Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.6 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อ และ3…
3.6 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อ และ3.7การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ
3.6 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อ
การพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บกระดูกและข้อ
Primary survey และ Resuscitation
Direct pressure ด้วย Sterile pressure dressing
กระดูกผิดรูป หรือ fracture ให้ทำการ splint ให้เหมาะสม
ทำการ Immobilization
เพื่อจัดกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งที่ปกติ
Secondary survey
การประเมินผู้ป่วย
การซักประวัติ จากผู้ป่วย ผู้นำส่ง ผู้ประสบเหตุ
ระยะเวลา สถานที่
การรักษาเบื้องต้น
สาเหตุการเกิด
การตรวจร่างกาย
การตรวจคร่าวๆ เพื่อ Screening test
กระดูกแขนขา กระดูกเชิงกรานและกระดูกซี่โครง กระดูกสันหลัง
การตรวจอย่างละเอียด Secondary survey
กระดูกผิดรูป โก่งงอ หดสั้นหรือบิดหมุน
มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
มีเสียงกระดูกขัดกัน (Crepitus)
การตรวจและรักษา Life threatening และ Resuscitation
3.การเอกซเรย์
ถ่ายเอกซเรย์ให้ครอบคลุมกระดูกส่วนที่หัก
รวมส่วนข้อปลายกระดูกทั้งสองด้าน
ถ่ายเอกซเรย์ 2 ท่าในแนวตั้งฉากกัน คือ Anterior-posterior
Definitive care
Recognition เป็นการตรวจประเมินกระดูกหัก ข้อเคลื่อน และการบาดเจ็บอื่นๆ
Rehabilitation เป็นการฟื้นฟูสมรรถภาพของส่วนที่บาดเจ็บ รวมทั้งการฟื้นฟูดูแลจิตใจผู้ป่วย
Reconstruction เป็นการแก้ไขซ่อมแซมส่วนที่สูญเสียจากการบาดเจ็บหรือภาวะแทรกซ้อน
Retention เป็นการประคับประคองให้กระดูกอยู่นิ่งกับที่จากการจัดกระดูกเข้าที่แล้วและรอให้กระดูกติดตามธรรมชาติ
Casting Traction Internal fixation External fixation
Refer เป็นการส่งต่อไปรักษาที่เหมาะสม
Reduction เป็นการจัดกระดูกให้เข้าที่ให้ใกล้เคียงกับภาวะปกติมากที่สุด
กระดูกหักร่วมกับอาการบวม ปวดมาก
ระวังภาวะ Compartment syndrome
กระดูกหัก Multiple long bone fractureมีโอกาสเกิดภาวะ Pulmonary embolism และเสียชีวิต
Pelvic fracture และ Open fracture ต้องระวังเรื่องการเสียเลือดจน
อาจทำให้เกิด Hypovolemic shock
ภาวะกระดูกหักที่คุกคามชีวิต
Major Pelvic disruption with Hemorrhage
ภาวะ unstable pelvic fracture จากการฉีกขาดของอวัยวะภายใน
อาจมีการบาดเจ็บของเส้นเลือด เส้นประสาทร่วมด้วย
การช่วยเหลือเบื้องต้น
ontrol bleeding โดยการทำ Stabilization pelvic ringจาก external counter pressure และ Fluid resuscitation อาจต้อง consult แพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทางในกรณีที่ผู้ป่วยยังมี Hemodynamic abnormality เพื่อช่วยในการรักษาต่อไป
การตรวจร่างกาย
คลำ พบกระดูก Pelvic แตก PR examination พบ high-riding prostate gland และมีเลือดออกบริเวณ Urethral meatus
ดู จะพบ Progressive flank พบ Scrotum และ Perineum บวม มีแผลฉีกขาดบริเวณPerineum และ Pelvic
การเคลื่อนไหว จะพบขาข้างที่ผิดปกติจะสั้น
ระบบไหลเวียนจะพบความดันโลหิตต่ำ
การส่ง film pelvic AP view
Major Arterial Hemorrhage
อาจประเมินโดยใช้Doppler ultrasound ตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือด
การช่วยเหลือเบื้องต้น
Direct pressure บริเวณบาดแผลเพื่อหยุดเลือด และ
Fluid resuscitation ในรายที่กระดูกผิดรูปให้ทำการจัดกระดูกให้เข้าที่แล้วทำการ Splint
การฉีกขาดของหลอดเลือด อาจเป็นการบาดเจ็บแบบ
Blunt trauma หรือ Penetrating wound
Crush Syndrome
ภาวะที่มีการบาดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณ thigh และ calf muscle ทำให้เซลกล้ามเนื้อขาดเลือดและตายแล้วปล่อย Myoglobin เกิดภาวะRhabdomyolysis
อาการ
Dark urine, พบ Hemoglobin ได้ผลบวก
เมื่อเกิดภาวะRhabdomyolysis
Hypovolemia, Metabolic acidosis, Hyperkalemia,
Hypocalcemia และ DIC
การช่วยเหลือเบื้องต้น
จะให้ Fluid resuscitation ให้ Osmotic diuretic เพื่อ
รักษาระดับ Tubular volume และ Urine flow
ให้ Sodium bicarbonate เพื่อช่วย
ลด Myoglobin ที่ไปทำลาย Tubular system
ประเมิน Urine outputให้ได้ 100 cc./ชั่วโมง จนกว่าปัสสาวะจะใส (clear myoglobinuria)
3.7การปฐมพยาบาลคนจมน้ำ (Drowning)
พยาธิสภาพที่เกิดขึ้นภายหลังการจมน้ำ
น้ำจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า เลือด(พลาสมา)
ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวายได้
เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis)
น้ำทะเลที่สำลักอยู่ในปอด จะดูดซึมน้ำเลือด (พลาสมา)
ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ระบบไหลเวียนมีปริมาตรลดลง (hypovolemic) และระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติหัวใจวายหรือเกิดภาวะช็อกได
อาการ
หมดสติ และหยุดหายใจ บางคนหัวใจอาจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้)
ถ้าไม่ถึงกับหมดสติ ก็อาจมีอาการปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย หรือไอมีฟองเลือดเรื่อ ๆ (ซึ่งแสดงว่ามีภาวะปอดบวมน้ำ)
ปัจจัยที่มีผลต่อพยาธิสภาพของผู้จมน้ำ
สภาพผู้ป่วยก่อนจมน้ำ
เช่น อายุ การสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ก่อนจมน้ำ Diving reflexes
อุณหภูมิของร่างกายหลังจมน้ำ
การสูดสำลักน้ำเข้าปอดจะทําให้อุณหภูมิของร่างกาย
ลดลงอย่ารวดเร็ว ทั้งในเลือดและสมอง
ช่วงเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ
การช่วยฟื้นคืนชีพได้เร็วและถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
CPR ภายใน 10 นาที โอกาสรอด 90%
CPR ภายใน 5 นาที โอกาสรอด 96%
การเปลี่ยนแปลงพยาธิสรีรภาพ
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินหายใจและปอด มีภาวะ Pulmonary congestion หรือ edema
การสูดสำลักสารน้ำ
Toxicity
Particles และ micro-organism
Tonicity ของสารน้ำ
Hypotonic solution ได้แก้การจมน้ำจืด
hypoxia
pneumonitis
Hypertonic solution ได้แก่การจมน้ำทะเล
hypoxia
lung compliance ลดลง และ pneumonitis
pulmonary damage
ไม่มีการสำลักน้ำ
สมองขาดออกซิเจน
neurogenic pulmonary edema
การเปลี่ยนแปลงระบบประสาท
cerebral hypoxia เกิดภาวะสมองบวม
และภาวะ circuratory arrest ทำให้ cerebral perfusion ลดลง
ทำให้สมองขาดเลือด Ischemic brain
การเปลี่ยนแปลงระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ
น้ำจืด
หัวใจเต้นผิด จังหวะหรือหัวใจวาย
ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis)
น้ำทะเล
ปอดบวมน้ำ hypovolemia ใจเต้นผิดปกติ
หัวใจวาย
หรือเกิดภาวะช็อก
การเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่และกรดด่างในเลือด
4.1 acidosis จาก เยื่อบุถุงลมอักเสบ , ถุงลมขาด surfactant ,atelectasis, pulmonary edema
PO2 metabolic acidosis
PCO2 respiratory acidosis
4.2 น้ำจืดเกิด hyponatremia, hypochloremia, hyperkalemia
น้ำเค็มเกิด hypernatremia, hyperchloremia, hypermagnesemia
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในร่างกาย
T 35 - 32 องศา สับสน หัวใจเต้นเร็ว
T 32 - 28 องศา เกร็ง หัวใจเต้นช้า หายใจช้า
T 28 - 25 องศา หมดสติ หัวใจเต้นผิดปกติ
T 25 - 21 องศา หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น
T 37 - 35 องศา หนาวสั่น ทรงตัวไม่อยู่
การปฐมพยาบาล
1 กรณีที่คนจมน้ำรู้สึกตัวดี สำลักน้ำไม่มาก
ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปาก ช่วยหายใจทันที ให้ทำการผายปอดด้วยการเป่าปากต่อไป จนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เอง หรือพาไปส่งถึงโรงพยาบาล
ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำการนวดหัวใจทันท
ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง และศีรษะหงายไปข้างหลัง ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น
พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล