Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ ๗ การบริหารคุณภาพทางการพยาบาล - Coggle Diagram
บทที่ ๗ การบริหารคุณภาพทางการพยาบาล
การควบคุมคุมภาพ(Quality Control :QC)
หมายถึง กิจกรรมในการประเมินตรวจสอบการพยาบาลหรือควบคุมดูแลบริการที่ให้แก่ผู้ใช้บริการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการพยาบาลตามต้องการ
คุณภาพ(Quality)
หมายถึงลักษณะต่างๆของผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่ดีเลิศตรงตามความต้องการของผู้บริโภคหรือผู้รับบริการหรือทำให้ผู้รับบริการมีความพึงพอใจในการเข้ารับบริการ
คุณภาพบริการพยาบาล
หมายถึงการบริการด้านการพยาบาลที่มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพและมีคุณภาพสนองความคาดหวังของผู้ใช้บริการ
แนวคิดการพัฒนาคุณภาพที่สำคัญ
แนวคิดการพัฒนาคุณภาพของเดมมิ่ง(Deming) Dr. Edward Deming ได้นำแนวคิดการวางแผนคุณภาพมาใช้ โดยมีกระบวนการคือการวางแผน(Plan) การปฏิบัติ(Do) การตรวจสอบ(Check) และการปฏิบัติจริง(Act) หรือที่เรียกย่อว่า PDCA หรือ วงจรเดมมิ่ง(PDCA Deming cycle) มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพ
๒. แนวคิดการพัฒนาคุณภาพของจูแรน (Juran) จูแรนเป็นผู้นำด้านการพัฒนาคุณภาพที่สำคัญคนหนึ่ง โดยจูแรนกล่าวว่า“คุณภาพมิใช่อุบัติเหตุ แต่เกิดจากการวางแผนอย่างระมัดระวัง” จูแรน ใช้กระบวนการ ๓ ขั้นตอนในการพัฒนาคุณภาพ คือ
๑) การกำหนดเป้าหมายคุณภาพ การคำนึงถึงลูกค้าภายนอกและภายในองค์การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบสอนงความต้องการของลูกค้า
๓) การปรับปรุงคุณภาพ (Quality improvement)การปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพด้านคุณภาพสูงกว่าแต่ก่อน
๒) การควบคุมคุณภาพ (Quality control) มีการประเมินสภาพปัจจุบัน การดำเนินงานขององค์การ เปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ต้องการและปรับปรุงวิธีการดำเนินงาน
๓. การพัฒนาคุณภาพตามแนวคิดของครอสบี (Crosby) ครอสบีมีแนวคิดตามความเชื่อของเขา
เขามีความสามารถในการจัดทำโปรแกรมปรับปรุงคุณภาพเพื่อเพิ่มผลกำไร ซึ่งมีพื้นฐานมาจากหลักการจัดการคุณภาพที่สมบูรณ์ ๕ ประการ (five absolutes of quality management) คือ
๓) ทำได้ถูกกว่าเสมอ ถ้าหากทำให้ถูกตั้งแต่แรก
๔)ตัวชี้วัดผลงาน คือ ต้นทุนคุณภาพ
๒)ไม่มีปัญหาอะไรสำคัญเท่ากับปัญหาคุณภาพ
๕) มาตรฐานของผลงาน คือ ของเสียเป็นศูนย์ (the performance standard is zero defects) กล่าวสั้น ๆ ได้ว่า หลักการที่ครอสบีเน้น ได้แก่ การทำตามมาตรฐาน การแก้ไขปัญหาคุณภาพ การทำให้ถูกตั้งแต่แรก และการยึดเป้าหมายของเสียเป็นศูนย์
๑) คุณภาพ หมายถึง การทำตามมาตรฐาน ไม่ใช่ความโก้เก๋
๔. แนวคิดการพัฒนาคุณภาพที่ยั่งยืน (Continuous quality improvement ,CQI) เป็นแนวคิดเชิงกระบวนการพัฒนาระบบงานอย่างต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด เป็นการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และความคิดสร้างสรรค์ในการปรับปรุงระบบงานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับผลงานอย่างไม่หยุดยั้ง
๒. การประกันคุณภาพทางการพยาบาล(Nursing Quality assurance)
การประกันคุณภาพการพยาบาล (Nursing Quality assurance) คือลักษณะต่างๆของวิชาชีพการพยาบาลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคงและเกิดการปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยหรือผู้รับบริการอย่างดีเลิศ
วัตถุประสงค์ของการประกันคุณภาพ
เพื่อให้การปฏิบัติการพยาบาลเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดขึ้น
เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริการพยาบาลให้ดีขึ้น
จึงพอสรุปได้ดังนี้
๑. แนวคิดการประกันคุณภาพในยุคเดิม พยาบาลเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ตามความคิดเห็นความเชื่อ ความรู้ที่มีในการตรวจสอบและประเมินผล มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
๒. แนวคิดของการประกันคุณภาพการพยาบาลในช่วง ค.ศ. ๑๙๕๒ – ๑๙๙๒ สมาคมพยาบาลอเมริกัน (American nurses association : ANA) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนามาตรฐานเพื่อเป็นการพัฒนาการพยาบาลและการประเมินคุณภาพแต่ยังเป็นการดำเนินการเฉพาะเรื่อง
๓. แนวคิดการประกันคุณภาพการพยาบาลเน้นที่กระบวนการ ซึ่งจะทำให้มีคุณภาพโดยการประเมินคุณภาพและนำผลมาพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยใช้กระบวนการพัฒนาคุณภาพทั้งองค์การเป็นการแก้ปัญหาทั้งระบบมากกว่าแก้จุดเล็ก ๆ
รูปแบบการประกันคุณภาพการพยาบาล
รูปแบบที่ ๑. การประกันคุณภาพของโรแลนด์
๑.๒ การออกแบบกระบวนการประกันคุณภาพการพยาบาล
๑.๓ การเตรียมข้อมูลภายในหน่วยงานเพื่อแสดงคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด
๑.๑ การกำหนดวัตถุประสงค์ของการประกันคุณภาพการพยาบาลที่ชัดเจนขององค์กร
๑.๔ การเปรียบเทียบสารสนเทศที่ได้กับหน่วยงานอื่น เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงงานที่ยังไม่มีคุณภาพ
๑.๕ นำแนวคิดที่ได้หรือข้อมูลจากการประเมินมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขงานให้ดีขึ้น
๑.๖ ในกรณีที่เกณฑ์ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ จะต้องมีการปรับให้สามารถวัดและประเมินผลตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้และเริ่มต้นวงจรใหม่
รูปแบบที่ ๒. การประกันคุณภาพการพยาบาลขององค์การอนามัยโลก (๑๙๙๕)
๒.๒ สร้างเครื่องมือวัดคุณภาพ ต้องมีวิธีการรวบรวมข้อมูลและมีความชัดเจนว่าจะใช้เครื่องมือใดในการวัดและประเมิน
๒.๓ ประเมินค่าการวัด โดยมีผู้ประเมินคุณภาพที่อาจจะเป็นบุคคลภายนอกองค์กรหรือภายในองค์กรมาเป็นผู้ประเมินตามเกณฑ์ที่กำหนด
๒.๑ สร้างเครื่องบ่งชี้คุณภาพโดยกำหนดเกณฑ์ตัวบ่งชี้ซึ่งเป็นคุณภาพงานเป็นที่ยอมรับขององค์กร
๒.๔ ปรับปรุงคุณภาพ หลังจากได้รับผลการประเมินแล้ว หน่วยงานต้องนำข้อมูลที่ได้รับมาปรับปรุงพัฒนางานต่อไป
รูปแบบที่ ๓ การประกันคุณภาพการพยาบาลของสมาคมพยาบาลอเมริกัน (American nurses association : ANA)
๓.๒ กำหนดมาตรฐานและเกณฑ์เพื่อบ่งชี้คุณภาพของงานที่เป็นมาตรฐานยอมรับได้ทุกหน่วยงาน
๓.๓ สร้างเครื่องมือวัดคุณภาพ เพื่อวัดและประเมินคุณภาพการพยาบาลตามมาตรฐานเกณฑ์ที่กำหนด
๓.๑ สร้างความรู้สึกต่อคุณภาพโดยมีการเตรียมความพร้อมของบุคลากรในหน่วยงานให้มีความเข้าใจและยอมรับในกระบวนการจะเกิดขึ้น
๓.๔ รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล ประเมินผล ให้เป็นหมวดหมู่ของกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการรายงานผู้ที่เกี่ยวข้อง
๓.๗ ปฏิบัติ นำวิธีที่เลือกแล้วมาปราบปรุงคุณภาพมาปฏิบัติให้เกิดผล
๓.๕ ค้นหาแนวทางปรับปรุง ในข้อที่เป็นปัญหาไม่มีคุณภาพ หรือมีคุณภาพในระดับต่ำ
๓.๖ เลือกวิธีการปรับปรุง โดยเลือกวิธีการว่าจะปรับปรุงโดยใคร อย่างไร
รูปแบบที่ ๔ การประกันคุณภาพการพยาบาลของคณะกรรมการร่วมเพื่อการรับรององค์การบริการสุขภาพ(The Joint Commission On Accreditation of Healthcare Organization :JCAHO)
๔.๓ ระบุจุดสำคัญของการพยาบาลและบริการที่ให้ (Identify indicators relates to theimportant aspects ofcare)เป็นการจัดลำดับความสำคัญของการให้บริการพยาบาลในแต่ละหน่วยงานโดยพิจารณากิจกรรมที่ปฏิบัติกับผู้ป่วยจำนวนมากถ้าไม่ปฏิบัติจะเกิดผลเสียหายต่อผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงาน
๔.๔ ระบุตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดจุดสำคัญของการพยาบาล โดยสามารถวัดเชิงปริมาณเพื่อให้ติดตามและประเมินคุณภาพของการพยาบาลได้
๔.๒ เขียนขอบเขตของการพยาบาลและบริการที่ให้ (Delineate the scope of care and service) หมายถึง ภารกิจของหน่วยงานในการให้บริการผู้ป่วยของหน่วยงาน
๔.๕ กำหนดระดับของการรับรอง (Establish thresholds for evaluation ) ระดับของการรับรองเป็นระดับที่ยอมรับได้ เป็นไปตามความคาดหมาย เพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพ
๔.๑ มอบหมายความรับผิดชอบ (Assign responsibility)มีการมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบโครงการประกันคุณภาพ
ระบบการประกันคุณภาพ
๒.การประกันคุณภาพภายนอก (External quality assurance) หมายถึงการดำเนินการตามระบบการควบคุมคุณภาพภายในรวมทั้งการตรวจสอบและประเมินผลทั้งหมดโดยหน่วยงานภายนอกเพื่อประกันว่าโรงพยาบาลนั้นมีขั้นตอนดำเนินการของผู้ประกอบวิชาชีพและวิธีการบริหารจัดการนั้นสามารถให้บริการกับผู้ใช้บริการได้อย่างมีคุณภาพ
๑. การประกันคุณภาพภายใน(Internal quality assurance) หมายถึงกิจกรรมการควบคุมคุณภาพในฝ่ายบริการพยาบาลโดยมีการกำหนดของฝ่ายบริการการพยาบาล
องค์ประกอบในการการควบคุมคุณภาพจะประกอบด้วย
แนวทางการกำหนดมาตรฐานการพยาบาล
๒.กำหนดให้สอดคล้องกันทั้งปรัชญา มาตรฐานและวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน
๓.การกำหนดมาตรฐานการพยาบาลในลักษณะกระบวนการ ผู้กำหนดต้องมีความรู้ ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาผู้ป่วยและความต้องการผู้ป่วยอย่างถูกต้องและเที่ยงตรง
๑.กำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ของความต้องการที่จะประกันคุณภาพหรือควบคุมการพยาบาลให้ชัดเจนก่อนกำหนดมาตรฐานการพยาบาล
มาตรฐานคุณภาพบริการสุขภาพนิตยา
๑.มาตรฐานระดับสากล(Normative standards)แนวทางการกำหนดมาตรฐานจะอยู่ในระดับดีเลิศตามความคาดหวังที่เป็นอุดมคติซึ่งโดยทั่วไปมักจะถูกกำหนโดยองค์กรวิชาชีพ
๒.มาตรฐานระดับผู้เชี่ยวชาญ(Empirical standards)เนื้อหากำหนดเป็นมาตรฐานจะมาจากระดับผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้ ความสามารถระดับของมาตรฐานการพยาบาลตามสมาคมพยาบาลเมริกา
มาตรฐานการพยาบาลมีการจัดทำในหลายระดับ
๒. มาตรฐานการดูแล(Standard of care)หมายถึงมาตรฐานการพยาบาลที่เน้นที่ตัวผู้ใช้บริการ โดยมองผลลัพธ์ที่ผู้ใช้บริการคาดหวังว่าจะได้รับโดยกำหนดมาตรฐานในเรื่องที่เกี่ยวกับการประเมินผู้ป่วย
๓. มาตรฐานการปฏิบัติตามวิชาชีพ(Standard of professional performance)หมายถึงมาตรฐานที่องค์กรวิชาชีพสร้างขึ้นโดยเน้นที่ผู้ให้บริการโดยกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับคุณภาพการดูแลผู้ป่วย
๑. มาตรฐานการปฏิบัติการพยาบาล(Standards of nursing practice) หมายถึงมาตรฐานวิชาชีพที่ใช้ในการปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโรคต่าง ๆซึ่งสามารถใช้ความรู้เชิงวิชาชีพมาปฏิบัติได้ถูกต้อง
ประเภทของมาตรฐานการพยาบาล
มาตรฐานการพยาบาลตามแนวคิดของคาร์ซและกรีน (Katz&Green, ๑๙๙๗)
๑. มาตรฐานเชิงโครงสร้าง(Structure standard) หมายถึง ปัจจัยนำเข้าทั้งหมดของระบบบริการพยาบาล ได้แก่ ปรัชญา วัตถุประสงค์ นโยบายการปฏิบัติงานโครงสร้างการบริหารงาน การจัดสรรทรัพยากรต่างๆ
๒. มาตรฐานเชิงกระบวนการ(Process standard) หมายถึงกิจกรรมการพยาบาลทั้งหมดที่ให้กับผู้ป่วย โดยระบุพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์ของพยาบาลการกำหนดมาตรฐานเชิงกระบวนการนี้กระทำเพื่อใช้วัดคุณภาพการพยาบาลโดยวัดจากความสามารถในการปฏิบัติการ
๓. มาตรฐานเชิงผลลัพธ์(Outcome standard) หมายถึงการวัดผลการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นจุดประสงค์สุดท้ายในการวัดผลทางการพยาบาลโดยจะแสดงถึงพฤติกรรมที่ผู้ป่วยแสดงออกตามที่คาด
การตรวจสอบคุณภาพการพยาบาล(Nursing audit)
ลักษณะการตรวจสอบคุณภาพ
๑) การตรวจสอบคุณภาพด้านโครงสร้าง เป็นการประเมินคุณภาพในการจัดระบบงาน
๒) การตรวจสอบคุณภาพด้านกระบวนการ วัดคุณภาพการพยาบาลจากกิจกรรมการพยาบาล
๓)การตรวจสอบคุณภาพด้านผลลัพธ์โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานผลลัพธ์ทางการพยาบาลการพัฒนาคุณภาพหรือการปรับปรุงคุณภาพ(Quality improvement)
๓.ระบบการบริหารคุณภาพ
การพัฒนาคุณภาพบริการแบบเครือข่าย (Hospital Network Quality Audit: HNQA)
เป็นระบบการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลที่สำนักพัฒนาระบบริการสุขภาพกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โรงพยาบาลต้องกำหนดสิ่งส่งมอบ (Service specification) แก่ลูกค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า (Customer Focus) โดยต้องมีจุดคุณภาพ (Quality point)อย่างเหมาะสมตรงใจลูกค้าและเพื่อให้สามารถส่งมอบบริการที่มีคุณภาพตรงตามจุดคุณภาพได้หน่วยงานจึงต้องกำหนดวิธีการบริการที่เหมาะสม (Service procedure) ในทุกจุดสัมผัสบริการ (Service interface)
ในการพัฒนาคุณภาพเพื่อการประกันคุณภาพ (QA) นี้ให้ใช้หลักการ Standardization ของ TQM
๓. Motivation จูงใจให้ปฏิบัติตามเอกสารที่กำหนด
๔. Monitoring มีการติดตามผลดูเป็นระยะๆ ว่าเป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่
๒. Training ฝึกอบรมสร้างความเข้าใจให้ปฏิบัติได้
๑. Documentationการทำให้เป็นลายลักษณ์อักษรหลังจากมีเหตุการณ์หรือข้อบกพร่องขึ้นแล้วให้ทำการแก้ไขข้อบกพร่อง(Correction) ทำการแก้ไขสาเหตุข้อบกพร่อง (Corrective action)และทำการแก้ไขป้องกันสาเหตุของข้อบกพร่อง (Preventive action)เมื่อได้วิธีการที่เหมาะสมก็เอามาทำเป็นลายลักษณ์อักษร
๕. Review มีการทบทวนเอกสารเป็นระยะๆ อย่างน้อยทุก ๑ ปี
หลักการของการรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (Hospital Accreditation)
เป็นกระบวนการเรียนรู้มิใช่การตรวจสอบการเรียนรู้เกิดจากการประเมินและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องร่วมกับการทบทวนผลการประเมินโดยผู้อื่นเน้นการพัฒนาศักยภาพของคนเพื่อร่วมกันปรับปรุงระบบงานการประเมินและพัฒนาใช้กรอบแนวทางซึ่งเน้นเป้าหมายเปิดโอกาสให้มีความหลากหลายในวิธีปฏิบัติ
พิจารณาแบ่งเป็น ๒ มิติ คือมิติผลลัพธ์และมิติกระบวนการ ๔ หมวด
หมวดที่ ๒ ระบบงานที่สำคัญของโรงพยาบาล ประกอบด้วย ๙ ตัวชี้วัด ได้แก่ ความเสี่ยงเครื่องมือและระบบสาธารณูปโภค การป้องกันการติดเชื้อ การบริหารเวชระเบียน การบริหารยาบริการห้องปฏิบัติการ การเฝ้าระวังโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ
หมวดที่ ๓ กระบวนการดูแลผู้ป่วย ประกอบด้วย ๖ ตัวชี้วัด ได้แก่ การเข้าถึงและการเข้ารับบริการการประเมินผู้ป่วย การวางแผนดูแลผู้ป่วย การวางแผนจำหน่าย การดุแล การให้ข้อมูลและการดูแลอย่างต่อเนื่อง
หมวดที่ ๑ ภาพรวมของการบริหารองค์กร ประกอบด้วย ๖ ตัวชี้วัด ได้แก่ การนำองค์กรการจัดทำกลยุทธ์ สิทธิผู้ป่วย การวัดวิเคราะห์ปรับปรุงผลงาน ความผูกพัน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน
หมวดที่ ๔ ผลการดำเนินการขององค์กร ประกอบด้วย ๗ ตัวชี้วัด ได้แก่ ด้านการดูแลผู้ป่วยด้านการมุ่งเน้นของผู้ป่วย ด้านการเงิน ด้านทรัพยากรบุคล ด้านระบบงานด้านการนำและด้านสร้างเสริมสุขภาพ
การพัฒนาคุณภาพบริการแบบเครือข่าย(Hospital Network Quality Audit: HNQA)
เป็นรูปแบบกิจกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพเป็นเครือข่าย มุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อลูกค้าโดยตรงทุกคนที่มีส่วนร่วมมีความสุข ประหยัดและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เกิดขึ้นโดย กลุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาล ๖แห่ง ร่วมกันจัดตั้งเครือข่ายขึ้น
วิวัฒนาการของการรับรองคุณภาพโรงพยาบาล(Hospital Accreditation: HA)
มุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างมีคุณภาพ มีการทำงานร่วมกันเป็นทีมภายในและระหว่างหน่วยงานและสหสาขาวิชาชีพจัดบริกาโดยเน้นที่ผู้ป่วยและลูกค้าเป็นศูนย์กลางมีมาตรฐานในการทำงานมีระบบตรวจสอบตนเองที่น่าเชื่อถือ ทั้งระบบงานทั่วไปและการดูแลผู้ป่วย
ระบบมาตรฐาน(ISO)
มาตรฐาน ISO ๒๖๐๐๐
สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมในองค์กรได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในภาครัฐหรือเอกสาร องค์กรที่แสวงหากำไรหรือไม่แสวงหากำไร รวมถึงในภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม การบริการ การศึกษา สาธารณสุข ขนส่ง หรืออื่น ๆ นอกจากนั้นยังสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนาด้วย
มาตรฐาน ISO ๒๖๐๐๐
ความรับผิดชอบต่อสังคมไว้ว่าเป็นความรับผิดชอบขององค์กรในผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจและกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร (รวมถึงผลิตภัณฑ์บริการและกระบวนการ)ที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการแสดงออกอย่างโปร่งใสและมีจริยธรรมในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างสุขอนามัยและสวัสดิการที่ดีกับสังคม
มาตรฐาน ISO ๑๔๐๐๐
มาตรฐานสากลว่าด้วยการจัดการด้านสิ่งแวดล้อ(EnvironmentalManagement) ขององค์การให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดทั้งในส่วนของกิจการและภายในองค์การกระบวนการผลิตสินค้าและการจัดการเรื่องผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมองค์การธุรกิจสามารถจัดทำระบบจัดการสิ่งแวดล้อม และขอการรับรองได้โดยสมัครใจ องค์การต้องมีการประกาศนโยบายอย่างชัดเจนมีการดำเนินงานอย่างจริงจังและเป็นขั้นตอน โดยมุ่งเน้นให้องค์การมีการพัฒนาปรับปรุงตลอดจนรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
มาตรฐาน ISO ๙๐๐๐
ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจด้านบริการรวมไปถึงสถานศึกษาและหน่วยงานราชการต่าง ๆ ด้วย อุตสาหกรรมการผลิตและการบริการต่าง ๆ จะคุ้นเคยกับรูปแบบของ “คุณภาพ”จะแตกต่างกันตรงที่ว่า ISO ๙๐๐๐ เป็นเรื่องของ “การประกันคุณภาพ” ซึ่งเป็นเรื่องของระบบ การบริหารคุณภาพขององค์การ
๔.การบริหารความเสี่ยง(Risk Management: RM)
ความเสี่ยง(Risk) คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่คาดหวังมีโอกาสที่จะประสบความสูญเสียหรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การบาดเจ็บ ความเสียหาย เหตุร้ายการเกิดอันตราย สูญเสียทรัพย์สิน สูญเสียชื่อเสียง ภาพลบขององค์กรและบุคลากร เกิดความไม่แน่นอน การไม่พิทักษ์สิทธิหรือศักดิ์ศรีหรือเกิดความสูญเสียจนต้องมีการชดใช้ค่าเสียหาย
วัตถุประสงค์ของการบริหารความเสี่ยง
๒.เพื่อสร้างกรอบแนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้บริหารจัดการความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
๓. เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร
๑. เพื่อให้เกิดการรับรู้ ตระหนัก เข้าใจและหาวิธีการจัดการที่เหมาะสมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
๔.เพื่อให้มีระบบการติดตามผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงและเฝ้าระวังความเสี่ยงใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
ประโยชน์ของการบริหารความเสี่ยง
๑. ได้ปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจ
๒. ได้ปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานทั้งภายในองค์กรและกับภายนอกองค์กร
๓. ได้ปรับปรุงระบบการสื่อสารและการแบ่งปันความรู้ในองค์กร
๔. มีระบบรายงานการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมทั้งภายในองค์กรและการนำเสนอสู่ภายนอก
๕. มีการจัดสรรทรัพยากรไปบริหารความเสี่ยงในจุดที่ถูกต้อง
กระบวนการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย ๕ ขั้นตอน
ความเสี่ยงทั่วไป(Non Clinical Risk) แบ่งความรุนแรงเป็น ๔ ระดับ
ความเสี่ยงทางคลินิก แบ่งเป็น ๙ ระดับ
การประเมินความเสี่ยง
๒. การประเมินโอกาสและผลกระทบของความเสี่ยง เป็นการนําความเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยงแต่ละปัจจัยที่ระบุไว้มาประเมินโอกาส(Likelihood) ที่จะเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยงต่าง ๆ และประเมินระดับความรุนแรงหรือมูลค่าความเสียหาย(Impact) จากความเสี่ยง เพื่อให้เห็นถึงระดับของเสี่ยงที่แตกต่างกัน ทําให้สามารถกําหนดการควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม
๓. การวิเคราะห์ความเสี่ยงเมื่อพิจารณาโอกาส/ความถี่ที่จะเกิดเหตุการณ์(Likelihood) และความรุนแรงของผลกระทบ(Impact)ของแต่ละปัจจัยเสี่ยงแล้วให้นําผลที่ได้มาพิจารณาความ สัมพันธ์ระหว่างโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงและผลกระทบของความเสี่ยงว่าก่อให้เกิดความเสี่ยงในระดับ
๑) การกําหนดเกณฑ์การประเมินมาตรฐานเป็นการกําหนดเกณฑ์ที่จะใช้ในการประเมินความเสี่ยงได้แก่ระดับโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง(Likelihood) ระดับความรุนแรงของผลกระทบ (Impact)และระดับของความเสี่ยง (Degree of Risk)
๔. การจัดลําดับความเสี่ยง(Risk profile) เมื่อได้ค่าระดับความเสี่ยงแล้ว ให้นํามาจัดลําดับความรุนแรงของความเสี่ยงเพื่อพิจารณากําหนดกิจกรรมการควบคุมในแต่ละสาเหตุของ ความเสี่ยงที่สําคัญให้เหมาะสม
วิธีการสร้างแผนผังก้างปลา
๓.เขียนก้างใหญ่ให้ลูกศรวิ่งเข้าสู่กระดูกสันหลัง เพื่อระบุถึงกลุ่มใหญ่ของสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา
๔.เขียนก้างกลางแยกออกจากก้างใหญ่เพื่อแสดงสาเหตุของก้างใหญ่-เขียนก้างเล็กแยกออกจากก้างกลางเพื่อแสดงสาเหตุของก้างกลาง- เขียนก้างย่อยแยกออกจากก้างเล็กเพื่อแสดงสาเหตุของก้างเล็ก
๒.เขียนลูกศรชี้ที่หัวปลาแทนกระดูกสันหลังของปลา
๕.ระดมสมองหาสาเหตุของปัญหาโดยการตั้งคำถามทำไมๆๆๆๆ ซ้ำๆกัน ๕-๗ ครั้ง
๑.กำหนดประโยคปัญหาที่ต้องแก้ไขมาเขียนไว้ที่หัวปลา
ใช้หลักการ ๔ M ๑ E เป็นกลุ่มปัจจัย
M Man คนงาน หรือพนักงาน หรือบุคลากร
M Machine เครื่องจักรหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวก
M Material วัตถุดิบหรืออะไหล่ อุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการ
M Method กระบวนการทำงาน
E Environment อากาศ สถานที่ ความสว่าง และบรรยากาศการทำงาน
นางสาวพิราอร ราชคม เลขที่ 69 รหัสนักศึกษา 603101069