Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
5.6 โรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์, นางสาวศุภลักษณ์ สุทธิวงษ์ เลขที่ 96, ์…
5.6 โรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์
ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)
การวินิจฉัยคัดกรองการติดเชื้อ
การคัดกรองการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์โดยองค์กรอนามัยโลก (World Health Organization)
HBsAg: บอกถึง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
HBeAg: บอกถึง ความสามารถในการแบ่งตัวของไวรัสตับอักเสบบี (Viral replication)
Anti HBc: เป็นภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อไวรัสตับอักเสบบี บอกถึงการเคยติดเชื้อไวรัสบี
Anti HBc-IgM: พบในตับอักเสบเฉียบพลัน
Anti HBc-IgG: พบได้ทั้งในตับอักเสบเฉียบพลัน, เรื้อรัง หรือแม้แต่ผู้ที่ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว
Anti HBe: จะพบหลังจากตรวจไม่พบ HBeAg ในเลือดแล้ว
Anti HBs: จะพบหลังจากตรวจไม่พบ HBsAg ในเลือดแล้ว หรือ เป็นภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
การพยาบาล
ขณะตั้งครรภ์
-อาจเกิดการแตกของถุงน้ำคร่ำก่อนกำหนดได้
-แท้ง/ตายคลอด
–มารดาอาจเกิดการวายของตับได้
ระยะคลอด
–ทารกอาจได้รับเชื้อจากการกลืนสารคัดหลั่งจากแม่ได้
– ควรคลอดด้วยวิธีทางธรรมชาติไม่ตัดฝีเย็บและงดการ ใช้สูติศาสตร์หัตถการ
ก่อนตั้งครรภ์
-ควรมีการวางแผนครอบครัว ตรวจเลือดก่อน การตั้งครรภ์
หลังคลอด
-ดูแลให้ทารกได้รับวัคซีน HBIG ฉีดทันที ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลัง
คลอด เมื่อแม่ติดเชื้อเป็นพาหะ
-ฉีด BCG ฉีดทันที 1 hr. หลังคลอด เดือน 6 เดือน
อาการและอาการแสดง
หลังจากได้รับเชื้อ อาการของการติดเชื้อได้แก่ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ปวดข้อและในรายที่มีอาการรุนแรง มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ไวรัสสามารถแพร่กระจายทั้งในน้ำตา น้ำมูก น้ำอสุจิ เยื่อเมือกช่องคลอด น้ำคร่ำ
หัดเยอรมัน (Rubella, German measles)
อาการและอาการแสดง
ระยะก่อนออกผื่น
หัดเยอรมันมักจะไม่แสดงอาการ แต่ที่พบบ่อยเช่น ไข้ต่ำ ปวด ศีรษะ ตาแดง คออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ก่อนที่จะออกผื่น 1-2 วัน จะพบจุดสีขาวเหลืองขนาดเล็กคล้ายเม็ดงาอยู่ที่กระพุ้งแก้มบริเวณใกล้กับฟันกรามล่าง (ถ้าเป็นมากจะพบอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม) ซึ่งเรียกว่า Koplik's spot
จุดเหล่านี้จะหายไปโดยผื่นมักมีลักษณะอยู่กระจายตัวไม่กระจุกตัวเป็นกลุ่มและเมื่อผื่นหายมักไม่ค่อย ทิ้งรอยแผลจากผื่นทิ้งไว้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคันตามผิวหนัง
ระยะออกผื่น
จะมีผื่นขึ้นหลังมีไข้ 3-4 วัน จะมีผื่นแดงเล็กๆ (erythematous maculopapular) มีตุ่มนูน ผื่นแดงหรือสีชมพูขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะลามลงมาตามผิวหนังส่วนอื่น ๆ เช่น แขน ขา และจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3 วัน
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะทารกพิการแต่กำเนิดจากการติดเชื้อหัดเยอรมัน (Congenital rubella syndrome:CRS)
หูหนวก เป็นกรณีที่พบได้ประมาณ 58%
หัวใจพิการ เป็นกรณีที่พบได้ประมาณ 50%
ต้อกระจก เป็นกรณีที่พบได้ประมาณ 43%
การวินิจฉัย
1.การซักประวัติการสัมผัสโรค ตรวจร่างกายว่ามีผื่นขึ้นหรือไม่
2.การตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด (Saliva & Blood Test)
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการทำได้หลายวิธี โดยวิธี ELISA เป็นวิธีที่ใช้บ่อยเนื่องจากง่าย โดยการตรวจ IgM และ IgG ซึ่ง specific antibody ต่อเชื้อหัดเยอรมัน การส่งตรวจระดับ IgG ทันทีที่มีผื่น
การรักษาพยาบาล
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก แพทย์จะแนะนำให้
ยุติการตั้งครรภ์
ในรายที่ไม่ต้องการยุติการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่รักษาแบบประคับประคองคำแนะนำสำหรับผู้ที่ติดเชื้อหัด
แนะนำพักผ่อนให้เพียงพอ
แนะนำดื่มน้ำให้เพียงพอ จิบบ่อย ๆ
ถ้ามีไข้แนะนำรับประทานยา paracetamal ตามแพทย์สั่ง
ซิฟิลิส (Syphilis)
อาการและอาการแสดง
2.ซิฟิลิสทุติยภูมิ (secondary syphilis)
อาการสำคัญคือผื่นในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจาแผลริมแข็งหายแล้ว ผื่นที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะสีแดงน้ำตาลไม่คัน พบทั่วตัวผ่ามือผ่าเท้าอาจมีไข้หรือ ปวดตามข้อจากการเกิดข้ออักเสบ
3.ซิฟิลิสระยะแฝง (latent syphilis)
หลังจากได้รับเชื้อ 2-30 ปี เป็นช่วงที่ไม่มีอาการ
1.ซิฟิลิสปฐมภูมิ (primary syphilis)
หลังจากได้รับเชื้อ 10-90 วัน เป็นระยะที่มีแผลริมแข็งมีตุ่มแดงที่อวัยวะเพศ ริมฝีปาก เป็นลักษณะขอบนูนไม่เจ็บ จะเป็นแผล1-5 สัปดาห์จะหายไปเอง
4.ซิฟิลิสระยะตติยภูมิ (tertiary or late syphilis)
หลังจากได้รับเชื้อ 2-30 ปี เชื้อจะทำลายอวัยวะภายในเช่น หัวใจและหลอดเลือดสมอง ตาบอด
การวินิจฉัย
1.การตรวจเลือด เป็นการตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อซิฟิลิส
การเจาะ เลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันเบื้องต้นซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส เช่น การตรวจ VDRL หรือ RPR
การเจาะเลือดที่เฉพาะเจาะจงกับเชื้อซิฟิลิสคือ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption Test)
2.การส่งตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อวินิจฉัย
การรักษา
1.การรักษาระยะต้น
ให้ยา Benzathine penicillin G 2.4 mUIM ครั้งเดียว แบ่งฉีดที่สะโพก ข้างละ 1.2 mU อาจลดอาการปวด โดยผสม 1% Lidocaine 0.5-1 ml
2.การรักษาระยะปลาย
ให้ยา Benzathine penicillin G 2.4 mUIM สัปดาห์ละครั้ง นาน 3 สัปดาห์ แบ่งฉีดที่สะโพก ข้างละ 1.2 mU อาจลดอาการปวด โดยผสม 1% Lidocaine 0.5-1 ml
ภาวะแทรกซ้อน
เสี่ยงต่อการแท้งหลังอายุครรภ์ 4 เดือน
ทารกตาบอด
การคลอดก่อนกำหนด
ทารกเจริญเติบโตในครรภ์ช้า
ทารกบวมน้ำ
โรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes simplex infection)
การวินิจฉัย
การซักประวัติ ปัจจัยเสี่ยง ประวัติการสัมผัสผู้ติดเชื้อ อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น ตุ่มน้ำใส เป็นๆ หายๆ บริเวณเดิม ปวดแสบปวดร้อน ถ่ายปัสสาวะลำบาก
การตรวจร่างกาย สังเกตเห็นตุ่มน้ำใสแตกจะเป็นแผลอักเสบ มีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก ขอบแผลกดเจ็บและค่อนข้างแข็ง ลักษณะตกขาว
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การเพาะเชื้อ (culture) ก้นแผล จะพบ multinucleated giant cell
เซลล์วิทยา (cytology) โดยวิธี Tzanck smear ขูดเนื้อเยื่อบริเวณก้นแผล แล้วย้อมสี Wright หรือ Giemsa เพื่อดู multinucleated giant cells
อาการและอาการแสดง
ผิวหนังของอวัยวะเพศ มีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก มักมีอาการทาง systemic ร่วมด้วย เช่น ไข้ ปวดเมื่อยตัว ต่อมน้ำเหลืองโต และอ่อนเพลียในรายที่ติดเชื้อครั้งแรก หลังจากนั้นเชื้อ HSV จะหลบไปอยู่ใน dorsal root ของ sacral ganglia การกลับเป็นซ้ำเกิดได้ตั้งแต่ไม่กี่สัปดาห์จนถึงหลายเดือนหลังการเป็นครั้งแรก
ภาวะแทรกซ้อน
ทารกที่ติดเชื้อในร่างกาย อาจมีตุ่มน้ำใสๆ ตามร่างกาย
ตาอักเสบ
มีไข้หนาวสั่น
ตับม้ามโต
มีการอักเสบของปาก
ซึม ไม่ดูดนม
การรักษา
ควรให้ยาปฏิชีวนะและดูแลแผลให้สะอาดในรายที่ติดเชื้อ แผลไม่สะอาด
อาจให้ยารับประทานขนาดต่ำติดต่อเป็นเวลานานหรือ การรักษาแบบกดอาการ (suppressive therapy) เพื่อยืดระยะการกลับเป็นซ้ำแต่ละครั้งให้ยาวขึ้นแต่ไม่สามารถกำจัดไวรัสให้หายขาดได้ ยา antivirus ชนิดครีมทาไม่มีผลในการรักษาเท่ากับยากินหรือยาฉีด
ในสตรีตั้งครรภ์ที่เจ็บครรภ์คลอดโดยที่มี Herpes lesion ควรได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทารกได้รับเชื้อจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งในช่องคลอด
การให้ยา antiviral drug เช่น acyclovir, valacyclovir และ famciclovir ไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์ สามารถให้ได้อย่างปลอดภัย
นางสาวศุภลักษณ์ สุทธิวงษ์ เลขที่ 96
์