Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับปัจจัยการคลอด - Coggle…
บทที่ 6 การพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับปัจจัยการคลอด
1.การคลอดยาก(dystocia)
ความหมาย
ลักษณะของการคลอดที่ไม่ได้ดำเนินไปตามปกติ มีความก้าวหน้าของการคลอดล่าช้า หรือมีการหยุดชะงักของความก้าวหน้าในการคลอด
สาเหตุของการคลอดยาก ACOG
1.ความผิดปกติของแรง ( abnormality of the powers)
แรงจากการหดรัดตวัของมดลูก (uterine contractility)
แรงจากการเบ่ง (maternal expulsive effort)
2.ความผิดปกติของหนทางคลอด ( abnormality of the passage)
กระดูกเชิงกรานแคบหรือผิดสัดส่วน (pelvic contraction)
ความผิดปกติของอวยัวะสืบพนัธุ์ ( abnormality of reproductive)
3.ความผิดปกติของทารก ( abnormality involving the passenger)
ส่วนนำและท่าผิดปกติ (faulty presentation and position)
ทารกมีพัฒนาการผิดปกติ(abnormal development of fetus)
การแบ่งลักษณะการคลอดยาก
1.Prolongation disorder
Latent phase ยาวนาน ในครรภ์แรกระยะ latent phase ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมง หรือในครรภ์หลังระยะ latent phase ยาวนานกว่า 14 ชั่วโมง
2.Protraction disorder
2.1 Protracted active phase dilatation
เปิดขยายของปากมดลูกช้ากว่า 1.2 cm./hr ในครรภ์แรก และช้ากว่า 1.5 cm./hrในครรภ์หลัง ในระยะ phase of maximum slope (นับตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 4 cm.ถึงปากมดลูกเปิด 9 cm.)
2.2 Protracted descent
ส่วนนำของศีรษะทารกเคลื่อนต่ำลงช้ากว่า 1 cm /1 hr ในครรภ์แรก และช้ากว่า 2 cm /1 hr ในครรภ์หลัง
เปิดขยายของปากมดลูกล่าช้าหรือการเคลื่อนต่ำของศีรษะ ทารกในระยะ active phase ล่าช้ากว่าปกติ
3.Arrest disorders
ปากมดลูกไม่เปิดขยายต่อไปหรือส่วนนำของทารกไม่เคลื่อนต่ำต่อไป
Prolonged deceleration phase
ร่ระยะ Deceleration phase (นับตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 9 cm ถึง 10 cm ) นานกวา่ 3 hr ในครรภ์แรก และนานกว่า 1 hr ในครรภ์หลัง
Secondary arrest of dilatation
ปากมดลูกไม่เปิดขยายอีกต่อไปนานเกินกว่า 2 hr ใน ระยะ phase of maximum slope
Arrest of descent
่่ส่วนนำของทารกไม่เคลื่อนต่ำ ลงมาอีกเลยนานกว่า 1 hr ในระยะที่ปากมดลูกเปิด 10 cm ไปแล้ว
Failure of descent
ไม่มีการเคลื่อนต่ำ ของส่วนนำของทารกลงมาเลยในระยะ Deceleration phase หรือในระยะที่ 2 ของการคลอด
อันตรายและภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดยาก
ต่อผู้คลอด
2.ผู้คลอดเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย หมดแรง
1.การติดเชื้อ(infection)
3.ฝีเย็บบวม และฉีกขาดได้ง่าย
4.เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากการทำสูติศาสตร์หัตถการต่างๆ
5.ตกเลือดหลังคลอด
6.พื้นเชิงกรานยืดขยายเป็นเวลานาน ทำให้มดลูกเคลื่อนต่ำ ผนังช่องคลอดหย่อนและกลั้นปัสสาวะ ไม่อยภู่ายหลังได้
ต่อทารก
2.ติดเชื้อ เมื่อผู้คลอดติดเชื้อโดยเฉพาะ chorioamnionitis
