะไม่มีเพดานรองรับ การกลืนอาหาร เลื่อนตัวไปในจมูก ทำให้เข้าหลอดลม พูดไม่ชัดเนื่องจากเพดานปากเชื่อมติดกับเพดานจมูก
หายใจลำบาก อาจติเชื้อในหูชั้นกลางผิดปกติคือ มีปัญหาการได้ยิน
ปัญหาที่เกิดร่วมกับความผิดปกติ
เกิดการสำลักเพราะไม่มีเพดานรองรับ อาหารเคลื่อนลงไปในจมูก ทำให้อาหารเข้าหลอดลมเกิดการสำลัก
หายใจลำบาก พูดไม่ชัดเพดานปากติดอยู่กับเพดานจมูก
การวินิจฉัย
ตรวจได้อายุครรภ์ 13-14สัปดาห์ ด้วย ultrasound
การซักประวัติเพื่อหาสาเหตุทางกรรมพันธุ์
ตรวจเพดานโหว่ ดูในช่องปากเวลาเด็กร้อง
การรักษาปากแหว่ง
การผ่าตัดอายุเด็กสำหรับการผ่าตัดจะขี้นอยู่กับแพทย์ ทำใน48ชม.หลังคลอดในรายที่เด็กสมบูรณ์ หรือรอเด็กอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์เพราะริมฝีปากโตพอชัดเจน
อาจใช้"กฎเกณฑ์'' ทำการผ่าตัดเมื่อเด็กอายุ 10 สัปดาห์ขึ้นไป นน.10 ปอนด์ ฮีโมโกลบิน10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
การผ่าตัด
การผ่าตัด ปากแหว่งด้านซ้าย Triangular Flap
ผ่าตัดปากแหว่งด้านขวา Rotation Advancement Method
ผ่าตัดปากแหว่งทั้ง 2 ด้านStraight Line Repair
การผ่าตัดแก้ไขเพดานโหว่ palatoplasty
palatorrhaphy มีหลายขั้นตอน
ขั้นต่อมาผ่าตัดเพดาน เพื่อให้พูดให้ชัดมีการเจริญเติบโตของใบหน้าและฟันอย่างสมบูรณ ์ มักนิยมทำผ่าตดัแกไข้ความพิการก่อนเด็ก เริ่มหัดพูดคืออายุประมาณ 6 - 18 เดือนร่างกายแข็งแรง ไม่ติดเชื้อทางเดินหายใจ
ขั้นต่อการผ่าตัดแก้ไขจมูก ทำอายุ3 ปี และตามด้วยการฝึ กพูด ขั้นต่อมาระมาณ 5 ปี ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน
ขั้นตอนแพทย์และทันตแพทย์ เพื่อใส่เพดานเทียม (obtulator) ปิดเพดานช่องโหว่เพื่อไม่สำลัก เปลี่ยนทุก 1เดือน
ขั้นต่อมาเป็นการรักษาความผิดปกติที่หลงเหลือ ให้ลักษณะริมฝีปาก จมูกและภายในช่องปากใกล้เคียงปกติที่สุด
การพยาบาลเด็กปากแหว่งเพดานโหว่
การพยาบาลระยะก่อนผ่าตัด
บิดา มารดา ผู้ดูแลเด็กขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลรักษา
แนะนำการดูแลในระยะก่อน หลังผ่าตัด
สอนการป้อนนมอย่างถูกวิธี
แพทย์จะอธิบายการผ่าตัดและผลลัพธ์การรักษา พยาบาลควรให้ความชัดเจนในกรณีที่ผู้ปุวยไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆ
ประเมินความรู้ความเข้าใจของบิดามารดาเรื่องความผิดปกติของผู้ป่วยและการผ่าตัดรักษา
เสริมแรง ให้กำลังใจ
การให้นม/อาหารอย่างถูกวิธี
ดูดครั้งละน้อยๆ บ่อยครั้ง ใส่เพดานเทียมก่อนให้ดูดนม ก่อน-หลังใช้เพดานเทียมต้องทำความสะอาดทุกครั้ง
ถ้าเด็กดูดไม่ได้ใช้ช้อนปูอน / หลอดหยด
ใช้ Artificial nipple จุกนมต้องยาว รูออกของน้ านมจะต้องใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย เด็กจะได้ดูดสะดวกและไม่ดูด เอาอากาศเข้าไปมากซึ่งจะทาให้แน่นท้อง
จับไล่ลมเป็นระยะๆทุก 15-30 มิลลิลิตรเสมอ หลังให้นมนอนศีรษะสูง 30 องศาตะแคงขวาให้ใบหน้าตะแคงเพื่อปูองกันท้องอืด สำลัก
ป้อนน้ำตามทุกครั้งและทำความสะอาดช่องปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อในเด็กหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เป็นเมล็ด
ศีรษะสูง30-45 องศาการ Feeding เด็กเพดานโหว่จะต้องนั่งศีรษะสูง(จัดท่า 45 degree)เวลาดูดนมจะได้ไม่สาลัก
การใส่ NG tube จะเป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีที่เด็กมีปัญหาไม่สามารถ feed ได้ด้วยวิธีอื่นๆหรือน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มากๆ
บิดา มารดา วิตกกังวลเกี่ยวกับความพิการแต่กำเนิด
ให้ข้อมูล คำแนะนำ อธิบาย เกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของผู้ปุวย และการรักษาวิธีการเพื่อเป็นข้อมูลให้กับบิดามารดา
เปิดโอกาสให้บิดามารดาได้ซักถามถึงอาการเจ็บปุวยและได้ระบายถึงความวิตกกังวลของตนเอง เพื่อหาแนวทางแก้ไขความวิตกกังวลและตอบค าถามและข้อสงสัยของบิดามาดา
