Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติหลอดเลือดและการไหลเวียนเลือด วิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ 2,…
ความผิดปกติหลอดเลือดและการไหลเวียนเลือด
วิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ 2
ความดันโลหิตสูง
ปัจจัยที่มีผลต่อระดับความดันโลหิต
ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ (Cardiac output)
ปริมาณเลือดในร่างกาย (Blood volume)
Resistance ประกอบด้วย
3.1 ความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือดแดง (Flexibility of arterial wall)
3.2 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือด (Diameter of artery)
3.3 ผนังหลอดเลือดหนา (Thickness)
สูตรของความดันโลหิต
= จำนวนเลือดที่ออกจากหัวใจ x ความต้านทานหลอดเลือด
ประเภท
ความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุ (Essential or primary hypertension)
ความดันโลหิตสูงที่มีสาเหตุ (Secondary hypertension) เช่น เกิดจากโรคไต เนื้องอกที่เกิดจากเรนนิน (Renin producting tumor) โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น Acromegaly ภาวะที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติ ต่อมธัยรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidsm) ต่อมธัยรอยด์ทำงานมาก (Hyperthyroidsm) โรคของต่อมหมวกไต เช่น อะดรีนอล (chrushing syndrome, primary alodosteronism) เมดัลลา (ตับอ่อนอักเสบ, pheochromocytoma
ระดับความดันโลหิตปกติ
Prehypertension
ระดับความดันโลหิตอยู่ในช่วง 120/80-139/89 mmHg
Stage 2
ระดับความดันโลหิตตั้งแต่ 160/100 mmHg เป็นต้นไป
Hypertensive urgency
มีความดันโลหิตสูง ตั้งแต่ 180/110 mmHg เป็นต้นไป แต่ยังไม่มีอวัยวะเป้าหมายที่สำคัญถูกทำลาย (Target organ damaged)
Hypertensive emergency
มีความดันโลหิตสูง ตั้งแต่ 180/110 mmHg เป็นต้นไป และมีสัญญาณของอวัยวะเป้าหมายที่สำคัญถูกทำลาย (Target organ damaged) เช่น ตา ไต หัวใจ สมองและหลอดเลือ
Stage 1
ระดับความดันโลหิตอยู่ในช่วง 140/90-159/99 mmHg
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
(Non modifiable risk factor)
ประวัติครอบครัว พันธุกรรม
เพศ (Sex) ผู้ชายมีความเสี่ยงที่จะเป็นความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้หญิง
อายุ (Age) ความดันโลหิตสูงแบบปฐมภูมิพบบ่อยในช่วงอายุ 30-50 ปี อัตราการเกิดโรคเพิ่มขึ้นตามอายุที่สูงขึ้น
เชื้อชาติ (Race)
ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้
(Modifiable risk factor)
สิ่งกระตุ้นทำให้มีภาวะเครียด เช่น เสียง การติดเชื้อ การอักเสบ ความเจ็บปวด การได้รับออกซิเจนลดลง อากาศเย็น ทำงานหนัก เป็นต้น
สารเสพติด บุหรี่ แอลกอฮอล์
สารอาหาร โดยเฉพาะโซเดียม
อ้วนมาก (Obesity) โดยเฉพาะอ้วนลงพุง (พุงใหญ่ แขนขาเล็ก)
สารเสพติด บุหรี่ แอลกอฮอล์
การประเมินผู้ป่วย
การซักประวัติเจ็บป่วย ประวัติครอบครัว แบบแผนการดำเนินชีวิต อาชีพ การรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย ฯลฯ ความเครียดวิตกกังวล
การตรวจร่างกาย Vital signs, Repeated BP วัดแขนทั้งสองข้าง เปรียบเทียบกัน ถ้าความดันโลหิตที่แขนทั้งสองข้างต่างกันเกิน 20 mmHg ให้สงสัย aortic dissection
ตรวจระบบหัวใจหลอดเลือด สมอง ตาและไต
การตรวจพิเศษ EKG, Film chest
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ BUN, Cr, urine albumin, lipid profile, electrolyte, serum for potassium and calcium
อาการ
ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ผู้ป่วยมาด้วยอาการของภาวสะแทรกซ้อน เช่น ตามัวจากจอประสาทตาบวม หรือจอประสาทตาเสื่อม เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ปวดศีรษะ สับสนจากอาการทางระบบประสาท พูดไม่ชัด และชัก
การดูแลรักษา
การจัดการเมื่ออวัยวะเป้าหมายไม่ถูกทำลาย โดยการให้ยาลดความดันโลหิตทางปาก และติดตามอาการและระดับความดันภายใน 24 ชั่วโมง
การจัดการเมื่อมีภาวะฉุกเฉิน โดยรับผู้ป่วยไว้ใน ICU เฝ้าระวังความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด
ให้ยาลดความดันโลหิตทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
ประเภท
Ischemia stroke เป็นภาวะ Stroke ที่เกิดมากที่สุดประมาณ 80%
Thrombosis เกิดจากการที่ผนังหลอดเลือดแดงผิดปกติเช่น หนาขึ้น แข็ง และไม่ยืดหยุ่น เกิดขึ้นที่หลอดเลือดแดงใหญ่หรือหลอดเลือดแดงเล็ก
Large artery มักพบว่ามีการตีบของหลอดเลือดแดงที่ Right or left carotid artery หรือ right or left vertrabral artery
Small artery บางครั้งเรียกว่า Lacunar infarction เกิดการตีบของหลอดเลือดเล็ก ๆ ที่ไปเลี้ยงสมอง มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน ๆ
Emboli การเกิด Stroke จากลิ่มเลือด ซึ่งสาเหตุของการเกิด ลิ่มเลือด
การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เช่น CHF หรือ MI ที่มีผลต่อการสูบฉีดเลือดไม่ดี เกิดเลือดไหลวนเวียนอยู่ในหัวใจ เกิดเป็นลิ่มเลือดขึ้น
การเต้นของหัวใจผิดปกติ ได้แก่ AF
ยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis)
Hemorrhagic stroke เป็นภาวะ Stroke ที่เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก
Intracerebral hemorrhage เป็นภาวะเลือดออกในเนื้อสมอง มักมีสาเหตุจาก uncontrolled HT, trauma, Bleeding disorder, vascular malfunction, drug abuse
Subarachnoid hemorrhage เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ผิวสมองแตก (anurysm rupture) มักมีสาเหตุจาก สูบบุหรี่ ดื่มสุรา ความดันโลหิตสูง พันธุกรรม ยาและสารพิษอื่น ๆ
อาการ
Acute stage เป็นระยะ 24 - 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยมีอาการหมดสติ มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง ระบบการหายใจและการทำงานของหัวใจผิดปกติ
Post acute stage ป็นระยะที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการคงที่ 1- 14 วัน
Recovery stage 3 เดือนแรก
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้
เป็น HT, DM, สูบบุหรี่, สุรา หรือยาเสพติด
โรคของ carotid artery disease และ peripheral
โรคของหัวใจและระบบไหลเวียน cardiovascular disease (HF, congenital heart defects, CHD, cardiomegaly, cardiomyopathy)
Atrial Fibrillation
Transient ischemic attack (TIA)
ไขมันในเลือดสูง
อ้วน
ไม่ออกกำลังกาย
ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
อายุ อายุที่สูงขึ้นมีภาวะเสี่ยงสูงขึ้น
เพศ ชายมีภาวะเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง
ประวัติครอบครัว
ประวัติเคยเป็น โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke มาก่อน
อาการของสมองขาดเลือดชั่วคราว
เป็นอาการหรืออาการแสดงทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นชั่วขณะโดยมีสาเหตุมาจากการขาดเลือดและหายเป็นปกติในเวลาภายใน 24 ชั่วโมง
มีอาการอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด อยู่ประมาณ 2-30 นาที
10-15% จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองภายใน 3 เดือนหลังเกิด TIA ครั้งแรก
ร้อยละ 5-8 อาจเกิดโรคหลอดเลือดสมองภายใน 48 ชั่วโมง
ร้อยละ 30-50 พบความผิดปกติจากการขาดเลือด
การประเมิน
ประวัติ
ระยะเวลาที่มีอาการ; conscious, unconscious
โรคร่วม ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
ประวัติโรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
การใช้ยา เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ประวัติโรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ผู้เห็นเหตุการณ์
การตรวจร่างกาย
อ่อนแรงของร่างกายครึ่งซีกชาครึ่งซีก
เวียนศีรษะ ร่วมกับเดินเซ
ตามัว หรือ มองเห็นภาพซ้อน
พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง
ปวดศีรษะ อาเจียน
-ซึม ไม่รู้สึกตัว
การตรวจพิเศษ ได้แก่ CT scan, angiogram, MRI
การรักษา/พยาบาล
การรักษา Ischemic Stroke ที่เกิดจากลิ่มเลือดหรือการอุดตัน ตีบแคบของเส้นเลือด
1.1 ให้ยาละลายลิ่มเลือดต้องมีข้อบังชี้ในการรักษาครบทุกข้อดังต่อไปนี้ จึงสามารถให้ยาละลายลิ่ม เลือดผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตันภายใน 3 ชั่วโมง (4.5 ชม.)
อายุมากกว่า 18 ปี
มีอาการทางระบบประสาทที่สามารถวัดได้โดยใช้ NIHSS จะประเมินโดยแพทย์เป็นส่วนใหญ่
ผล CT scan ของสมองไม่พบเลือดออก
1.2 การให้ยา ASA 48 ชั่วโมงหลังได้รับยาฉีด
1.3 การให้การพยาบาลขณะและหลังในยาละลายลิ่มเลือด
1.4 ผู้ป่วย/ญาติเข้าใจประโยชน์หรือโทษที่จะเกิดจากการรักษา และยินยอมให้การรักษาโดยใช้ยา ละลายลิ่มเลือด
ในกรณีที่เป็น Stroke ประเภทที่หลอดเลือดแตกและมีเลือดออกในสมอง ต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งการพยาบาลก่อนและหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการพยาบาลผู้ป่วยที่มีความดันในสมองสูง
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาการเตือน Stroke แก่ผู้ป่วยและครอบครัว
หลอดเลือดแดงอุดตัน (Arterial occlusion)
พยาธิสรีระสภาพ
Arterial Occlusion หมายถึง เป็นโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน โดยสาเหตุที่พบบ่อยคือ ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) เกิดจากการสะสมไขมันในผนังหลอดเลือดจนทำให้เกิดการตีบตัน หรือเกิดจากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น ลิ่มเลือดหลุดไปอุดหลอดเลือด ทำให้เกิดการขาดเลือดเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
มีไขมันในเลือดสูง
ความดันโลหิตสูง
ประวัติคนในครอบครัวที่เป็นญาติสายตรงเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งก่อนวัย
อายุ ชาย > 45 ปี, หญิง > 55 ปี
การสูบบุหรี
Lipoprotein สูง
ความอ้วน (BMI > 30 kg/m2)
Homocysteine สูง
มี proinflammatory factor
อาการ
มักมาด้วยปวดขามากเป็นพัก ๆ เมื่อออกแรงเมื่อเดิน (Intermittent Claudication)
อาการเนื้อตายแห้ง (Ulceration/Gangrene)
ปวด ซีด คลำชีพจรไม่ได้
อ่อนแรง ชาและรู้สึกเจ็บน้อยลง
อยู่เฉย ๆ ก็ปวด (Rest pain) บ่งบอกอาการที่รุนแรง
การประเมิน
ประวัติ
มือเท้าที่เป็นจะเย็น ยิ่งยกแขนขาข้างที่ผิดปกติก็จะยิ่งซีดมากขึ้น แต่ถ้าพักแล้วจะเริ่มแดงขึ้น (Raising pale, resting rubor)
การตรวจร่างกาย คลำชีพจรของหลอดเลือดแดงทุกแห่งที่คลำได้ เช่น Superficial Femoral หรือ Popiteal หรือหลอดเลือดที่หลังเท้าหรือที่คอ
ตรวจแขนขา สังเกตลักษณะสีผิว แผลเนื้อตาย การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังและเล็บ
คลำเพื่อประเมินอาการอักเสบ ปวด บวม แดง อุณหภูมิ
แขนขาข้างนั้นไม่มีขนหรือเล็บผิดรูป
คลำชีพจรส่วนปลายได้แรงไม่เท่ากันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย
การตรวจด้วยเครื่องวัดความดันโลหิต โดยใช้ cuff พันขา แล้วบีบระดับปรอทสูงกว่าความดันซีส โตลิก ปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที ยกขานั้นสูงประมาณ 75 - 80 องศา แล้วลดระดับปรอท คนปกติจะเห็นผิวหนังแดง จนถึงบริเวณนิ้วเท้าภายใน 2-5 นาที แต่ถ้าหลอดเลือดแดงอุดตันปฏิกริยานี้จะเกิดขึ้นช้าและอาจแดงไปไม่ถึง ส่วนปลายเท้า นิ้วเท้า Venous Filling จะช้า
การรักษา
1.รักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด เช่น Heparin และ Caumadin
มีความสำคัญมากใช้ในในผู้ป่วยที่มีการอุดตันของหลอดเลือดอย่างเฉียบพลัน หลังให้ยา 2-3 ชม
เจาะ PTT ตรวจ เพื่อปรับระดับยา - ใช้ยาขยายหลอดเลือด
เช่น Papaverine
2.รักษาด้วยการผ่าตัด เมื่อรักษาด้วยยาไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะมีอาการปวดขณะพัก เช่น ผ่าตัดตัดต่อหลอด เลือดโดยตรง (Direct Anastomosis)หรือตัดหลอดเลือดแล้วใส่ graft เข้าไปแทนที่ หรือเปลี่ยนทางเดินเลือดใหม่ (Bypass Graft)