3.อันตรายจากการคลอด ศีรษะทารกจะมีการเกยกันอย่างมาก(excessive molding) หรือเกิดเลือดออกใต้กะโหลกศีรษะ(cephalhematoma)
1.ทารกไดร้ับออกซิเจนไม่เพียงพอ (fetal distress)
2.การประเมินสภาพและการพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของแรง
แรง (power)
การหดรัดตัวของมดลูกมากกว่าปกติ( Hypertonic uterine dysfunction)
การหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่าปกติ( Hypotonic uterine dysfunction)
ความผิดปกติของแรงเบ่ง
การหดรัดตัวของมดลูกมากกว่าปกติ ( Hypertonic uterine dysfunction)
ความหมาย
การหดรัดตัวของมดลูกที่มีแรงดันในมดลูก มากกว่า 50 มิลลิเมตรปรอทหรือช่วงของการ หดรัดตัวแต่ละครั้งน้อยกว่า 2 นาที หรือทั้ง 2 อยา่ง
สาเหตุ
ร้อยละ 50 ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
ขนาดของทารกและช่องเชิงกรานของผู้คลอดไม่ได้สัดส่วน
ส่วนนำของทารกผิดปกติ (Malpresentation) หรืออยู่ในท่าผิดปกติ (Malposition)
ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกไม่ถูกวิธี
อันตราย
ต่อผ้คูลอด
1.ร่างกายอ่อนเพลีย เกิดภาวะขาดน้ำ
2.เกิดการติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำเนื่องจากถุงน้ำคร่ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานาน
3.มดลูกแตกทำใหเ้สียเลือดมาก และอาจเสียชีวิตได้
4.เกิดการตกเลือดหลังคลอด
5.เจ็บปวดมาก เนื่องจากเซลล์กล้ามเนื้อของมดลูกขาดออกซิเจน
ต่อทารก
1.เกิดภาวะขาดออกซิเจน (Fetal distress)
2.เกิดการติดเชื้อ
3.ศีรษะทารกถูกกดนาน อาจมีเลือดออกที่ใต้เยื่อบุกะโหลกศีรษะ (Cephallhematoma) มีอาการบวม น้ำใต้หนังศีรษะทารก (Caput succedaneum) หรือมีการเกยกันของกระดูกกะโหลกศีรษะทารกมากได้
การรักษา
1.ให้ยานอนหลบัและยาระงับปวดที่มีความแรงพอ เช่น morphine หรือ meperidine
2.ถ้ามีภาวะ fetal distressต้องรีบผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
การหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่าปกติ( Hypotonic uterine dysfunction)
ความหมาย
การหดรัดตัวของมดลูกที่มีแรงดันในมดลูก น้อยกว่า 25 มิลลิเมตรปรอทหรือมีการหดรัดตัวนอ้ยกว่า 2 ครั้งใน 10 นาที หรือทั้ง 2 อย่าง
สาเหตุ
ร้อยละ 50 ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
มีความผิดปกติของมดลูก เช่น double uterus, myoma uteri
5.กระเพาะปัสสาวะหรืออุจจาระเต็ม
การได้รับยาแก้ปวดหรือยาระงับความรู้สึกมากเกินไป หรือได้รับก่อนเวลาอันควร
มดลูกมีการยืดขยายมากกว่าปกติ ในรายตั้งครรภ์แฝด หรือแฝดน้ำ
6.ขาดการกระตุ้นที่ปากมดลูก พบได้ในรายที่มีส่วนนำไม่กระชับกับปากมดลูก หรือพื้นเชิงกราน
ผู้คลอดที่ผ่านการคลอดมาหลายครั้ง
อันตราย
ต่อผ้คูลอด
การตายของผู้คลอด มาจากการเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน ทำให้เกิดการเสียเลือด
1.ผู้คลอดเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย หมดแรง (maternal distress)
ต่อทารก
1.การคลอดยาวนานส่งผลให้ทารกไดร้ับออกซิเจนไม่เพียงพอ (fetal distress)
ติดเชื้อ การอักเสบของเยื่อหุ้มทารก( chorioamnionitis) ซึ่งเป็นผลจากการคลอดยาวนาน
