Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีชีวภาพ ทางการแพทย์ Biomedical model, Frontal lobe, Temporal lobe,…
ทฤษฎีชีวภาพ
ทางการแพทย์
Biomedical model
แนวคิดหลักของทฤษฎีชีวภาพทางการแพทย์
1)บุคคลมีความแปรปรวนทางด้านอารมณ์และจิตใจ
ผู้ท่ีเจ็บป่วย เช่นเดียวกับผู้ป่วยทางกายโรคอื่นๆเช่น โรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง
2)สาเหตุการเจ็บป่วย
เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของการทำงานของสมอง โดยเฉพาะ limbic system และ synapse ในระบบประสาทส่วนกลาง
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความ เจ็บป่วยประกอบด้วย สารสื่อประสาท (Neurotransmitters) ท่ีมีมากหรือน้อยเกินไป การ เปลี่ยนแปลงของจังหวะการทำงานของชีวภาพของร่างกาย เช่น วงรอบการหลับ-ตื่น (Sleep-wake cycle) และปัจจัยทางพันธุกรรม (Genetic factors)
3)ความเจ็บป่วยจะมีลักษณะของโรคและมีอาการแสดงที่สามารถนำมาใช้ เป็นข้อมูลในการวินิจฉัยและจำแนกโรคได้
4)โรคทางจิตเวชมีการดำเนินโรคที่แน่นอนและสามารถพยากรณ์โรคได้
5)โรคทางจิตเวชสามารถรักษาได้โดยการรักษา
แบบฝ่ายกาย เช่น การรักษาด้วยยา
6)แนวความคิดที่ว่าโรคจิตมีสาเหตุ
มาจากปัจจัยทางชีวภาพ
ช่วยลด ความรู้สึกเป็นตราบาป (Stigma) ของผู้ป่วยและครอบครัว รวมทั้งลดเจตคติของสังคมที่ว่าการ เจ็บป่วยทางจิตมาจาก
บุคลิกภาพท่ีอ่อนแอของบุคคลหรือจากการผิดศีลธรรมของบุคคล
สาเหตุของความผิดปกติทางจิต
1) พันธุกรรม (Genetic)
ความชุกของการเกิดความผดิปกติทางจิตเวช
มีความสัมพันธ์กับประวัติการเจ็บป่วยทางจิตเวชของบุคคลในครอบครัว โดยเฉพาะโรคจิตเภท (Schizophrenia) โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar disorder) และโรคซึมเศร้า
(Major depressive disorder)
ตัวอย่างเช่น
โรคจิตเภท ในบุคคลทั่วไปมีโอกาสเกิดเพียง ร้อยละ 1 ขณะที่ในฝาแฝดทั้งฝาแฝดเทียมและฝาแฝดแท้ มีโอกาสเกิดได้ร้อยละ 40 และ 65 ตามลำดับ
โรคอารมณ์ สองขั้วในฝาแฝดมีอัตราการเกิดโรคได้ร้อยละ 40 ถึงร้อยละ80ในเครือญาติมีโอกาสเกิดได้ร้อยละ5 ถึงร้อยละ 10 ในขณะที่บุคคลทั่วไปมีโอกาสเกิดโรคเพียงร้อยละ 1.2
2) สารสื่อประสาท (Neurotransmitters)
Monoamines
สารสื่อประสาทสาคัญ คือ dopamine มีหน้าที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและการประสานงานของกล้ามเนื้อ และด้านอารมณ์ norepinephrine มี ผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติของบคุคลและserotonin
Amino acid
สารสื่อประสาทสาคัญ คือ GABA (Gamma-aminobytyric acid) ซึ่งทำหน้าที่ลดความตื่นเต้น ลดความวิตกกังวล หากพบว่ามีสารนี้น้อยจะสัมพันธ์กับการเกิดโรคจิตเภทและแมเนีย
Neuropeptide
สารสื่อประสาทสำคัญ คือ somatostatin neurotensin และ substance P ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และความเจ็บปวด
Cholinergics
สารสื่อประสาทสพคัญ คือ
acetylcholine มีบทบาท เก่ียวข้องกับการเรียนรู้ การจำ การควบคุมอารมณ์ การนอนหลับ และการตื่นตัว หากมีน้อยเกินไปจะสัมพันธ์กับการเกิดโรคซึมเศร้า และหากมีมากเกินไปจะมีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหว เช่น โรค พาร์กินสัน (Parkinson’s disease)