ปลอบโยนให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และกระตุ้นให้บิดามารดาคอยดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด
เพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวลของบิดามารดา
ประเมินความวิตกกังวลของบิดามารดาของผู้ปุวยเพื่อหาแนวทางแก้ไขหรือการให้ข้อมูลได้ถูกต้องปฏิกิริยาของบุคคลต่อการสูญเสีย / ข่าวร้าย
มีโอกาสขาดสารน้ำสารอาหารจากการดูดกลืนผิดปกติ
เตรียมลูกยางแดงสำหรับดูดเสมหะไว้ข้างเตียง สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้ ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
ถ้าน้ำหนักไม่ขึ้น ได้รับนมไม่เพียงพอ รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาใส่สายให้อาหาร
ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี รักษาความสะอาดช่องปาก
การพยาบาลระยะหลังผ่าตัด
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจจากการสำลัก
ดูแลทำความสะอาดแผลผ่าตัด
ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
มีโอกาสขาดน้ำและสารอาหารเนื่องจากข้อจำกัดในการดูดกลืนหลัง
ผ่าตัด
งดดูดนมขวดประมาณ 1 เดือน
สอนบิดา มารดาให้นมอย่างถูกวิธี
วิธีการให้นมหลังผ่าตัด
หลังผ่าตัดเพดานโหว่ให้อาหารเหลวที่มีพลังงานสูง โดยใช้ syring ต่อ
ท่อยางยาวประมาณ 3 เซนติเมตร หยอดเข้าในกระพุ้งแก้มด้านใน
จับไล่ลมเป็นระยะๆทุก 15-30 มิลลิลิตรเสมอ หลังให้นมนอนศีรษะสูง
30 องศาตะแคงขวาให้ใบหน้าตะแคงเพื่อปูองกันท้องอืด สำลัก
หลังผ่าตัดปากแหว่งเริ่มปูอนนม อาหารเหลวได้ตามแผนการรักษา
โดยใชหยดเข้าทางกระพุ้งแก้ม
ป้อนน้ำตามทุกครั้งและทำความสะอาดช่องปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
จัดท่านอนศีรษะสูง
ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
เสี่ยงต่อการหายใจไม่มีประสิทธิภาพหลังได้รับยาระงับความรู้สึก
ประเมินการหายใจเสียงหายใจ การติดตามค่า oxygen satulation
จัดท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน หรือนอนตะแคงหน้าเพื่อให้เสมหะระบายออก
สังเกตอาการบวมของแผลผ่าตัด/โพรงจมูกทั้งสองข้าง
กรณีมีเสมหะ ดูดเสมหะด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังอย่าให้กระทบกระเทือนแผล
พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง
บิดามารดา ขาดความรู้ความเข้าใจการดูแลทารกหลังผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
การทำความสะอาดแผลผ่าตัด
การสังเกตความผิดปกติที่บ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อ ปวด บวม แดงร้อน มีสารคัดหลั่งออกมาจากแผล
การให้นมอย่างถูกวิธี
ห้ามล้วงปาก งดนอนคว่ำ ไม่ให้ร้องโดยตอบสนองความต้องการ
แนะนำการดูแลเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
การเสริมสร้างกำลังใจในการดูแลทารก
ไม่สุขสบายเนื่องจากแผลผ่าตัด
ดูแลให้ไดรับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
ประเมินสัญญาณชีพ ชีพจร การหายใจ ความดันโลหิต
ประเมินความเจ็บปวดโดยสังเกตพฤติกรรม การร้องการเกร็ง กระสับกระส่าย การอนพักหลับ
ส่งเสริมความสุขสบายเพื่อลดความปวดโดยการสัมผัส การกอด การปลอบโยน
การพยาบาลหลังผ่าตัดcleft lip
ป้ายยาครีมปฎิชีวนะตามแผนการรักษา
สังเกตอาการออกเสียงขึ้นจมูกและอาการสำลักอาหารจากปากเข้าจมูก
จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำเพื่อป้องกันการเสียดสี กับที่นอน แผลอาจแยกได้
ห้ามอ้าปากทารกกว้างๆเพื่อป้องกันแผลแยก
สอนบิดา มารดา ทำความสะอาดแผล
ห้ามดูดเสมหะในช่องปาก ยกเว้นหากจำเป็นต้องทำด้วยความนุ่มนวล
ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณแผลเพดานที่เย็บไว้ในช่องปาก