Thrombolysis วิธีการละลายลิ่มเลือดโดยการใช้ยาฉีด streptokinase, urokinase, tissue thromboplastin
ข้อห้ามในการใช้ยาละลายลิ่มเลือด ได้แก่ ผู้ป่วยซึ่งมีประวัติเลือดออกในทางเดินอาหาร ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกอย่างผิดปกติหรือมีอัมพาต หลังจากที่ละลายลิ่มเลือดแล้วก็อาจเห็นการตีบตันของหลอดเลือดขึ้นได้ ซึ่งก็อาจให้การรักษาเพิ่มเติมด้วยการผ่าตัดขยายหลอดเลือด (Angioplasty) หรือการทำ bypass operation ก็ได้
Embolectomy การกำจัดลิ่มเลือด (Emboli) ที่อยู่ในหลอดเลือด วิธีการดังกล่าวสามารถดำเนินโดยการใส่สายที่ชื่อว่า Fogarty balloon
การเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต การหยุดสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ช่วยได้ถึง 60%
Angioplasty รักษาการตีบของหลอดเลือดโดยใช้ balloon ไปถ่างขยายหลอดเลือด จากนั้นจึงใช้วาง stent คาไว้เพื่อขยายเส้นเลือดที่ตีบ ได้ผลในหลอดเลือดใหญ่ เช่น aorta หรือ iliac artery
การทำผ่าตัด Bypass Surgery ทำใน ผู้ป่วยintermittent claudication ที่รุนแรงซึ่งรบกวนการดำรงชีวิตประจำวัน หรือผู้ป่วยที่มี critical limb ischemia คือผู้ป่วยที่มีอาการปวดขาขณะพัก (rest pain) เนื้อตาย หรือแผลเรื้อรัง
การตัด (Amputation)
การทำ Amputation สามารถเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่สามารถทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ปราศจากการเจ็บปวดในระยะเวลาอันสั้นได้ จะใช้ในกรณีที่เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้จุดอุดตันอย่างรุนแรงมีการเน่าหรือการผ่าตัดหลอดเลือดไม่สามารถทำได้
การดูแลหลังผ่าตัดหลอดเลือด
เฝ้าระวังภาวะเลือดออกง่ายเนื่องจากได้รับยา Anticoagulance ได้แก่ heparin
คำแนะนำป้องกันกลับเป็นซ้ำ ได้แก่ งดบุหรี่ ควบคุมไขมันในเลือด เบาหวาน และความดันโลหิต
สังเกตออาการ Bleeding, pain, infection, ขาดเลือด, หายใจและวิตกกังวล
5.คำแนะนำป้องกันกลับเป็นซ้ำ ได้แก่ งดบุหรี่ ควบคุมไขมันในเลือด เบาหวาน และความดันโลหิต
1.จัดท่านอนราบขาเหยียดตรง ห้ามงอ ห้ามเอาหมอนรองใต้เข่าเนื่องจากมีระบบไหลเวียนเลือดลดลง
หลอดเลือดดำอุดตัน (Deep venous Thrombosis)
พยาธิสรีระสภาพ
Deep Venous Thrombosis (DVT) ก็คือ โรคหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน
หลอดเลือดดำจะนำเลือดที่ใช้แล้วกลับสู่หัวใจ โดยอาศัยการบีบตัวของกล้ามเนื้อ ร่วมกับลิ้นในหลอดเลือดดำ หลอดเลือดดำที่ขามี 2 ชนิดคือหลอดเลือดดำที่ผิว superficial veinที่สามารถเห็นได้ด้วยตา ซึ่งจะนำเลือดจากผิวไปสู่หลอดเลือดดำส่วนลึก deep vein ซึ่งจะอยู่ในกล้ามเนื้อ หลอดเลือดดำลึกก็จะนำเลือดไปยังหลอดเลือดดำใหญ่ในท้อง inferior venacava
ปกติเลือดในหลอดเลือดดำจะไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมีภาวะที่เลือดดำหยุดไหลเวียนและจับแข็งตัว Thrombosis ในหลอดเลือด เกิดที่เส้นเลือดผิวตื้นๆ มีอาการบวมและปวด แตถ้าอุดตันหลอดเลือดหัวใจหรือปอด ซึ่งอันตรายถึงชีวิต
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
1.หลอดเลือดดำได้รับอันตราย เช่น อุบัติเหตุกระดูกหัก กล้ามเนื้อถูกกระแทก หรือการผ่าตัด หรือติดเชื้อ
2 โรคระบบเลือดที่มีการไหลเวียนช้าลง เช่น ยืน นั่งหรือนอนนาน หลังผ่าตัดอัมพาต การเข้าเผือก การที่ต้องนั่งรถ รถไฟ เครื่องบิน หรือนั่งไขว่ห้าง
3.การที่เลือดมีการแข็งตัวง่าย
อื่น ๆ เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ฉีดยาเสพติด การตั้งครรภ์ หลังคลอดโรคมะเร็ง โรคทางพันธุกรรมบางโรค
มีความบกพร่องของลิ้นกั้นหลอดเลือดดำมาแต่กำเนิด หรือผนังหลอดเลือดดำอ่อนแอมาแต่กำเนิด
ภาวะหัวใจล้มเหลว ตับแข็ง
อาการ
อาการที่สำคัญคือ ล้าขา ปวดตื้อ ๆ บวมเนื่องจากการไหลกลับของเลือดไม่ดีมักจะบวมข้างเดียว บางรายอาจจะเห็นเส้นเลือดโปงพอง อาจจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือเป็นตะคริวพบได้ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย โดยเฉพาะเวลากระดกข้อเท้าจะทำให้ปวดมากขึ้น เมื่อกดบริเวณน่องก็จะทำให้ปวด
ถ้าเป็นที่ขาจะมีสีผิวคล้ำเนื่องจากมีการสกัดกั้นการไหลเวียนกลับของเลือดจากลิ่มเลือดที่อุดตัน
ผู้ป่วยอาจจะมาพบแพทย์ด้วยเรื่องหอบเหนื่อย เนื่องจากลิ่มเลือดไปอุดในปอด
บวมเท้าที่เป็นข้างเดียว และอาจจะกดเจ็บบริเวณน่อง เมื่อจับปลายเท้ากระดกเข้าหาตัวโดยที่เข่าเหยียดตรง (เรียกการตรวจนี้ว่า Homans Sign)
อาจจะตรวจพบว่าหลอดเลือดดำโป่งและอาจจะคลำได้ ถ้าเส้นเลือดอักเสบเวลาคลำจะปวด
ไข้ต่ำๆ
การประเมิน
การตรวจพิเศษ
.1. venography คือการฉีดสีเข้าไปในเส้นเลือดที่สงสัยเพื่อดูว่ามีลิ่มเลือดอุดหรือไม่ แต่ให้ผลการตรวจไม่แม่นยำ และอาจจะเกิดอาการแพ้จึงไม่นิยม
2.venous ultrasound เป็นการใช้ ultrasound ช่วยในการวินิจฉัย วิธีนี้ไม่เจ็บปวดให้ผลดี
MRI
เป้าหมายการรักษา
1.ละลายลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
ป้องกันการพระจายของลิ่มเลือด
ป้องกันการเกิด Pulmonary embolism
หากวินิจฉัยว่าเป็น DVT จะต้องรีบให้การรักษาโดยรับตัวไวในโรงพยาบาลแพทย์จะเลือกให้ heparin หรือ low molecular weight heparin หลังจากนั้นต้องให้ warfarin เพื่อป้องกันลิ่มเลือดอีก 3 เดือน
การรักษา
Anticoagulation โดยการให้ Heparin มีข้อห้ามใช้ ในภาวะเลือดออกง่าย หรือ มีภาวะเกล็ดเลือด
Trombolysis ใช้ในผู้ป่วยที่มีแนวโน้มว่าขาจะเน่า โดยการใส่สายเข้าไปบริเวณที่มีหลอดเลือดอุดตัน แล้วฉีดยา TPA เพื่อสลายลิ่มเลือด
Cava filter เป็นวิธีการสกัดลิ่มเลือดในเส้นเลือด ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะ Pulmonary embolism
Embolectomy
การป้องการคือ การลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำลึกและการป้องกันเส้นเลือดขอด ให้วิตามินอีช่วยลดการเกิดโรค
หลอดเลือดดำขอด (Varicosevein)
พยาธิสรีระสภาพ
ความผิดปกติของหลอดเลือดดำให้ผิวหนัง (Superficial vein) เกิดจากลิ้นกั้นในเลือดเลือดเสียหน้าที ทำให้การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ไม่สามารถไล่เลือดให้ไหลกลับสู่หัวใจได้หมด จึงเกิดการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำ ทำให้หลอดเลือดดำขยายตัวกว้างใหญ่ขึ้น ยาวขึ้นและหงิกงอ คดเคี้ยว พบได้บ่อยบริเวณขา น่อง ข้อเท้า และหลังเท้า ถ้าเป็นที่หลอดเลือดที่อยู่ตื้น ๆ (Great Saphenous Vein) การเรียกชื่อแตกต่างไปตามตำแหน่งที่เกิด ถ้าเกิดที่น่องเรียก หลอดเลือดขอด ถ้าเกิด ที่บริเวณทวารหนัก เรียก ริดสีดดวงทวาร เกิดที่หลอดอาหารส่วนปลาย เรียก Esophageal Varices
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
การเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดหลอดเลือดขอดเพิ่มขึ้น คือ การยืนนานๆ การตั้งครรภ์ ความร้อน การถูกผูกรัด เช่น การใส่ถุงน่องที่คับเกินไป เป็นต้น กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ และเพศ พบว่าเพศหญิงมีอัตราการเกิดสูงกว่าเพศชาย
อาการ
ปวดตื้อ ๆ บริเวณขา กล้ามเนื้อเป็นตระคริวบ่อย
ถ้าเป็นเส้นเลือดขอดในระดับรุนแรง จนมีหลอดเลือดอุดตัน จะมีอาการบวมปวด ขามีสีคล้ำ
อาจมีแผลที่เท้าจากการขาดเลือดไปเลี้ยงเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และติดเชื้อได้ง่าย
ประเมิน
ประเมินจากลักษณะของหลอดเลือดขอด
และมีลิ้นหลอดเลือดดำรั่ว
1.3 หลอดเลือดขอดทั้งขาอ่อนและน่อง เนื่องจากมีหลอดเลือดดำรั่วหมด
1.4 เกิดหลังจากการอักเสบของกลุ่มหลอดเลือดดำลึก พวกนี้มีขาบวมร่วมด้วย
1.2 หลอดเลือดดำที่น่องและขาขอดเนื่องจากลิ้นหลอดเลือดดำบริเวณหัวเข่าต่ำกว่า Aductor Canal รั่ว
1.1 หลอดเลือดดำที่ขาอ่อนขอดและขยายโต ขอดเนื่องจากลิ้นหลอดเลือดดำบริเวณขาหนีบรั่ว
ซักประวัติความเจ็บป่วย อาการ อาการแสดง อาชีพ การตั้งครรภ์ ประวัติหลอดเลือดดำอักเสบ โรคหัวใจ
การตรวจร่างกาย
3.1 สังเกต บันทึกลักษณะหลอดเลือดขอด
3.2 ประเมินอาการบวม อาการ อาการแสดงอื่น ๆ รวมทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิด
3.3 ตรวจ Bodiettrendendelenberg test มีวิธีการโดยให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกขาสูง และรัด Tourniquet ที่ต้นขา หลังจากนั้นให้ผู้ป่วยยืน แล้วนำสายยางที่รัดออก ถ้ามีเลือดไหลเข้าสู่ Superficial vein แสดงว่า การทำหน้าที่ของลิ้นในหลอดเลือดผิดปกติ (Valve incopetent)
3.4 การตรวจยืนยันโดยการตรวจ Ultrasonography และ venography
การรักษา
1.รักษาแบบประคับประคอง
2.การผ่าตัดนำหลอดเลือดที่ขอดออก
2.1 หลังผ่าตัดพยาบาล
ควรตรวจสอบเกี่ยวกับการตกเลือด (Hemorrhage)
ควรคลำ pedal pedis pulse
ตรวจการทำหน้าที่ของ Motorและ Sensory ของขาทุก 2 ชั่วโมง เป็นเวลานาน 8 ชั่วโมงหลังผ่าตัด
คลายผ้ายืดวันละ 3 ครั้ง และพันใหม่ทุกครั้ง
เมื่อผู้ป่วยฟื้นแล้วสามารถเดินได้ตั้งแต่วันแรก แต่ต้องพันขาและสวมถุงน่องไว้นานประมาณ 1 เดือน
เวลานอนควรยกขาขึ้น นอกจากนี้ควรออกกำลังกายขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เลือดบริเวณขาไหลเวียนดีขึ้น
2.2 ซึ่งหลังผ่าตัดต้องให้แนะนำเพื่อ
ป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
ห้ามนั่งไขว่ห้าง
ออกกำลังกายเป็นประจำ และออกกำลังขาโดยการนอนยกขาสูง
ลดน้ำหนัก
หลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆ
ห้ามสวมเสื้อผ้าคับ รัดแน่นที่ขา ขาหนีบ เอว เนื่องจากจะทำให้การไหลเวียนเลือดไม่สะดวก
สวม Elastic stocking
รับประทานอาหารเส้นใยสูง หลีกเลี่ยงอาการท้องผูก
ลุกเคลื่อนไหว ทุก 35-45 นาที เมื่อนั่งนาน หรือเดินทางด้วยเครื่องบิน
เดินระยะสั้น ๆ อย่างน้อยทุก 45 นาที เมื่อเดินทางด้วยรถยนต์
หลอดเลือดดำและแดงอักเสบ
(Thromboangitis Obliteranns / TAO)
อาการ
ระยะแรก มีอาการปวดบริเวณขา และหลังเท้ารุนแรง อาจมีอาการปวดน่องร่วมด้วยเวลาเดิน เดินไม่ได้ไกล เป็นตะคริวบ่อยที่เท้าและน่อง หลังเดินหรือออกกำลังกาย อาการหายไปเมื่อพัก อาการเหล่านี้เรียกว่า Intermittent Claudication
ระยะต่อมาจะมีแผลเรื้อรัง ตามนิ้วมือ นิ้วเท้า ในที่สุดอาจถูกตัดนิ้วมือและเท้าได้
การวินิจฉัย
เบื้องต้นจากประวัติ
การตรวจ ABI หรือ Droppler ultrasound, Artheriograms เพื่อวินิจฉัย ภาวะขาดเลือดที่หลอดเลือดส่วนปลาย
การรักษา/พยาบาล
เป้าหมายเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนปลายได้ดีขึ้น
งดสูบบุหรี่
รักษาแผลเรื้อรังที่เท้า
ให้ยาขยายหลอดเลือด แก้ปวด ตามอาการ
ให้ยา NSIAD เมื่อมีอาการหลอดเลือดดำอักเสบ
การรักษาโดยการผ่าตัด
5.1 Debride แผล เป็นการตัดเนื้อตายที่แผล
5.3 การผ่าตัดหลอดเลือดซึ่งมักไม่ได้ผลเพราะหลอดเลือด ที่ต่อไว้มากกว่าร้อยละ 50 จะตีบภายใน 1 ปี
5.2 Lumbar sympathectomy ตัดเส้นประสาทซิมพาเธติคที่เอวออก เพื่อลดการหดเกร็งของหลอดเลือดแดงทำให้เลือดมาเลี้ยงที่ปลายเท้าเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 70 จะได้ผลดีในการทำให้แผลเรื้อรังหาย
Thrombopheblitis
สาเหตุ
การอักเสบของผนังหลอดเลือดดำร่วมกับการอุดตันโดยลิ่มเลือดที่หลอดเลือดดำ
ปัจจัยเสี่ยง
อ้วน ตั้งครรภ์ ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
อาการ
ปวดบริเวณที่เกิดหลอดเลือดอักเสบ บวม แดง มีการขาดเลือดของอวัยวะที่มีการอุดตัน
การรักษา
ให้ยาขยายหลอดเลือด และยาละลายลิ่มเลือด เช่น Heparine, coumarin
ถ้ารักษาด้วยยาไม่ได้ผลทำการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหรือเอาก้อนเลือดออก
การพยาบาล
ห้ามวิ่ง เดินนาน หรือยกน้ำหนัก
ใส่ผ้ายืดหรือถุงน่องรัดขาไว้ สังเกตอาการเลือดออกจากการได้รับยาละลายลิ่มเลือด
ดูแลป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำโดยการจัดการปัจจัยเสี่ยง
ลดน้ำหนัก
ห้ามใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน
นางสาวกันยา นามเพ็ชร์
รหัส 6125010058
นักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 2