3) ความผิดปกติของโครงสร้าง
และการทำงานของสมอง
(Structure and functional of brain)
3.1) Cerebrum
ทำหน้าท่ีควบคุมระบบการทำงานของ ความคิด การเคลื่อนไหวของร่างกาย ความจำการแสดงออกทางอารมณ์ ความสามารถในการแก้ไข ปัญหา และการตัดสินใจ หากมีความผิดปกติของสมองส่วนนี้จะสัมพันธ์กับการเกิดโรคจิตเภท โรค สมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity disorder: ADHD) โรคสมองเสื่อม (Dementia) และการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น อารมณ์ทื่อ การย้ำทำ และการตัดสินใจเสีย
ศูนย์กลางของรับรู้การได้กลิ่นและ
การได้ยิน รวมท้ังความจำ และการแสดงออกทางอารมณ์ หากมีความผิดปกติของสมองส่วนนี้อาจพบ อาการ เช่น หูแว่ว ความสนใจลดลง และหมกมุ่นเรื่องเพศมากข้ึน
เกี่ยวข้องกับการแปรผลการรับรสการ สัมผัส หากมีความผิดปกติ ของสมองส่วนนี้ อาจพบอาการ เช่น อนามัยส่วนบุคคลเปลี่ยนแปลงไป คิดคำนวณตัวเลขช้า และสมาธิไม่ดี
เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาและการมองเห็น หากมีความผิดปกติของสมองส่วนนี้อาจพบอาการ เช่น การเห็นภาพหลอน
3.2) Brainstem
ประกอบด้วย midbrain, pons และ medulla oblongata หากมีความผิดปกติของสมองส่วนนี้อาจพบอาการมือสั่นในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
3.3) Cerebellum
ศูนย์กลางในการทางานที่เก่ียวข้องกับการ เคลื่อนไหวและการทรงตัว
รับข้อมูลจากส่วนของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ ข้อต่อ อวัยวะ และ ส่วนประกอบอื่นๆ ของระบบประสาทส่วนกลาง การยับยั้ง dopamine ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในบริเวณนี้เกี่ยวข้องกับอาการของโรคพาร์กินสัน และโรคสมองเสื่อม
3.4) Limbic system
thalamus จะควบคุมการกระทำ ความรู้สึก และอารมณ์
hypothalamus จะเก่ียวข้องกับการทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลเช่นอุณหภูมิของร่างกาย ควบคุมความอยากอาหาร การทำงานของต่อมไร้ท่อ ความต้องการทางเพศ
hippocampus และ amygdala ทาหน้าท่ีเกี่ยวข้องกับการควบคุมสภาวะทางอารมณ์และความจำ หากมีความผิดปกติของสมองระบบน้ีอาจเก่ียวข้องกับการเจ็บป่วยทางจิต
4) พัฒนาการของเซลล์ประสาท (Neural development)
ความผิดปกติของโครงสร้างสมองอาจมาจากการพัฒนาโครงสร้างระบบ ประสาทขณะอยู่ในครรภ์ โดยเฉพาะช่วง 20 สัปดาห์แรกของการต้ังครรภ์
อาจเกิด จากการติดเชื้อหรือจากภาวะแทรกซ้อนในระหว่างท่ีมารดาตั้งครรภ์หรือมารดาเสพสารเสพติด เช่น แอลกอฮอล์ จะทาให้เกิดภาวะทารกติดแอลกอฮอล์ (Fetal alcohol syndrome) และนำไปสู่การมี ภาวะปัญญาอ่อน (Mental retardation) ได้
การประยุกต์ใช้ในการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช
ดูแลให้รับประทานยาตาม แผนการรักษาของแพทย์
ติดตามการนอนหลับพักผ่อน การทำกิจกรรม
การรับประทานอาหาร ภาวะโภชนาการ และการขับถ่าย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ครบถ้วน รวมทั้งเตรียมความ พร้อมของผู้ป่วยสาหรับการบาบัดรักษาทางด้านร่างกายอื่นๆ
เช่น การรักษาด้วยไฟฟ้า
Frontal lobe
Temporal lobe
Parietal lobe
Occipital lobe
นางสาวสุดารัตน์ คูณศิริ 61122230006 เลขที่ 5