ระวัดระวังสิ่งคัดหลั่งจากจมูกมาปนเปื้อนแผลผ่าตัด ถ้ามีทำความสะอาดด้วย NSS และปิด sterile strips ใหม่
หลีกเลี่ยงการนำของแข็งหรือของที่มีความแหลมคมเข้าปาก เช่น แปรงสีฟัน หลอดดูด
ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดดึงรั้ง โดยการปลอบโยนให้เด็กสงบเมื่อร้องไห้ ปิดแผลด้วย sterile strips
การดูแลการผ่าตัดเพดานโหว่4-5 ปี
ผู้ปุวยควรได้รับการสอนฝึกพูดเสมอและได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
อายุประมาณ 2 ปีครึ่ง - 3 ขวบ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดแก้ไขอายุ2 ปีครึ่งถึง 3 ปีหรือบางครั้งจะ พิจารณาผ่าตัดภาวะดังกล่าวก่อนเข้าวัยเรียนเพื่อลด Negative social effect
งด ดูด เป่า ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กใช้ลิ้นดัน flap ทำให้flap ที่ผ่าตัด มีการแยกได้
อายุประมาณ 4-5 ปี ส่งท า Nasendoscope โดย แพทย์ ENTร่วมกับ speech
therapist เพื่อประเมินประสิทธิภาพการพูด ให้ผู้ปุวยนับเลข เช่น 30 ถึง 40
เสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก/ เลือดออก/ ติดเชื้อ
ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังดูแลผู้ป่วย
ไม่ให้ดูดนม 1 เดือน การให้นมโดยใช้ช้อน หลอดหยด syring ต่อยางเหลืองนิ่ม และป้อนนมอย่างระมัดระวัง
สอนผู้ดูแลเกี่ยวกับการผูกยึดข้อศอก ป้องกันไม่ให้ผู้ปุวยล้วงมือเข้าในปากงดใส่สายยางดูดเสมหะเข้าช่องปาก
ผูกยึดข้อศอกทั้งสองข้าง (elbow restraint) ไม่ให้งอประมาณ 2-6สัปดาห์หลังการผ่าตัด
สังเกตอาการแผลมีเลือดออก การสีสิ่งคัดหลั่ง กลิ่น การอักเสบปวดบวมแดงหากร้องไห้ ปลอบโยนให้ทำให้สงบโดยเร็ว
ทำความสะอาดแผลเย็บปากแหว่งด้วย NSS ป้ายด้วยยาปฏิชีวนะ
ให้น้ำตามหลังให้อาหารเหลวทุกครั้ง เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก
ดูแลไม่ให้เด็กติดเชื้อระบบทางเดินหายใจสังเกตการติดเชื้อ
ประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
3.หลังผ่าตัด การดูแลเพื่องป้องกันแผลแยกทำอย่างไร
หากร้องไห้ ปลอบโยนให้ทำให้สงบโดยเร็ว
ทำความสะอาดแผลเย็บปากแหว่งด้วย NSS ป้ายด้วยยาปฏิชีวนะ
ให้น้ำตามหลังให้อาหารเหลวทุกครั้ง เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก
ดูแลไม่ให้เด็กติดเชื้อระบบทางเดินหายใจสังเกตการติดเชื้อ
4.หลังผ่าตัดทารกควรนอนท่าใด
จัดท่านอนหงายหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ห้ามนอนคว่ำเพื่อป้องกันการเสียดสี กับที่นอน แผลอาจแยกได้
2.การผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่ควรทำเมื่อใด/การผ่าตัดเพดานโหว่ควรทำเมื่อใด
หลังคลอดในรายที่เด็กสมบูรณ์ดีหรือ รอตอนเด็กที่มีอายอย่างน้อย8 - 12 สัปดาห์
5.หลังผ่าตัดทารกจะดูดนมได้เมื่อใด
กระตุ้นให้ดูดน้ำหลังการผ่าตัด 1 เดือน
1.ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ในระยะก่อนผ่าตัดคือเรื่องใด มีวิธีป้องกันอย่างไร
วิธีป้องกัน
ดูแลให้นมอย่างถูกวิธีรักษาความสะอาดช่องปาก
สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้ ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
มีโอกาสขาดสารน้ำสารอาหารจากการดูดกลืนผิดปกติ
Esophageal stenosis/fistula/atresia หลอดอาหารตีบ/รั่ว/ตัน
การพยาบาลก่อนผ่าตัดแก้ไขหลอดอาหาร
อาจเกิดภาวะปอดอักเสบหายใจลำบากหรือหยุดหายใจเนื่องจากสำลักน้ำลายหรือน้ำย่อยเข้าหลอดลม
-0n NG tube ต่อ Continuous suction
ให้ออกซิเจนกรณีมีภาวะพร่องออกซิเจน
-พลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
-จัดท่านอนที่เหมาะสม
อาจได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ดูแลให้สารอาหาร นม น้ำ ทางGastrostomy tube
การวินิจฉัยปัญหาและการพยาบาล
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต่อหลอดอาหาร(แผลแยก)