การรักษา
1.รักษาที่ดีที่สุดคือ การใช้ oxytocin
2.การให้สารน้ำที่เพียงพอเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำของผู้คลอด
3.ตรวจดูว่ามีปัสสาวะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะจนเต็มหรือไม่ ถ้ามีควรสวนออก
4.ให้ยาระงับปวดในขนาดที่เพียงพอและเหมาะสม
5.ให้การประคับประคองจิตใจ ให้กำลังใจ
6.ประเมินและตรวจให้แน่ชัดว่าไม่มีการผิดสัดส่วนระหว่างขนาดของทารกและช่องเชิงกราน
7.ถ้าถุงน้ำคร่ำยังไม่แตกหรือรั่ว ควรเจาะถุงน้ำคร่ำเพราะจะช่วยให้การหดรัดตัวของมดลูกดีขึ้น
การพยาบาลผู้คลอดที่มีการหดรัดตัวของมดลูกผิดปกติ
การรักษา
2.ใช้สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด
การเบ่งให้ผู้คลอด สูดหายใจเข้าเต็มที่ลึกๆปิดช่องสายเสียง(glottis) และเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องอย่างแรง
1.การเลือกใช้ชนิดของยาชาและเวลาที่จะใช้อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ
3.3.สอนวิธีการเบ่งที่ถูกต้อง
การพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของแรงเบ่ง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
มีโอกาสเกิดการคลอดล่าช้าในระยะที่สองของการคลอด เนื่องจากผู้คลอดเหนื่อยลา้มากและเบ่งไม่ ถูกวิธี
สาเหตุ
การที่ผู้คลอดได้รับยาแก้ปวดในปริมาณมาก
ความอ่อนเพลียหรือการเจ็บครรภค์ลอดยาวนาน
เหนื่อยล้าจากการได้รับน้ำไม่เพียงพอ ได้รับอาหารไม่เพียงพอ
อันตราย
ต่อผ้คูลอดทำให้ไม่สามารถคลอดได้เองทางช่องคลอดตามธรรมชาติ ต้องใช้วิธีทางสูติศาสตร์หัตถการ เกิดอันตรายจากการทำสูติศาสตร์หัตถการ
ต่อทารก ทารกขาดออกซิเจนเนื่องจากใช้เวลาเบ่งยาวนาน
3.การประเมินสภาพและการพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของหนทางคลอด
ความผิดปกติเนื่องจากกระดูกเชิงกรานแคบหรือผิดสัดส่วน(pelvic contraction)
สาเหตุของช่องเชิงกรานแคบ
การเจริญเติบโตผิดปกติ
ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมบูรณ์
โรคกระดูก
กระดูกเชิงกรานแตกหรือร้าวจากอุบัติเหตุ
ความพิการจากกระดูกสันหลังหรือขามาแต่ในวัยเด็ก
เชิงกรานเจริญไม่เต็มที่
อันตราย
อันตรายต่อผู้คลอด
เกิดการคลอดยาวนานและคลอดยาก
ถุงน้ำทูนหัว แตกก่อนเวลา
รายที่มดลูกหดรัดตัวดี แต่ส่วนของหัวเด็กไม่สามารถเคลื่อนลงสู่ช่องเชิงกรานได้ เกิดลักษณะการหดรัดตัวชนิดวงแหวน
เกิดการตายของเนื้อเยื่อ (necrosis of maternal tissue)
การช่วยคลอดโดยใช้คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศทำได้ยาก
อันตรายต่อทารก
เกิดสายสะดือย้อยได้ง่าย
เลือดออกในกะโหลกศีรษะ
เกิดอันตรายกับศีรษะทารกและระบบประสาทส่วนกลาง
เกิดการติดเชื้อ
ทำให้กะโหลกศีรษะทารกผิดรูปหรือแตกหักจากการถูกกด
ชนิด
1.เชิงกรานแคบที่ช่องเข้า (inlet contraction) พบเส้นผ่าศูนย์กลางแนวหน้าหลังน้อยกว่า10 ซม.หรือเส้นผ่าศูนย์กลางขวาง(transverse diameter) น้อยกว่า 12 ซม.
2.เชิงกรานแคบที่ช่องกลาง (midpelvic contraction) ช่องกลางของเชิงกรานอยู่ที่ระดับ ischial spineระยะระหว่าง ischial spine ทั้งสองข้างน้อยกว่า 9.5 ซม.
3.เชิงกรานแคบที่ช่องออก (outlet contraction) ระยะระหว่าง ischial tuberosity น้อยกว่า 8 ซม.(ปกติ 10ซ.ม.) และ pubic arch แคบกว่าปกติ
การรักษา
1.เนื่องจากมักพบว่ามีการหดรัดตัวของมดลูกไม่แรงพอร่วมด้วยบ่อย ดังนั้นการพิจารณาให้ยาระงับัปวดหรือยาระงับความรู้สึกควรให้ในเวลาที่เหมาะสม
ไม่ควรใช้ oxytocin หรือระมัดระวังในการใช้อย่างมาก เพราะอาจทำให้มดลูกแตกได้
ถ้าการแคบอยู่ในระดับที่ไม่มากนัก การช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศจะปลอดภัยกว่าการช่วยคลอดด้วยคีม
4.ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง เมื่อมีปัจจัยอื่นที่ไม่ดีร่วมด้วย
การประเมินภาวะ CPD
ซักประวัติ
ผู้คลอดเตี้ยกว่า140 ซม. หรือเดินผิดปกติ ตะโพกเอียง สันหลังคดงอ และในผู้คลอดครรภ์แรกเมื่อครบกำหนดคลอดแล้วศีรษะทารกยังลอยหรือพบทารกท่าผิดปกติ
ในรายที่สงสัยว่าเกิดภาวะ CPD ควรส่งพบแพทย์เพื่อตรวจทางหน้าท้อง ตรวจภายใน หรือถ่าย xray หรือตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
1.จากการคลอดยาวนาน ทำให้เกิดเนื้อตาย เกิดรูรั่วระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับช่องคลอด
2.ถุงน้ำทูนหัว แตกก่อนเวลา ทำให้ทารกเกิดการติดเชื้อ หรือมีสายสะดือย้อยได้จากทารกอาจเสียชีวิตถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ
3.การคลอดติดขัด มดลูกมีลักษณะใกล้แตก ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษามดลูกแตกได้ ทำให้ผู้คลอดและทารกเสียชีวิต
การรักษา
เกิดชัดเจน ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
สงสัย ทดลองคลอด (Trial of labour) ถ้าไม่สำเร็จ หรือมีความผิดปกติของผู้คลอดหรือทารกในระหว่างการทดลองคลอดควรผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ (abnormality of reproductive tract)
ความผิดปกติของปากช่องคลอด
ปากช่องคลอดตีบ
การแข็งตึงของฝี เย็บ (rigid perineum
การอักเสบหรือเนื้องอก เช่น condyloma acuminata, bartholin abscess,bartholin cyst
ความผิดปกติของช่องคลอด
ช่องคลอดตีบ
เยื่อกั้นในช่องคลอด
เนื้องอก เช่น Gartner’s duct cyst,fibrom
ความผิดปกติของปากมดลูก
ปากมดลูกตีบ
ปากมดลูกแข็ง
มะเร็งปากมดลูก
ความผิดปกติของมดลูก
มดลูกคว่ำหน้า(anteflexion)
มดลูกคว่ำหลัง(retroflexion)
มดลูกหย่อนขณะตั้งครรภ์
เนื้องอกมดลูก
ความผิดปกติของรังไข่
เนิ้องอกรังไข่อาจทำให้เกิดการคลอดติดขัดได้
การพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอดและหลังคลอดเนื่องจากศีรษะทารกไม่ได้สัดส่วนกับช่องเชิงกราน
ผู้คลอดมีโอกาสเกิดการคลอดระยะที่สองล่าช้า เนื่องจากการแข็งตึงของฝีเย็บ (rigid perineum
4.การประเมินสภาพและการพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของทารก
1.ท่าและส่วนนำผิดปกติ(faulty position and presentation)
สาเหตุส่งเสริม
1.เชิงกรานรูปหัวใจ (android) หรือรูปไข่ตั้ง (anthropoid)
2.ศีรษะทารกอยู่ในทรงเงย (deflexion attitude)
3.ผนังหน้าท้องของผู้คลอดหย่อน มดลูกและทารกเอนมาด้านหน้า
4.มีสิ่งขัดขวางการหมุนของศีรษะทารก เช่น รกที่ติดผนังด้านหน้าของมดลูกในบางราย
5.ศีรษะทารกไม่กระชับกับพื้นเชิงกราน เนื่องจากศีรษะทารกโต หรือเล็กเกินไป หรือพื้นเชิงกรานหย่อนมาก ทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
6.มดลูกหดรัดตัวไม่ดีหรือแรงเบ่งน้อย ทำให้กลไกการก้มและการเคลื่อนต่ำของศีรษะทารกไม่ดี
การดำเนินการคลอดในท่าท้ายทอยเฉียงหลัง (ROP)
ศีรษะทารกมีการหมุนภายในช่องเชิงกราน
ท้ายทอยหมุนไปข้างหน้า 135 องศา การหมุนลักษณะนี้จะใช้เวลานานกว่าปกติมดลูกต้องหดรัดตัวดี และทารกจะคลอดออกมาในท่าปกติ โดยคลอดเอง หรืออาจใช้เครื่องมือช่วยคลอด
ท้ายทอยหมุนไปข้างหน้า 45 องศา เป็นท่า Right Occiput Lateral (ROL) เรียกว่า “ท่าศีรษะขวางต่ำ ” (deep transverse arrest of head)
ท้ายทอยหมุนไปข้างหลัง 45 องศา ทารกจะคลอดในท่าที่ท้ายทอยคงอยู่ด้านหลัง (Occiput Persistent Posterior OPP)
ในกรณีที่ไม่สามารถหมุนได้ แพทย์อาจช่วยคลอด
1.การใช้มือหมุนศีรษะทารก
2.การใช้เครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอด
3.การใช้คีมคีลแลนด์(Kielland forceps)
4.การผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง เมื่อเชิงกรานไม่กว้างพอ ส่วนนำอยู่สูง
การดำเนินการคลอดท่าท้ายทอยคงอยู่หลัง (Occiput Persistent Posterior : OPP)
1.ศีรษะทารกอยู่ในทรงคว่ำเต็มที่ (full flexion of head)
2.ศีรษะทารกอยู่ในทรงเงยเล็กน้อย (mild deflexion of the head)
ท่าท้ายทอยคงอยู่ข้าง(transverse arrest of head or persistent occipito transverse position)
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
1.ผู้คลอดมีอาการปวดบริเวณหลังและเอวมาก
2.ผู้คลอดมีลมเบ่งเกิดขึ้นในระยะที่ปากมดลูกเปิดน้อย
3.ผนังช่องคลอดด้านหลังและฝี เย็บมีการยืดขยายและฉีกขาดมาก
4.ปากมดลูกบวมช้าและอาจฉีกขาดได้
5.ทารกมีโอกาสขาดออกซิเจนจากการคลอดยาวนาน และเกิดการบาดเจ็บจากการคลอดได้
การรักษา
1.ติดตามความก้าวหน้าของการคลอด และติดตามอาการของผู้คลอดและทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
2.ถ้าพบเหตุที่ทำให้คลอดทางช่องคลอดไม่ได้ หรือมีภาวะผิดปกติที่ทำให้ทารกเป็นอันตรายได้ง่าย
จากการใช้เครื่องมือช่วยคลอดทางช่องคลอด ต้องทำผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
3.ถ้าไม่พบเหตุที่ทำให้เป็นอันตรายต่อการคลอดทางช่องคลอดให้เฝ้าดูการเจ็บครรภ์คลอดอย่างใกล้ชิด
4.ให้สารละลายเด็กซโทรส 10% ทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
5.ให้ยาลดอาการเจ็บครรภ์ และยาระงับประสาท
6.ปากมดลูกเปิดช้า ถ้าเป็นผลจากการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี ต้องให้ออกซิโทซินหยดเข้าทางหลอดเลือดดำ
7.ถ้าสามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้
รอคอยให้คลอดเองทางช่องคลอด ตามธรรมชาติ
ใช้คีมช่วยคลอดในท่า posterior position
ใช้คีมช่วยหมุนเป็นท่า occiput anterior แล้วทำคลอด
ใช้มือช่วยหมุน (manual rotation) เป็นท่า occiput anteriorแล้วใช้คีมช่วยคลอด
ความผิดปกติเกี่ยวกับทรง
ท่าหน้าผาก (Brow Presentation)
การดำเนินการคลอดท่าหน้าผาก ไม่สามารคลอดได้เอง
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก เกิดการคลอดติดขัด ถ้าให้การช่วยเหลือไม่ทัน มดลูกอาจแตกได้ หรือถ้าช่วยเหลือช้าเกินไป ทารกอาจเสียชีวิตเนื่องจากขาดออกซิเจนในครรภ์ผู้คลอดได้
การรักษา
1.ถ้าทารกมีขนาดปกติหรือใหญ่กว่าปกติ ให้ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง ไม่ควรให้คลอดทางช่องคลอด
2.ถ้าศีรษะทารกเล็กและเชิงกรานใหญ่ อาจทดลองปรับศีรษะทารกโดย
ถ้าหน้าผากอยู่ทางด้านหลังกดศีรษะให้ก้มมากขึ้นเพื่อให้เปลี่ยนเป็นท่าปกติ
ถ้าหน้าผากอยู่ทางด้านหน้าดันศีรษะให้แหงนมากขึ้น เพื่อให้กลายเป็นท่าหน้าที่คางอยู่ทางด้านหน้า ถ้าปรับไม่สำเร็จให้ทำการผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ถ้าศีรษะทารกลงไปต่ำมากและติดแน่น ซึ่งเรียกว่า Neglected brow presentation และมดลูกหดรัดตัวอย่างรุนแรง อาจทำให้มดลูกแตกได้ ต้องรีบผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ท่าหน้า (Face Presentation)
การดำเนินการคลอดท่าหน้า
1.การเคลื่อนต่ำเกิดเหมือนในท่าศีรษะ
2.การหมุนภายใน เมื่อคางพบแรงเสียดทานที่ pelvic floor จะหมุนมาทางด้านหน้า 45 องศา
3.การเคลื่อนต่ำของส่วนนำจะมีต่อไปจนคางมาอยู่ใต้กระดูกหัวเหน่า จากนั้นจะใช้คางเป็นจุดยันและงุ้มศีรษะเอาปาก ตา จมูก คิ้วกระหม่อมใหญ่ รอยต่อแสกกลาง กระหม่อมเล็ก และท้ายทอยคลอดออกมา
4.คางจะหมุนกลับไปอยู่ในแนวเดิม 45 องศา เหมือนจุดเริ่มต้นของกลไกการคลอด เพื่อคลอดไหล่และลำตัวต่อไป แบบการคลอดท่าศีรษะทั่วไป
การรักษา
1.ถ้าไม่มี CPD มดลูกหดรัดตัวดี คางหมุนไปทางด้านหน้า และความก้าวหน้าของการคลอดดีสามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้
2.ถ้าพบเป็นท่าคางหมุนไปทางด้านหลัง และอัดแน่นที่ผนังด้านหลังบริเวณ sacrum แสดงถึงภาวะ CPD ควรผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ความผิดปกติเกี่ยวกับส่วนนำของทารก
ท่าก้น (Breech Presentation)
ท่าขวาง (Shoulder Presentation Acromion หรือ Presentation)
การรักษา
1.ในระยะตั้งครรภ์ ถ้าตรวจพบท่าขวาง เมื่ออายุครรภ์ 32-36 สัปดาห์ แพทย์จะทำการหมุนกลับท่าทารกภายนอก ถ้าพบว่ามีสิ่งขัดขวางการคลอดจะผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
2.ในระยะคลอด ถ้าถุงน้ำยังไม่แตก อาจหมุนกลับทารกให้อยู่ในท่าศีรษะ แล้วเจาะถุงน้าคร่ำ
3.ในรายที่ผู้คลอดไม่ได้รับการดูแลมาก่อน ปล่อยจนทารกลงมาอัด แน่นในช่องเชิงกราน (neglected shoulder presentation) ต้องรีบช่วยชีวิตผู้คลอดป้องกันมดลูกแตก โดยการตัดศีรษะทารกออกจากลำตัว (decapitation) หรือทำผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
2.ทารกมีพัฒนาการผิดปกติ(abnormal development of fetus)
ทารกที่มีขนาดตัวโต
1.บิดามารดาตัวโต
2.มารดาที่เป็นเบาหวาน
3.มารดาอ้วน
4.มารดาที่น้ำหนักเพิ่มมากในขณะตั้งครรภ์
5.ครรภ์เกินกำหนด
แฝดติดกัน
1.การแยกของทารกส่วนของครึ่งบนหรือครึ่งล่างของร่างกายไม่เป็นไปอย่างสมบูรณ์
2.แฝดที่มีส่วนติดกันที่ส่วนบนหรือส่วนล่างของร่างกาย
3.แฝดติดกันที่ส่วนของลำตัว
การช่วยเหลือและการพยาบาล
Call for help เรียกขอความช่วยเหลือจากสูติแพทย์ กุมารแพทย์ วิสัญญีแพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่อื่นๆ
ให้ผู้คลอดหยุดเบ่ง ห้ามกดบริเวณยอดมดลูก และให้สวนปัสสาวะ
ตัดหรือขยายแผลฝีเย็บให้กว้างขึ้นในกรณีที่ฝีเย็บแน่นมาก
ใช้ลูกยางแดงดูดมูกในจมูกและปากทารกให้หมด
ทำ Suprapubic pressure คือการกดบริเวณท้องน้อยเหนือหัวหน่าวในขณะที่ให้ผู้คลอดเบ่ง และผู้ทำคลอดดึง ศีรษะทารกลงสู่ด้านล่างด้วยความนุ่มนวล
5.1 Mazzanti maneuver โดยให้ใช้มือกดไปตรงๆบริเวณเหนือ หัวหน่าว
5.2 Rubin maneuver โดยให้ใช้มือกดโยกทางด้านข้างบริเวณ เหนือหัวหน่าวที่คิดว่าเป็นด้านหลังของไหล่ทารก
ทำ McRoberts maneuver โดยให้ผู้คลอดงอสะโพกทั้งสองข้างอย่างมากในท่านอนหงายเพื่อให้ต้นขาทั้งสองข้างชิดติดกับบริเวณหน้าท้อง
All- fours หรือ Gaskin maneuver โดยให้ผู้คลอดพลิกตัวจากท่าขบนิ่วเป็นท่าคลานสี่ขา
Squatting โดยให้ผู้คลอดอยู่ในท่านั่งยองๆ
Rotational maneuver
9.1 Woods screw คือ การใช้มือใส่ไปทางด้านหลังของไหล่หลังทารกแล้วหมุนไหล่ไป 180องศา
แบบ corkscrew จะทำให้ไหล่หน้าที่ติดอยู่ถูกหมุนมาคลอดออกทางด้านหลังได้
9.2 Rubin maneuver คือ การสอดมือเข้าไปในช่องคลอดคลำไปทางด้านหลังของไหล่หน้าแล้วดัน
ให้เกิด adduction ของไหล่ไปทางหน้าอกจะทำให้ Bisacromial diameter ลดลงและไหล่หน้าก็จะหลุดออกมา
Posterior arm extraction วิธีนี้ควรจะให้การดมยาสลบในมารดาและใช้ยาคลายมดลูก ( Tocolytic drugs) ร่วมด้วยเพื่อให้มดลูกคลายตัว
Clavicular fracture
11.1 ใช้มือดันบริเวณกลางของกระดูกไหปลาร้าของไหล่หน้าไปในทิศทางขึ้นด้านบนไปชนกับกระดูกหัวหน่าว
11.2 ใช้กรรไกรตัดกระดูกไหปลาร้า ซึ่งวิธีนี้ใช้ในกรณีที่ทารกเสียชีวิตแล้วเท่านั้น
การพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสเกิดอันตรายจากการยืดขยายและฉีกขาดมากผิดปกติของฝี เย็บและผนังช่องคลอด เนื่องจากคลอดในลักษณะท้ายทอยอยู่ด้านหลัง
ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากการคลอดยาวนาน การคลอดยาก และการคลอดติดขัดเนื่องจากทารกมีใบหน้าเป็นส่วนนำ
ภาวะจิตใจของผู้คลอด
การคลอดนั้นเต็มไปด้วยอันตราย อาจถึงตายได้
การคลอดทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง