Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
5.6 โรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
5.6 โรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์
1.ไวรัสตับอักเสบบี(Hepatitis B)
อาการและอาการแสดง
มีไข้อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะสีเข้มอุจจาระสีซีด ปวดข้อและในรายที่มีอาการรุนแรง มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง
เป็นโรคตับชนิดร้ายแรงที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B virus) ซึ่งอยู่ในกลุ่ม hepadnavirus ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งตับอักเสบ
การวินิจฉัยคัดกรองการติดเชื้อ
HBsAg: บอกถึง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
HBeAg: บอกถึงความสามารถในการแบ่งตัวของไวรัสตับอักเสบบี
Anti HBc: เป็นภูมิคุ้มกัน บอกถึงการเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
Anti HBc-IgM: พบในตับอักเสบเฉียบพลัน
Anti HBc-IgG: พบได้ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังหรือแม้แต่คนที่ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว
Anti HBe: จะพบหลังจากตรวจไม่พบ HBeAg ในเลือดแล้ว
Anti HBs: จะพบหลังจากตรวจไม่พบ HBsAg ในเลือดแล้ว หรือเป็นภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ผลกระทบ
หญิงตั้งครรภ์
เบาหวานขณะตั้งครรภ์
ความดันโลหิตสูง
เลือดออกผิดปกติก่อนคลอด
อัตราชักนำการคลอดและอัตราผ่าตัดคลอดเพิ่มขึ้น
ตับวาย
ทารก
ติดเชื้อ
คลอดก่อนกำหนอ
แท้ง
ตายคลอด
อัตราการตายหลังคลอดเพิ่มขึ้น
APGAR score ต่ำ
อัตราการเลือดออกในสมองเพิ่มขึ้น
แนวทางการรักษา
2.การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดาสู่ทารกในระยะหลังคลอด
ด้านมารดา
ควรรับประทาน Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF) 300 mg.
วันละ 1 ครั้ง จนถึง 4 สัปดาห์หลังคลอด
ด้านทารก
ใช้หลัก universal precaution
ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีการติดเชื้อ แต่ผลเลือก HBV น้อยกว่า10IU/ml ควรได้รับวัคซีน
Hepatitis B immunoglobulin (HBIG) (400IU) ขนาด 0.5ml
Hepatitis B Vaccine วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอดขนาด 0.5 ml
ทารกมีน้ำหนักน้อยกว่า 2,000 กรัม ฉีกวัคซีนได้ทันที
1.การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดาสู่ทารกในระยะก่อนการคลอด
การเจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis)
ให้ยาต้านไวรสัจาก HBeAg ในเป็นบวกหรือหากมารดามีปริมาณไวรัสในเลือดสูงกว่า 200,000 IU/mL ใหเ้ริ่ม ยาต้านไวรัสในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์โดยเริ่มที่อายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์
พิจารณาเป็นอันดับแรกได้แก่ Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF) 300 mg. หรือให้Lamivudine 100 mg ร่วมกับ HBIg ในสัปดาห์ทืี่ 32 ของการตั้งครรภ์
หากมีผลเป็นลบใหฝากครรภ์ปกติ
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
การคัดกรองโดยการซักประวัติ เน้นหากลุ่มเสี่ยง เช่น การเปลี่ยนคู่นอน การใช้สารเสพติด
2.การส่งตรวจเลือดหา HBsAg
3.ให้คำแนะนําในการปฏิบัติตัว
ระยะคลอด
1.ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ โดยดยใช้หลัก Universal
Precaution
2..ดูแลให้การคลอดดําเนินไปตามปกติ
3.ดูแลทารกแรกเกิดโดยการใช้หลัก universal precaution
ระยะหลังคลอด
1.ให้คำแนะนําในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
การประเมินหัวนมแตกและการส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยนมอย่างเดียว 6 เดือน
แนะนำการคุมกำเนิดและการวางแผนครอบครัว
แนะนำการปรับตัวด้านจิตสังคม การผ่อนคลายความเครียด
2.หัดเยอรมัน (Rubella, German measles)
สามารถติดเชื้อได้โดยตรงจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง
ภาวะแทรกซ้อน
ต้อกระจก
หัวใจพิการ
หูหนวก
อาการและอาการแสดง
ระยะก่อนออกผื่น
ไข้ต่ำ ปวดศีรษะ ตาแดง คออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อก่อนออกผื่น 1-2 วัน ้พบ Koplik's spot
ระยะออกผื่น
จะมีผื่นหลังมีไข้ 3-4 วัน มีตุ่มผื่นแดงเล็กๆ
การรักษาพยาบาล
รักษาแบบประคับประคอง
แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
ดื่มน้ให้เพียงพอ จิบน้ำบ่อยๆ
มีไข้ รับประทาน paracetamal ตามแพทย์สั่ง
ในรายที่ไม่ยุติการตั้งครรภ์ แพทย์อาจพิจารณาให้ฉีด
Immunoglobulin
สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก แพทย์จะแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์
3.ซิฟิลิส (Syphilis)
เชื้อเข้าสู่ร่างกายจากการฉีกขาดของผนังช่องคลอด สามารถติดจากมารดาไปยังทารกได้
ภาวะแทรกซ้อน
เสี่ยงต่อการแท้อง
ทารกาบอด
ทารโตช้า
ทารกคลอดก่อนกำหนด
ทารกบวมน้ำ
อาการและอาการแสดง
1.ซิฟิลิสปฐมภูมิ(primary syphilis) มีแผลริมแข็ง ตุ่มแดงที่อวัยวะเพศ ริมฝีปาก เป็นลักษณะขอบนูนแข็งไม่เจ็บ ต่อมน้ำเหลืองโตไม่เจ็บ
2.ซิฟิลิสทุติยภูมิ(secondary syphilis) ผื่นสีแดงน้ำตาลแต่ไม่คัน พบทั่งตัว มีไข้ ปวดตามข้อ
3.ซิฟิลิสระยะแฝง (latent syphilis) หลังได้รับเชื้อ 2-30 ปี เป็นช่วงไม่มีอาการ
4.ซิฟิลิสระยะตติยภูมิ(tertiary or late syphilis) หลังได้รับเชื้อ 2-30 ปี เชื้อทำลายอวัยวะภายใน
การรักษา
ระยะต้น
ให้ยา Benzathine penicillin G 2.4 mUIM ครั้งเดียว
ระยะปลาย
ให้ยา Benzathine penicillin G 2.4 mUIM สัปดาห์ละครั้ง
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ตรวจครั้งแรกที่มาฝากครรภ์และในไตรมาสที่ 3
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะ
แนะนำให้รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศและป้องกันโรคโดยดารสวมถุงยางอนามัย
แนะนำให้พาสามีมาตรวจและรักษาด้วยเพื่อป้องกันการติดเช้อซ้ำ
ให้คำปรึกษาและดูแลทางด้านจิตใจ
ระยะคลอด
เน้นการใช้หลัก Universal precaution
ระยะหลังคลอด
สามารถให้นมได้ปกติ ล้างมือก่อนและหลังสัมผัศทารก
4.โรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes simplex infection)
อาการและอาการแสดง
จะเกิดเป็นกลุ่ม vesicles ที่ผิวหนังของอวัยวะ ปวดแสบปวดร้อน มักมีอาการ systemic ร่วมด้วย เช่น ไข้ ปวดเมื่อยตัว ต่อมน้ำเหลืองโต
ภาวะแทรกซ้อน
ติดเชื้อ
ตาอักเสบ
มีไข้หนาวสั่น
ตับม้ามโต
ซึม ไม่ดูดนม
มีการอักเสบของช่องปาก
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะและดูแลแผลให้สะอาด
ให้ยา antiviral drug เช่น
ในสตรีตั้งครรภ์มีการเจ็บครรภ์คลอด โดยที่มี Herpes lesion ให้ผ่าตัดคลอดทางช่องท้อง
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
การดูแลแผลให้แห้งและสะอาดอยูเสมอ
ตรวจสุขภาพประจำปี
ได้รับยาต้านไวรัส
หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมันธ์ ป้องกันโดยสวมถุงยางอนามัย
ล้างมือให้สะอาดก่อนให้นมหรือสัมผัสบุตร
ลดความวิตกกังวล
ระยะคลอด
ใช้หลัก Universal precaution และหลีกเลี่ยงการทำหัตถการ
หลังคลอด
สามรถให้นมได้ปกติ ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสทารก
โรคเอดส์ (Acquired immune defiency syndrome)
อาการและอาการแสดง
กลุ่มที่ 1 ไม่มีอาการทางคลินิก แต่ผล Elisa ให้ผลบวก
กลุ่มที่ 2 กลุ่มอาการคล้ายเอดส์ คือ มีอาการปวดเมื่อยตามตัว ไข้ มีผื่นตามตัว ปวดศีรษะ เจ็บคอ ผล CD4 ต่ำกว่า 500-200 cm3
กลุ่มที่ 3 มีไข้สูงฉับพลัน ไข้ต่ำๆ นานกว่า 2-3 เดือน ปวดศีรษะ เจ็บคอ คลื่นไส้อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต ท้องเดินเรื้อรัง น้ำหนักลด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจคัดกรองเอดส์ คือ ELISA
การตรวจยืนยันด้วยการตรวจ cofirmatory test เช่น WB และ IFA ให้ผลบวกแสดงว่าผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์
การติดต่อ
ทางกระแสเลือด
การร่วมเพศทางทวารหรัก
จากมารดาสู่ทารก
การรักษา
การให้ยาต้านไวรัสขณะตั้งครรภ์
กรณีที่หญิงตั้งครรภ์ไม่เคยได้รับยา
สูตรแรก TDF+3TC+EFV
สูตรที่ 2 AZT+ 3TC + LPV/r หรือ TDF+3TC+LPV/r ในกรณีที่ดื้อยากลุ่ม NNRTIs หรือจำเป็นต้องหยุดยาหลังคลอด
กรณีเคยได้รัยยามาก่อน ไม่ต้องหยุดยา
ควรใช้ยาสูตรที่ทำให้ viral load ลดลง
หากพบว่า viral load มากกว่า 1000 copies/ml ทั้งที่กินยาอย่างสม่ำเสมอ 6 เดือน ให้ส่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
การให้ยาต้านในทารกแรกเกิด
AZT ขนาด 4 mg/kg/dose ทุก 12 ชั่งโมง ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์
การให้ยาต้านระหว่างเจ็บครรภ์คลอด
เพิ่มAZT 300mg ทุก 3 ชั่วโมง หรือ AZT 600mg ครั้งเดียว ไม่ว่าจะใช้ยาสูตรใด
หากคลอดโดยการผ่าตัดให้ทานยาก่อนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
ในายที่ viral load น้อยกว่า 50 copies/ml ไม่ต้องให้ยาระหว่างเจ็บครรภ์
หลีกเลี่ยงการให้ยา Methergine
การให้ยาต้านไวรัสหลังคลอด
CD4<500 cells/mm3
คู่มีผลเลือดลบ หรือไม่ทราบลเลือด
การติดเชื้อร่วม เช่น วัณโรค ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี
การพยาบาล
ขณะตั้งครรภ์
การตรวจหาค่า CD4 หากน้อยกว่า 400 cells/mm3 ให้ AZT 300mg วันละ 2 ครั้ง ตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์
ระยะคลอด
หลีกเลี่ยงการทำถุงน้ำคร่ำแตกหรือรั่ว
ยึดหลัก Universal precaution
หลังคลอด
อยู่ในห้องแยก
งดให้นมบุตร
มาตรวจหลังคลอดตามนัด
ทารกหลังคลอดให้ NPV 2 mg/kg ทันทีและให้ AZT 2 mg/kg/day
หูดหงอนไก่
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การทำ pap smear
หูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV)
อาการและอาการแสดง
เป็นหูดรอบๆทวารหนักและในทวารหนัก ลักษณะเป็นก้อนสีชมพู นุ่ม ขรุขระ มีสะเก็ด ตกขาวมีกลิ่นเหม็นและคัน
การรักษา
การักษาด้วยสารเคมี เช่น จี้ด้วย trichloroacetic acid 80-90% สัปดาห์ละครั้ง
สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ ยกเว้นในรายที่มีหูดขนาดใหญ่
ผลกระทบ
เกิด laryngeal ตั้งแต่เสียงแหบจนถึงเกิดการอุดกั้นทางเิดนหายใจส่วนบน
การพยาบาล
จี้ด้วยtrichloroacetic acid หรือ leser surgery
แนะนำการรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ
แนะนำสตรีตั้งครรภ์ส่งเสริงสุขภาพให้แข็งแรง
การติดเชื้อไวรัสซิกกา(Zika fever)
ติดต่อโดยูกยุงที่มีเชื้อกัด ละจากคนสูคน โดยการมีเพศสัมพันธ์
อาการและอาการแสดง
ระยะฟักตัว 2-7 วัน มีไข้ ปวดศีรษะ ออกผื่นที่ลำตัว แขนขา ปวดข้อ ปวดในกระบอกตา เยื่อบุตาอักเสบ
ภาวะแทรกซ้อน
ศีรษะเล็กแต่กเนิดของทารกในครรภ์
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจหาแอนติบอดี IgM และ IgG ต่อไวรัสซิกกา
การตรวจดีเอ็นเอจากน้ำเหลือง
การตรวจหาพันธุกรรม Reverse transcriptase polymerase Chain Reaction
การป้องกัน
ป้องกันยุงกัด เช่น นอนกางมุง ทายากันยุง
ทำลายแหล่งเพาะพนธุ์ยุง
การรักษา
พักผ่อนให้เพียงพอ
ดื่มน้ำ 2,000-3,000 ลิตรต่อวัน
ให้ยาพาราเซตามอล เพื่อลดปวด ลดไข้