กระตุ้นให้เด็กร้องไห้บ่อยๆ เพื่อให้ปอดขยายดีขึ้นสังเกตภาวะขาดออกซิเจน
ดูแลการทำงานICD มีประสิทธิภาพ
ห้ามใส่สายNG tube หรือสาย suctionดูดเสมหะในคอและไม่ควรนอนเหยียดคอ เพราะอาจทำให้หลอดอาหารตึงและแผลผ่าตัดแยก
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาและAntibioticตามแผนการรักษา
การรักษา
ระยะสอง
-Thoracotomy and division of the fistula with Esophageal anastomosis-Esophagogram
-Try oral feeding
-Off Gastrostomy tube
ระยะแรก
Gastrostomy
การพยาบาลหลังผ่าตัด
อาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดและแผลGastrostomy
สังเกตการติดเชื้อ
ทำแผลอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาล
ดูแลให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
อาจเกิดภาวะปอกแฟบจากการอุดตันของท่อระบายทรวงอก
ตรวจสอบการทำงานของ ICD
ระวังสายหัก พับงอ / นวดคลึงสายบ่อยๆ
บันทึก ลักษณะ สี จำนวนของ discharge
จัดท่านอนศีรษะสูง
อาการและอาการแสดงของโรค
ทารกแรกเกิด น้ำลายไหลมาก อาเจียน ไอ สำลัก เอาอาหารและเมือกเข้าสู่ทางเดินหายใจ
ส่วนใหญ่จะมี โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดความผิดปกติของลำไส้เล็ก ไส้ตรง และรูทวาร ร่วมด้วย
ประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
อาการอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารตีบคืออะไร
อาการที่บ่งชี้คือน้ำลายไหลมาก อาเจียน ไอ สำลัก อาหารหรือเมือกเข้าสู่ทางเดินหายใจ จะมีอากาศในกระเพาะอาหาร
อาการอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารมีรูรั่วคืออะไร
อาการเจ็บหน้าอก อาการเหนื่อย อชนิดไม่มีเสมหะ, ไอเป็นเลือด, เหนื่อยขณะนอนราบ
การให้นม TE fistula ทำอย่างไร
นอนยกศีรษะสูง 45 ํ- 60 ํ
ดูดเสมหะอย่างนุ่มนวล
ริ่มให้น้ำหรือนมทางสายยาง ต้องให้แบบช้าๆ ให้เสร็จแล้ว แขวนปลาย tube อยู่สูงกว่าลำตัวและเปิดปลาย tubeไว้
ขณะให้น้ำหรือนม ต้องยกศีรษะสูงเสมอ
การดูแล Gastrostomy ทำอย่างไร
ทำความสะอาดสายให้อาหารด้านนอกและข้อต่อด้วยสบู่และน้ำสะอาด ส่วนสายสวนชนิดระดับผิวหนังใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ด
ไม่ควรหักหรือพับงอสายให้อาหารนานเกินไป อาจทำให้สายแตกหักหรือพับงอ ทำให้เกิดการอุดตันได้
ไม่ควรใช้อาหารที่มีความร้อนเพราะจะทำให้อายุการใช้งานน้อยลง ซึ่งปกติจะใช้ได้นาน 6 - 8 เดือน
Anorectal malformation
การวินิจฉัย
การตรวจรังสีวินิจฉัย X ray เพื่อประเมินระดับลำไส้ตรง
ultrasound เพื่อตรวจการไหลเวียนและดูอวัยวะภายใน
การตรวจร่างกาย
CT scan ตรวจกระดูก กล้ามเนื้อ อวัยวะภายวน
MRI ตรวจความผิดปกติร่วมของไขสันหลัง ความผิดปกติร่วมของลักษณะกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน
การรักษา
เป้าหมายการรักษาพยาบาล เพื่อ ผู้ป่วยสามารถถ่ายอุจจาระได้ มีความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ และกลั้นอุจจาระได้
ความผิดปกติ low type มีการรักษา 3 วิธี
การถ่างขยายทวารหนัก โดยใช้ hegar metal dilators โดยใช้เบอร์ 9-10 mm เมื่อกลับบ้านจะแนะนำเพิ่มขนาดขึ้นให้เหมาะสมกับอายุเด็ก ซึ่งใช้เวลาในการถ่างขยาย 6เดือน-1 ปี
การผ่าตัด anal membrane ออกในรายที่สังเกตเห็นขี้เทาทางทวารหนัก
การผ่าตัดตบแต่งทวารหนัก (anoplasty) เมื่อแผลผ่าตัดติดเรียบร้อยแล้วประมาณ 10 วัน ถ่างขยายทวารหนักต่อ
ความผิดปกติ intermediate และ high
การทำทวารหนักเทียมทางหน้าท้อง เพื่อระบายอุจจาระออก (colostomy)
การผ่าตัดตบแต่งทวาร (anoplasty)
หลังผ่าตัดประมาณ 2สัปดาห์ แพทย์จะเริ่มถ่างขยายรูทวารหนัก(Anal dilatation)โดยเริ่มจากเบอร์ขนาดเล็กประมาณ7-10มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก วันละ 2 ครั้ง จนการขยายทวารหนักทำได้ง่าย
จะเพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของ hegar สัปดาห์ละ 1 มิลลิเมตรจนกระทั่งเบอร์เหมาะสมกับอายุเด็ก ต้องทำต่อเนื่อง
ระยะ5ระยะ
ระยะที่สาม ขยายรูทวารหนัก 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ นาน 1 เดือน
ระยะที่สอง ขยายรูทวารหนักวันละ 1 ครั้ง ทุก 3 วัน นาน 1 เดือน
ระยะที่สี่ ขยายรูทวารหนัก 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์ นาน 1 เดือน
ระยะแรก ขยายรูทวารหนักวันละ 1 ครั้ง นาน 1 เดือน
ระยะที่ห้า ขยายรูทวารหนัก 1 ครั้ง ต่อเดือน นาน 1 เดือน
ความสัมพันธ์ อายุกับ hegar metal dilator
อายุ9-12 เดือนเบอร์ hegar 14
อายุ1-3 ปีhegar 15
อายุ4-8 เดือนเบอร์ hegar13
อายุ4-14 ปี hegar 16
อายุ1-3 เดือนเบอร์ hegar
อายุ14 ปีขึ้นไปhegar 17
การผ่าตัดปิดทวารเทียมทางหน้าท้อง
อาการและอาการแสดง
ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้หากมีการอุดตันของสำไส้เป็นเวลานานกาก
อาหารที่ค้างที่Rectumจะเพิ่มมากขึ้นจนถึงลำไส้ส่วนอื่นๆ
กระสับกระส่าย อืดอัด ไม่สบายเนื้อสบายตัว แน่นท้อง ท้องอืด ปวดเบ่งอุจจาระ
ไม่พบรูเปิดทางทวารหนักหรือพบเพียงรอยช่องเปิดของทวารหนักเท่านั้น
ไม่มีการถ่ายขี้เทา ภายใน 24 ชั่วโมง "ขี้เทา" (Meconium)ถ้าเลย 24 ชั่วโมงไปแล้ว ยังไม่ถ่ายอุจจาระให้สงสัยไว้ก่อนว่า เกิดจากการที่ลำไส้อุดตัน
ตรวจพบมีกากอาหารค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
การพยาบาลในระยะขยายทวารหนัก
แนะนำให้บิดามารดาให้อาหารตามวัยของเด็กที่มีประโยชน์มีกากใยสูง
ให้ความรู้บิดามารดาเกี่ยวกับการดำเนินของโรค
สอนการดูแลในการถ่างขยายรูทวารหนัก : ให้ยาแก้ปวดก่อนถ่างขยาย ใช้สารหล่อลื่น เลือกขนาดเครื่องมือตามแผนการรักษา สังเกตการมีเลือดออก การอักเสบถ้ามีการอักเสบแนะนำให้แช่ก้นด้วยน้ำอุ่น และทำความสะอาดหลังขับถ่าย
ชนิดของความผิดปกติ
Imperforate anal membrane มีเยื่อบางๆปิดกั้นรูทวารหนัก
Anal agenesis รูทวารหนักเปิดผิดที่ แบ่งเป็น
Intermediate type
High type
Low type
Anal stenosis รูทวารหนักตีบแคบ
Rectal atresia ลำไส้ตรงตีบตัน
การพยาบาลการพยาบาลหลังผ่าตัดเปิด colostomy
มีการรั่วซึมต้องเปลี่ยนถุงใหม่ และสังเกตการรั่วซึมของอุจจาระทุก 2 ชั่วโมง
เด็กที่มีถุงรองรับอุจจาระทางทวารเทียม เลือกขนาดของปากถุง ให้ครอบปิดกระชับพอดีกับขนาดทวารเทียม ไม่แน่นเกินไป
หลังผ่าตัดสัปดาห์แรก รูเปิดยังไม่หายและการหายของแผลยังไม่ดีพอ ทำความสะอาดด้วยน้ำ แผลหายดีทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด ซับผิวหนัง
รอบรูเปิดด้วยสำลีหรือผ้าสะอาดที่อ่อนนิ่มเกลือล้างแผล
ทิ้งอุจจาระถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง 1⁄4-1/3 ของถุง
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังรอบๆทวารเทียม ถ้ามีการอักเสบ รอยถลอกรายงานแพทย์
แนะนำอาหารย่อยง่ายมีโปรตีนสูง แคลอรีสูง มีกากใยมาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้มีแก๊ส เช่น ถั่ว น้ำอัดลม
สังเกตและบันทึกอุจจาระ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย อุจจาระมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
สังเกตภาวะแทรกซ้อนของทวารเทียม เช่น เลือดออก ลำไส้ยื่นออกมา การหดรั้งลำไส้ผิวหนังรอบๆทวารหนักเทียมอักเสบ ทวารเทียมขาดเลือดมีสีคล้ายเน่าตาย (necrosis)
แนะนำการมาตรวจตามนัด
การพยาบาลระยะก่อนและหลังผ่าตัดตกแต่งทวารหนัก (anoplasty)
บิดามารดาวิตกกังวลเรื่องความผิดปกติ และต้องได้รับการรักษาเป็นเวลานานหลายขั้นตอน
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดทวารหนัก
ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดรูทวารหนัก 8-10 วันตามแผนการรักษา
หลังผ่าตัด 3-4 วันหลังถอดสายสวนปัสสาวะ ให้แช่ก้นด้วยน้ำอุ่นกระตุ้นการไหลเวียนและลดการอักเสบ
ดูแลความสะอาดผิวหนังรอบๆทวารหนักด้วยน้ำ
สังเกตการติดเชื้อ ไข้ ปวด บวม แดง ร้อน
บิดา มารดา ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลแผลผ่าตัดบริเวณทวารหนัก
ให้คำแนะนำเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ให้ความรู้ป้องกันท้องผูก ให้อาหารมีกากใยให้ยาระบาย
สังเกตการตีบแคบของทวารหนัก
สอนทำความสะอาดเทียนไข ทวารหนัก
ฝึกขับถ่าย ฝึกกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมการถ่ายอุจจาระ
การถ่างขยายรูทวารหนักสม่ำเสมอ แนะนำใช้เทียนไขเหลาเท่าขนาด hegarถ่างขยาย
การมาตรวจตามนัด
ความหมาย
เป็นความพิการแต่กำเนิดที่ไม่มีรูทวารหนักเปิดให้อุจจาระออกจากร่างกายได้(imperforate anus)
มีรูเปิดทวารหนักแต่อยู่ผิดที่จากต าแหน่งปกติหรือรูทวารหนักมีการตีบแคบ
ประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
วิธีการฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อช่วยในการขับถ่ายทำอย่างไร
ฝึกหนีบลูกบอล ออกกำลังกายโดยการวิ่ง หรือว่ายน้ำ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อข้างเคียง
หลังผ่าตัดทำรูทวารหนัก ป้องกันการตีบแคบได้อย่างไร
ป้องกันท้องผูก ให้อาหารมีกากใย ให้ยาระบาย
การฝึกอุปนิสัยการขับถ่าย การให้ยาเพื่อปรับสภาพอุจจาระ
สังเกตการไม่มีรูทวารหนักทารกหลังคลอดอย่างไร
ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้หากมีการอุดตันของสำไส้เป็นเวลานาน
กระสับกระส่าย อืดอัด ไม่สบายเนื้อสบายตัวแน่นท้อง ท้องอืด
ปวดเบ่งอุจจาระตรวจพบมีกากอาหารค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
3.อายุที่เหมาะสมในการฝึกการขับถ่าย
อายุ18-24 เดือน โดยนั่งโถน เช้า เย็น
การดูแล colostomy ทำอย่างไร
ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผลเด็กที่มีถุงรองรับอุจจาระทางทวารเทียม เลือกขนาดของปากถุง ให้ครอบปิดกระชับพอดีกับขนาดทวารเทียม ไม่แน่นเกินไป
ทิ้งอุจจาระถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง 1⁄4-1/3 ของถุงสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังรอบๆทวารเทียม ถ้ามีการอักเสบ รอยถลอกรายงานแพทย์
แนะนำอาหารย่อยง่ายมีโปรตีนสูง แคลอรีสูง มีกากใยมาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้มีแก๊ส เช่น ถั่ว น้ำอัดลม
ปัญหาที่พบบ่อยได้หลังผ่าตัด
ท้องผูก : การสวนล้างร่วมกับการใช้ยาระบาย
กลั้นอุจจาระไม่ได้ : ฝึกฝนการกลั้นอุจจาระเพื่อให้เด็กใช้กล้ามเนื้อที่มีอยู่อย่าง
เต็มที่ เช่น ฝึกหนีบลูกบอล ออกกำลังกายโดยการวิ่ง
ทวารหนักตีบจากกลไกการหดรั้งตัวของแผล : การถ่างขยาย การฝึกอุปนิสัย
การขับถ่าย การให้ยาเพื่อปรับสภาพอุจจาระ
Omphalocele/ Gastroschisis
การรักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องตั้งแต่ระยะแรก (primary closure) เป็นการปิดหน้าท้องตั้งแต่ระยะแรกโดย ดันลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้องแล้วเย็บปิดผนังหน้าท้อง
โดยและเย็บปิดfascia แล้วเย็บปิดผิวหนังอีกชั้นหนึ่ง
การผ่าตัดปิดหน้าท้องเป็นขั้นตอน (staged closure) ในกรณีดันลำไส้กลับเข้าในช่องท้องทำให้ผนังหน้าท้องตึง ไม่สามารถเย็บปิด fascia ได้
การผ่าตัดปิดหน้าท้องเป็นขั้นตอน (staged closure)
แพทย์ทำถุงให้ลำไส้อยู่ชั่วคราว แล้วค่อยๆ บีบถุงไล่ลำไส้กลับเข้าช่องท้องโดยเปลี่ยน dressing วันละครั้งด้วย sterile technique
ถุงที่ทำไว้นี้ มี stockinett เป็นโครงให้มีความแข็งแรง เหมือนเป็นผนังหน้าท้อง และมี steridrape บุผิวด้านใน ทำหน้าที่คล้าย peritoneum membrane ลำไส้ที่อยู่ในถุงก็จะไม่แห้ง
การพยาบาลระยะก่อนผ่าตัด
keep warm โดยอาจเป็น radiant warmer หรือไว้ใน incubator
ระวังการ contaminate โดยต้องใช้ sterile technique พยายามให้ลำไส้สะอาด โดยการใช้ผ้า gauze ที่ชุบ normal saline ที่อุ่นลูบเช็ดลำไส้เอาสิ่งที่contaminate ออก แล้วปิดคลุมลำไส้ด้วยผ้า gauze
พยายามปั้นประคองกระจุกลำไส้ให้ตั้ง โดยการใช้ผ้า gauze ม้วนพันประคองไว้ไม่ให้ล้มพับดูแลไม่ให้มีลม/แรงดันในลำไส้/ช่องท้อง โดยใส่ NG tube และ ดูด content
การวินิจฉัย/อาการ/อาการแสดง
หลังคลอดพบผนังหน้าท้องซึ่งมักจะอยู่ขวาต่อสายสะดือเป็นช่องโหว่ มีอวัยวะภายในออกมา ซึ่ง มักจะเป็นกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งบวม แดง อักเสบ
อุณหภูมิกายต่ำ เด็กตัวเย็น จากน้ำระเหยจากผิวของลำไส้ ทำให้และสูญเสียน้ำ
ตรวจultrasound อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ สามารถวินิจฉัยและแยกทั้งสองภาวะออกได้สามารถตรวจพบถุง membrane
การพยาบาลในขณะรอการผ่าตัดเย็บปิดผนังหน้าท้อง
keep warm โดยอาจเป็น radiant warmer หรือไว้ใน incubator
ประคองลำไส้ไม่ให้พับตกลงมาข้างๆตัวได้ (เสริมกับชั้นของ roll gauze)
นอนตะแคงข้างเพื่อลดโอกาสที่เลือดจะมาเลี้ยงลำไส้ไม่สะดวก
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำเนื่องจากมีการสูญเสียน้ำจากลำไส้ที่ไม่มีผนังหุ้ม
การรักษาในระยะหลังผ่าตัด
ดูแลเด็กที่ได้รับการรักษาโดยใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ 24-48 ชั่วโมง
ดูแลให้ได้รับสารน้ำสารอาหารตามแผนการรักษาเนื่องจากลำไส้ของเด็กที่เป็น gastroschisisนี้มีการอักเสบ บวม และเกาะติดกันเป็นกระจุก
ติดตามการทำงานของลำไส้ ฟัง bowl sound ถ้า 3 สัปดาห์แล้ว bowel function ยังไม่
กลับมาแพทย์จะประเมินหาสาเหตุ เช่น bowel obstruction จาก adhesion,
สังเกตอาการระวังการเกิดAbdominal compartment syndrome
Abdominal compartment syndrome
ACS ส่งผลกระทบกับผู้ปุวยหลายระบบ เช่น หายใจลำบาก, ความดัน
โลหิตต่ำลง, ไตวาย และ อื่นๆ ซึ่งสุดท้ายอาจจะส่งผลให้ผู้ปุวยเสียชีวิต
การดูแลเพื่อลดแรงดันในช่องท้อง
ผู้ปุวยที่มีความดันในช่องท้องสูง(>12ม.ม.ปรอท) การดูแลรักษาเบื้องต้นโดย
ได้รับยาขับปัสสาวะ/ยากระตุ้นการทำงานของลำไส้
ฟอกไตเพื่อดึงน้ำออกจากร่างกาย
ใส่สายสวนกระเพาะอาหารและสำไส้ใหญ่
การใส่สายระบายในช่องท้อง(Percutaneous catheter drainage)
จัดท่าผู้ป่วยนอนราบ ศีรษะสูงไม่เกิน 30 องศา
ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น หรือความดันในช่องท้องสูงขึ้นผ่าตัดลดความดันในช่องท้อง
ให้ยาระงับปวดให้เหมาะสม
การที่ความดันในช่องท้อง(Intra-abdominal pressure: IAP) เพิ่มสูงขึ้น > 20 mmHg ซึ่งท าให้เกิดอวัยวะล้มเหลวตามมา
ประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
การฟัง bowl sound หลังผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องเด็ก มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
เพื่อประเมินหาสาเหตุ เช่น bowel obstruction จาก adhesion, missed
atresia or stenosis การดูดซึมจะเป็นปกติภายใน 6 เดือน
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องเด็ก ต้องระวังภาวะใด มีอาการและอาการแสดงอย่างไร
สังเกตอาการระวังการเกิดAbdominal compartment syndrome
อาการท้องอืดอย่างรุนแรง ปัสสาวะออกน้อยลง central venous pressure สูงขึ้น ความดันในช่องอกสูงขึ้น
เด็กดูแลในระยะดันลำไส้กลับในช่องท้องเด็กต้องจัดท่านอนอย่างไร เพราะเหตุใด
จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ ศีรษะสูงไม่เกิน30องศา เพื่อป้องกันลำไส้ดันกลับในช่องท้อง
Gastroschisis กับ Omphalocele แตกต่างกันอย่างไร
Omphalocele ผนังหน้าท้องพัฒนาไม่สมบูรณ์ทำให้ช่องท้องไม่ปิด มีเยื่อบางๆของ peritoneum, Wharton's jelly, amnion หุ้มอวัยวะที่ออกนอกช่องท้อง
gastroschisis ผนังช่องท้องพัฒนาสมบูรณ์ ไส้เลื่อนสะดือแตกตอนทารกอยู่ในครรภ์ ลำไส้, กระเพาะทะลักออกนอกช่องท้องทางรูด้านข้างสายสะดือไม่มีสิ่งห่อหุ้ม
รูเปิดท่อ ปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปกติ(hypospadias)
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
เลือดออกเกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะบริเวณแผลเย็บที่สร้างท่อปัสสาวะใหม่
มีรูตรงบริเวณรอยต่อระหว่างรูเปิดท่อปัสสาวะ เก่ากับท่อปัสสาวะที่สร้างใหม่
องคชาตยังโค้งงอ แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด เกิดการติดเชื้อ
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
อธิบายขั้นตอนการเตรียมการก่อนผ่าตัด เช่นการงดน้ำงดอาหาร
ประเมินความวิตกกังวล
ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น ผลของการผ่าตัด การปวดหลังผ่าตัด การได้ รับยาระงับความรู้สึกความรู้สึกเด็กที่ต้องพบกับสิ่ง แปลกใหม่ หลังผ่าตัด
การผ่าตัดแก้ไขรูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปกติ
ผ่าตัดแบบขั้นตอนเดียว (one-stage repair)
ผ่าตัดแบบ 2 ขั้นตอน (two-staged repair)
การพยาบาลหลังผ่าตัด
จัดให้เด็กนอนในท่าสบาย ยึดสายที่ต่อจากuretra หรือสาย cystostomyให้อยู่บริเวณหน้าท้องหรือต้นขา
ประเมินความปวดของเด็กให้ยาแก้ปวดตาม แผนการรักษาของแพทย์
เก็บปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อตามแผนการ รักษาอย่างเคร่งครัด
ใช้เทคนิคปลอดเชื้อในการทำแผลและการ เทปัสสาวะออกจากถุงปัสสาวะ
คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
บิดามารดา/ผู้ปกครองต้องกระตุ้นให้เด็ก ดื่มน้ำมากๆ ทุกวัน
ห้ามเด็กเล่นทราย ขี่จักรยานหรือนั่งคร่อม ของเล่น ว่ายน้ำหรือเล่นกิจกรรมที่รุนแรง
ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียก ทำความสะอาด ร่างกายเด็กด้วยการเช็ดตัว
อธิบายอาการติดเชื้อ เช่น มีไข้ แผลแดงอักเสบ ปัสสาวะขุ่นมีตะกอนและกลิ่นเหม็นควรมาพบแพทย์ทันที
อธิบายให้เด็ก บิดามารดา/ผู้ปกครองเข้าใจ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ลักษณะขององคชาต ยังโค้งงอหรือไม่
อธิบายให้เด็ก บิดามารดา/ผู้ปกครองเข้าใจ ถึงความสำคัญในการมาพบแพทย์ตามนัดหรือมาก่อน นัดหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น
Hypospadiasการแบ่งความผิดปกติของรูเปิดท่อปัสสาวะ
Middle or moderate:
Posterior or proximal or severe:
Anterior or distal or mild:
ประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
2.ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดมีอะไรบ้าง
เลือดออกเกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะบริเวณแผลเย็บที่สร้างท่อปัสสาวะใหม่
องคชาตยังโค้งงอ แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด เกิดการติดเชื้อ
3.คำแนะนำในการดูแลหลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้านทำอย่างไร
บิดามารดา/ผู้ปกครองต้องกระตุ้นให้เด็ก ดื่มน้ำมากๆ ทุกวันห้ามเด็กเล่นทราย ขี่จักรยานหรือนั่งคร่อม
ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียก ทำความสะอาด ร่างกายเด็กด้วยการเช็ดตัว
แนะนำและสาธิตให้บิดามารดา/ผู้ปกครอง ทราบวิธีการดูแลความสะอาดองคชาตที่คาสายสวนปัสสาวะ ไว้โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ (antiseptic
solution) ทำความสะอาดปลายองคชาต
1.การรักษา hypospadia โดยการผ่าตัดควรทำเมื่อใด เพราะเหตุใด
เด็กอายุ8-16 เดือนแต่ไม่ควรเกิน 2 ปี เนื่องจากเด็กเริ่มเรียนรู้เรื่องเพศ หากไม่ได้รับการผ่าตัดจะมีผลต่อด้านจิตใจ
นางสาว กนกวรรณ เนียมพลู เลขที่ 5 612001005 รุ่น 36/1
เอกสารอ้างอิง อาจารย์วิภารัตน์ ยมดิษฐ์.การพยาบาลทารกและเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด