Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 7การพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับปัจจัยการคลอด - Coggle…
บทที่ 7การพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับปัจจัยการคลอด
การคลอดยาก
แรง (power)
การหดรัดตัวของมดลูกมากกว่าปกติ
( Hypertonic uterine dysfunction)
การหดรัดตัวของมดลูกที่มีแรงดันในมดลูก มากกว่า 50 มิลลิเมตรปรอทหรือช่วงของการหดรัดตวัแต่ละคร้ังน้อยกว่า 2 นาทีหรือท้้ง 2 อย่าง
เป็ นการที่มดลูกหดรัดตัวแรงแต่ไม่มีประสิทธิภาพ มีความตึงตัวของ
กลา้มเน้ือมดลูกในระยะพกัรุนแรงกวา่ ปกติ และไม่มีจุดรวมของการหดรัดตัวที่ยอดมดลูก(fundus) ทำให้ผู้คลอดมีความเจ็บปวดมาก แต่ปากมดลูกไม่เปิ ดขยายและส่วนนำของทารกไม่เคลื่อนต ่ำ
สาเหตุ
ร้อยละ 50 ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
ขนาดของทารกและช่องเชิงกรานของผู้คลอดไม่ได้สัดส่วน
ส่วนนำของทารกผิดปกติ (Malpresentation)
หรืออยู่ในท่าผิดปกติ (Malposition)
ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกไม่ถูกวิธี
อันตรายต่อผู้คลอด
ร่างกายอ่อนเพลียเกิดภาวะขาดน้ำ
เกิดการติดเช้ือในถุงน้า คร่ำ เนื่องจากถุงน้ำ คร่ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานาน
มดลูกแตกทำให้เสียเลือดมาก และอาจเสียชีวิตได้
เกิดการตกเลือดหลังคลอด
เจ็บปวดมากเนื่องจากเซลลก์ลา้มเน้ือของมดลูกขาดออกซิเจน
อันตรายต่อทารก
.เกิดภาวะขาดออกซิเจน (Fetal distress)
ติดเชื้อ
อาจมีเลือดออกที่ใต้เยื่อบุกะโหลกศีรษะ (Cephallhematoma)
มีอาการบวมน้้ำใต้หนังศีรษะทารก(Caput succedaneum)
การรักษา
ให้ยานอนหลับและยาระงับปวดที่มีความแรงพอ เช่น morphine หรือ meperidine จะทำให้หายปวดและสามารถพักได้หลงัจากนั้น มดลูกจะกลับ มามีการหดรัดตัวตามปกติ
ถ้ามีภาวะfetal distressต้องรีบผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
การหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่าปกติ
( Hypotonic uterine dysfunction)
หมายถึง การหดรัดตัวของมดลูกที่มีแรงดันในมดลูก น้อยกว่า 25 มิลลิเมตรปรอทหรือมีการหดรัดตัวน้อยกว่า 2 คร้ังใน 10 นาทีหรือท้้ง 2 อย่าง
การหดรัดตวัของมดลูกที่ผิดปกติชนิดน้ีเป็นการที่มดลูกหดรัดตัวเป็ันจังหวะแต่การหดรัดตวัของมดลูกไม่รุนแรง ขณะที่มดลูกหดรัดตัวแรงที่สุด มดลูกยังนุ่มอยู่ไม่สามารถท าให้ปากมดลูกเปิ ดขยายได้ และจะหดรัดตัวห่างออกไป
สาเหตุ
ร้อยละ 50 ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
การได้ร้บยาแกป้วดหรือยาระงับความรู้สึกมากเกินไป หรือได้รับก่อนเวลาอันควร
มดลูกมีการยืดขยายมากกวา่ ปกติในรายตั้งครรภแ์ฝด หรือแฝดน้ำ
มีความผิดปกติของมดลูก เช่น double uterus, myoma uteri
ขาดการกระตุ้นที่ปากมดลูก พบได้ในรายที่มีส่วนนำไม่กระชับกับ ปากมดลูก หรือพื้นเชิงกราน
กระเพาะปัสสาวะหรืออุจจาระเต็ม
ผู้คลอดที่ผ่านการคลอดมาหลายคร้ัง
อันตรายต่อผู้คลอด
ผู้คลอดเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย หมดแรง (maternal distress) จากการคลอดที่ยาวนาน
การตายของผู้คลอด ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน ทำให้เกิดการเสียเลือด เนื่องจากการหดรัดตวัของมดลูกไม่ดีการติดเช้ือและอนั ตรายที่ไดร้ับจากการทำ สูติศาสตร์หัตถการ
อันตรายต่อทารก
โดยปกติการหดรัดตัวของมดลูกที่น้อยกว่าปกติ ไม่มีผลทำให้ทารกขาดออกซิเจน นอกจากมีการคลอดยาวนาน และผู้คลอดอยู่ในสภาพคับขัน จึงจะส่งผลให้ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ (fetal distress)
ติดเชื้อเมื่อผู้คลอดติดเชื้อโดยเฉพาะการอักเสบของเยื่อหุ้มทารก
( chorioamnionitis) ซึ่งเป็นผลจากการคลอดยาวนาน
การรักษา
ออกซิโตซิน(oxytocin)
การให้สารน้ำ ที่เพียงพอเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำ ของผู้คลอด
ตรวจดูวา่ มีปัสสาวะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะจนเต็ม หรือไม่ถ้ามีควรสวนออกเพราะอาจทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดีพอได้
ให้ยาระงับปวดในขนาดที่เพียงพอและเหมาะสม
ให้การประคับประคองจิตใจ
ความผิดปกติของแรงเบ่ง
สาเหตุ
การที่ผู้คลอดได้รับยาแก้ปวดในปริมาณมาก
ความอ่อนเพลียหรือการเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน
เหนื่อยล้าจากการได้ร้บน้ำไม่เพียงพอได้รับอาหารไม่เพียงพอ ทำ ให้ผู้คลอดขาดแรงเบ่งได้
อันตรายต่อผู้คลอด
ทำให้ไม่สามารถคลอดได้เองทางช่องคลอดตามธรรมชาติ ต้องใช้วิธีทางสูติศาสตร์หัตถการ ทำให้เกิดอันตรายจากการทำสูติศาสตร์หัตถการ
อันตรายต่อทารก
ทารกขาดออกซิเจนเนื่องจากใช้เวลาเบ่งยาวนาน
การรักษา
เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการใชย้าระงบั หรือยาชามากเกินไปเพื่อลดความเจ็บปวด ดังนั้นการเลือกใช้ชนิดของยาชาและเวลาที่จะใช้อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อสภาพการต่างๆเหมาะสมอาจใช้สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด เช่น คลอดด้วยคีม เครื่องดูดสุญญากาศ หรือผ่าท้องทำคลอด
สอนวิธีการเบ่งที่ถูกต้อง คือ เมื่อมีการหดรัดตัวของมดลูกและปากมดลูกเปิดหมดแล้ว ให้ผู้คลอดสูดหายใจเข้าเต็มที่ลึกๆปิดช่องสายเสียง(glottis) และเกร็งกลา้มเนื้อหน้าท้องอย่างแรง ทำซ้า เช่นนี้เพื่อให้มีความดันในช่องทอ้งเพิ่มข้ึน ตลอดเวลาที่มดลูกยงัหดรัดตวั
ช่องทาง Passage
ความผิดปกติเนื่องจากกระดูกเชิงกรานแคบหรือ
ผิดสัดส่วน(pelvic contraction)
เชิงกรานแคบที่ช่องเข้า (inlet contraction)
เชิงกรานแคบที่ช่องกลาง (midpelvic contraction)
เชิงกรานแคบที่ช่องออก (outlet contraction)
สาเหตุของเชิงกรานแคบ
การเจริญเติบโตผิดปกติ
ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมบูรณ์ ทำให้ลักษณะของเชิงกรานไม่เป็นไปตามปกติ
โรคกระดูก
กระดูกเชิงกรานแตกหรือร้าวจากอุบัติเหตุ
ความพิการจากกระดูกสันหลังหรือขามาแต่ในวัยเด็ก ทำให้รูปลักษณะเชิงกระดูกเชิงกรานเจริญผิดปกติ
.เชิงกรานเจริญไม่เต็มที่
อันตรายต่อผู้คลอด
.เกิดการคลอดยาวนานและคลอดยากจากความผิดปกติในการเปิดขยายของปากมดลูก เนื่องจากศีรษะทารกไม่สามารถengageได
ถุงน้ำ ทูนหัวแตกก่อนเวลา
ในรายที่มดลูกหดรัดตัวดี แต่ส่วนของหัวเด็กไม่สามารถเคลื่อนลงสู่ช่องเชิงกรานได้ จะทำให้กล้ามเนื้อมดลูกส่วนล่าง(lower uterine segment) บางลงเรื่อยๆทำให้เกิดลักษณะการหดรัดตัวชนิดวงแหวน
(pathological retraction ring) ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือก็อาจทำให้เกิดมดลูกแตกได้
เกิดการตายของเนื้อเยื่อ(necrosis of maternal tissue) บริเวณที่ศีรษะทารกกดอยู่นานและทำให้
เกิดการทะลุจากช่องคลอดไปยังอวัยวะข้างเคียง
การช่วยคลอดโดยใช้คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศทา ได้ยาก มีผลทำใหเ้น้ือเยื่อของผู้คลอดถูกทำลาย
อันตรายต่อทารก
เกิดสายสะดือย้อยได้ง่ายเนื่องจากถุงน้า ทูนหัวแตกและศีรษะทารกยังไม่เคลื่อนเขา้สู่ช่องเชิงกราน
เลือดออกในกะโหลกศีรษะเนื่องจากกระดูกศีรษะมีการเกยกันมาก
.เกิดอันตรายกับศีรษะทารกและระบบประสาทส่วนกลาง เนื่องจากคลอดโดยใช้คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอด
เกิดการติดเช้ือเช่น ปอดบวมแต่กำเนิด(congenital pneumonia) หรือการติดเช้ือในกระแสเลือด(septicemia) เนื่องจากถุงน้ำ ทูนหัวแตกเป็นเวลานาน
ทำให้กะโหลกศีรษะทารกผิดรูปหรือแตกหักจากการถูกกด เนื่องจากการแคบของเชิงกราน
Cephalopelbic dixproportion: CPD
ศีรษะทารกและช่องเชิงกรานไม่ได้สัดส่วนกัน เกิดจากเชิงกรานแคบศีรษะทารกมีขนาดปกติ หรือเชิงกรานปกติศีรษะทารกมีขนาดใหญ่หรือมีความผิดปกติท้งัสองอย่างคือเชิงกรานแคบและศีรษะทารกมีขนาดใหญ
การประเมินภาวะ CPD ประเมินได้จาก
ประวัติ เช่น เคยได้รับอุบัติเหตุที่กระดูกเชิงกราน มีประวัติคลอดยากแต่ทารกคลอดออกมามีขนาดปกติ ประวัติทารกตายหลังคลอดไม่นานได้รับการผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง เนื่องจากศีรษะไม่
เคลื่อนลงช่องเชิงกรานผู้คลอด
.ผู้คลอดเตี้ยกว่า 140เซนติเมตร หรือเดินผิดปกติ ตะโพกเอียง สันหลังคดงอ และในผู้คลอดครรภ์แรกเมื่อครบกำหนดคลอดแล้วศีรษะทารกยังลอยหรือพบทารกท่าผิดปกติ
ในรายที่สงสัยว่าเกิดภาวะ CPD ควรส่งพบแพทย์เพื่อตรวจทางหน้าท้อง ตรวจภายใน หรือถ่าย xray หรือตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
จากการคลอดยาวนาน ทำให้ผู้คลอดอ่อนเพลียเกิดภาวะขาดน้า และภาวะคีโตซิส เกิดการติดเช้ือศีรษะทารกกดบริเวณฐานของกระเพาะปัสสาวะทา ใหเ้กิดเน้ือตายเกิดรูรั่วระหวา่ งกระเพาะปัสสาวะกับ
ช่องคลอด
ถุงน้า ทูนหวัแตกก่อนเวลา ทำให้ทารกเกิดการติดเช้ือ หรือมีสายสะดือย้อยไดจ้ากทารกอาจเสียชีวิตถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ
การคลอดติดขัด มดลูกมีลักษณะใกล้แตก ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษามดลูกแตกได้ ทำให้ผู้คลอดและทารกเสียชีวิต
การรักษา
ถ้าเกิด CPD ชัดเจน ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
สงสัยมี CPD (Borderline disproportion) ทดลองคลอด (Trial of labour) ถ้าไม่ส าเร็จ หรือมีความผิดปกติของผู้คลอดหรือทารกในระหว่างการทดลองคลอดควรผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์
( abnormality of reproductive tract)
ความผิดปกติของปากช่องคลอด
ปากช่องคลอดตีบ
การแข็งตึงของฝี เย็บ (rigid perineum)
การอกัเสบหรือเน้ืองอก
ความผิดปกติของช่องคลอด
ช่องคลอดตีบ
เยื่อกั้นช่องคลอด
.เน้ืองอก
ความผิดปกติของปากมดลูก
ปากมดลูกตีบ
ปากมดลูกแข็ง
มะเร็งปากมดลูก
ความผิดปกติของมดลูก
มดลูกคว่ำหน้า(anteflexion)
มดลูกคว่ำหลัง(retroflexion)
มดลูกหยอ่นขณะต้ั้งครรภ์
.เน้ืองอกมดลูก
ความผิดปกติของรังไข่
เนื้องอกรังไข่
Passenger
ความผิดปกติเกี่ยวกับท่าของทารก
ท่าท้ายทอยเฉียงหลัง (Occiput posterior position)
สาเหตุ
เชิงกรานรูปหัวใจ (android) หรือรูปไข่ต้งั (anthropoid)
ีศรีษะทารกอยู่ในทรงเงย (deflexion attitude)
ผนังหน้าท้องของผู้คลอดหย่อน มดลูกและทารกเอนมาด้านหน้า
มีสิ่งขดัขวางการหมุนของศีรษะทารก เช่น รกที่ติดผนังด้านหน้าของมดลูกในบางราย
ีศรีษะทารกไม่กระชับกับพื้นเชิงกราน
มดลูกหดรัดตัวไม่ดีหรือแรงเบ่งน้อย
การดำเนินการคลอดในท่าท้ายทอยเฉียงหลัง (ROP)
ท้ายทอยหมุนไปข้างหน้า 135 องศา คลอดเอง หรืออาจใช้เครื่องมือช่วยคลอด
ท้ายทอยหมุนไปข้างหน้า 45 องศาป็ นท่า Right Occiput Lateral (ROL) เรียกว่า “ท่าศีรษะขวางต่ำ” (deep transverse arrest of head)
ท้ายทอยหมุนไปข้างหลัง 45 องศา ทารกจะคลอดในท่าที่ท้ายทอยคงอยู่ด้านหลัง (Occiput Persistent Posterior OPP)
ท่าท้ายทอยคงอยู่หลัง (Occiput Persistent Posterior : OPP)
สาเหตุ
มีสิ่งกีดขวางการหมุนของทา้ยทอยไปขา้งหนา้
เชิงกรานรูปหวัใจและรูปไข่ต้ง
ศีรษะทารกเล็ก หรือใหญ่กว่า ปกติทำให้ศีรษะไม่กระชับกับพื้นเชิงกราน หน้าผากจึงมักจะลงมากระทบกับพื้นเชิงกรานก่อน และจะหมุนมาอยู่ข้างหน้าใต้โค้งกระดูกหัวเหน่า
พื้นเชิงกรานหยอ่นผิดปกติ
การดำเนินการคลอดในท่าท้ายทอยคงอยู่หลัง
ศีรษะทารกอยู่ในทรงคว่ำเต็มที่ (full flexion of head)
ศีรษะทารกอยู่ในทรงเงยเล็กน้อย (mild deflexion of the head)
ท่าท้ายทอยคงอยู่ข้าง(transverse arrest of head or persistent occipito transverse position)
สาเหตุ
การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดีในระยะหลัง ท าให้ขาดแรงผลักดันที่จะทำให้ศีรษะทารกหมุนเคลื่อนผ่าน ischial spine ลงไป
2.เส้นผ่าศูนย์กลางขวางแคบกว่าปกติ ใน android pelvis หรือเส้นผ่าศูนย์กลางแนวหน้าหลัง(anteroposterior pelvic diameter) แคบใน platypelloid pelvis ท าให้การหมุนของศีรษะทารกไม่สมบูรณ์เกิดท่าศีรษะขวางต ่า
การดำเนินการคลอด
ถ้าศีรษะทารกมีขนาดปกติจะไม่สามารถคลอดผ่านแนวขวางของช่องเชิงกรานได้ ถ้าศีรษะยังขวางอยู่ท าให้การคลอดติดขัด แต่ถ้าการหดรัดตัวของมดลูกดี และศีรษะไม่ใหญ่เกินไปีรษะทารกสามารถผา่ นช่องเชิงกรานที่แคบในแนวขวางไดแ้ลว้เคลื่อนต่า ลงมาถึงพ้ืนเชิงกรานแลว้หมุนเอาท้ายทอยไปอยู่ด้านหน้าใต้โค้งกระดูกหัวเหน่า การคลอดจะด าเนินไปได้เอง แต่ส่วนใหญ่มักต้องช่วยคลอดโดยใช้คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศ
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
ผู้คลอดมีอาการปวดบริเวณหลังและเอวมาก
ผู้คลอดมีลมเบ่งเกิดข้ึนในระยะที่ปากมดลูกเปิดนอ้ย
ผนังช่องคลอดด้านหลังและฝี เย็บมีการยืดขยายและฉีกขาดมาก
ปากมดลูกบวมช้า และอาจฉีกขาดได้
ทารกมีโอกาสขาดออกซิเจนจากการคลอดยาวนาน และเกิดการบาดเจ็บจากการคลอดได้อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
การรักษา
ติดตามความก้าวหน้าของการคลอด และติดตามอาการของผู้คลอดและทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
ถ้าพบเหตุที่ท าให้คลอดทางช่องคลอดไม่ได้ หรือมีภาวะผิดปกติที่ทำให้ทารกเป็ นอันตรายได้ง่ายจากการใช้เครื่องมือช่วยคลอดทางช่องคลอด ต้องท าผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ถ้าไม่พบเหตุที่ทำให้เป็นอันตรายต่อการคลอดทางช่องคลอดให้เฝ้าดูการเจ็บครรภ์คลอดอย่างใกล้ชิด
ให้สารละลายเด็กซโทรส 10% ทางหลอดเลือดดา เพื่อป้องกันภาวะขาดน้า
ให้ยาลดอาการเจ็บครรภ์ และยาระงับประสาท
ปากมดลูกเปิดช้า ถ้าเป็นผลจากการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี ต้องให้ออกซิโทซินหยดเข้าทางหลอดเลือดดำ
ความผิดปกติเกี่ยวกับทรง
ท่าหน้าผาก (Brow Presentation)
สาเหตุ
มีสิ่งขัดขวางศีรษะทารกในการเคลื่อนลงในช่องเขา้ของเชิงกราน
1.เชิงกรานผู้คลอดเล็กกว่าขนาดศีรษะทารก
2.มีเน้ืองอกของมดลูกส่วนล่าง
3.รกเกาะต ่า
4.สายสะดือพันคอทารก
5.มีความผิดปกติของศีรษะทารก
การดำเนินการคลอดท่าหน้าผาก
ไม่สามารถคลอดได้เอง
อันตรายต่อผู้คลอดและทารก
เกิดการคลอดติดขัด ถ้าให้การช่วยเหลือไม่ทัน มดลูกอาจแตกได้ หรือถ้าช่วยเหลือช้าเกินไป ทารกอาจเสียชีวิตเนื่องจากขาดออกซิเจนในครรภ์ผู้คลอดได้
การรักษา
ถ้าทารกมีขนาดปกติหรือใหญ่กว่าปกติ ให้ผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง ไม่ควรให้คลอดทางช่องคลอด
ถ้าศีรษะทารกเล็กและเชิงกรานใหญ่ อาจทดลองปรับศีรษะทารก
ท่าหน้า (Face Presentation)
สาเหต
1.กระดูกเชิงกรานแคบ พบบ่อยที่สุด
2.ทารกตัวใหญ่
3.หญิงที่เตยคลอดบุตรมาหลายคร้ังและมีการหยอ่ นยานของผนงัหนา้ทอ้ง
4.สายสะดือพันรอบคอทารกหลายรอบ
5.ทารกไม่มีกะโหลก
6.แกนของมดลูกผิดปกติ เช่น หมุนไปทางขวามาก
7.มีความผิดปกติของทารกในครรภ์เช่น กลา้มเน้ือต้นคอของทารกส้ัน กอ้ นเน้ืองอกของต่อมธยัรอยด
การดำเนินการคลอดท่าหน้า
1.การเคลื่อนต่ำเกิดเหมือนในท่าศีรษะ
2.การหมุนภายใน เมื่อคางพบแรงเสียดทานที่ pelvic floor จะหมุนมาทางด้านหน้า 45 องศาเพื่อให้facial axisมาอยู่ในแนว A-Pของ pelvic outletและคางมาอยู่ใต้กระดูกหัวเหน่า
3.การเคลื่อนต่ำ ของส่วนนำ จะมีต่อไปจนคางมาอยใู่ต้กระดูกหัวเหน่าจากน้ั้น จะใชค้างเป็นจุดยันและงุ้มศีรษะเอาปาก ตาจมูกคิ้วกระหม่อมใหญ่รอยต่อแสกกลางกระหม่อมเล็กและท้ายทอยคลอดออกมา
4.คางจะหมุนกลับไปอยใู่นแนวเดิม 45องศา เหมือนจุดเริ่มตน้ของกลไกการคลอด เพื่อคลอดไหล่ และลำตัวต่อไป แบบการคลอดท่าศีรษะทั้วไป
อันตรายต่อผู้คลอด
1.เนื่องจากใบหน้าของทารกไม่กลม เรียบ จึงไม่กระชับส่วนล่างของมดลูก การหดรัดตัวของมดลูกจะไม่ดี ทำให้ปากมดลูกเปิดช้า
2.ฝี เย็บจะขาดมากกว่าปกติ เนื่องจากทารกใช้วงรอบศีรษะที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติผ่านฝี เย็บออกมา
3.การหมุนภายในจะช้ากว่าปกติ ถ้าหากคางหมุนไปอยู่ทางด้านหลังจนใบหน้าของทารกมาติดแน่นอยู่ในช่องเชิงกราน ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถคลอดทางช่องคลอด
อันตรายต่อทารก
1.จะพบสายสะดือพลัดต ่า เนื่องจากส่วนน าของทารกไม่กระชับกับหนทางคลอด ส่วนล่างเมื่อถุงน้า ทูนหวัแตกจึงพดัพาเอาสายสะดือออกมาดว้ย
2.ทารกที่คลอดในท่าหนา้ ใบหนา้จะบวมช้า โดยเฉพาะบริเวณปาก
การรักษา
1.ถ้าไม่มี CPD มดลูกหดรัดตัวดี คางหมุนไปทางด้านหน้า และความก้าวหน้าของการคลอดดี
สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้
2.ถ้าพบเป็ นท่าคางหมุนไปทางด้านหลัง และอัดแน่นที่ผนังด้านหลังบริเวณ sacrum แสดงถึงภาวะCPD ควรผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ความผิดปกติเกี่ยวกับส่วนนำของทารก
ท่าก้น (Breech Presentation)
ท่าขวาง (Shoulder Presentation Acromion หรือ Presentation)
สาเหตุ
พบในผคู้ลอดครรภ์หลังได้บ่อยกว่ครรภแ์รก
คลอดก่อนกำหนด
รกเกาะต ่ำ
มดลูกผิดปกติ
.เชิงกรานแคบ
การดำเนินการคลอด
ในทารกที่ครบกำหนดคลอดและอยู่ในท่าขวางจะไม่สามารถคลอดเองทางช่องคลอดได้เมื่อถุงน้า แตกแลว้ส่วนไหล่จะถูกบีบอดัแน่นลงในกระดูกเชิงกราน คอทารกจะยืดยาวแต่ีรษะและก้นจะยังอยู่สูงกว่าขอบกระดูกเชิงกราน เมื่อการคลอดยังด าเนินต่อไป lower segment จะบางลงเรื่อยๆ เรียกว่า neglected transverse lie ถ้าไม่ได้รับการช่วยคลอดมดลูกจะแตกได้
อันตรายต่อผู้คลอด
1.ติดเช้ือ
2.มดลูกแตก
3.ถ้าต้องผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการท าผ่าตัด
อันตรายต่อทารก
ทารกตายในครรภ์
การรักษา
ในระยะต้งัครรภ์ถา้ตรวจพบท่าขวาง เมื่ออายคุ รรภ์32-36 สัปดาห์ แพทย์จะท าการหมุนกลับท่าทารกภายนอกถา้พบวา่ มีสิ่งขดัขวางการคลอดจะผา่ ตดัเอาทารกออกทางหนา้ทอ้ง
ในระยะคลอด ถา้ถุงน้า ยงัไม่แตกอาจหมุนกลบั ทารกให้อยใู่นท่าศีรษะแลว้เจาะถุงน้า คร่ า เพื่อให้ศีรษะทารกลงในช่องเชิงกราน ถ้าทารกมีขนาดเล็กและทารกยังไม่ลงต ่า อาจลองหมุนกลับทารกภายใน(Internal version) แล้วท าคลอดท่าก้น
ในรายที่ผคู้ลอดไม่ไดร้ับการดูแลมาก่อน ปล่อยจนทารกลงมาอดัแน่นในช่องเชิงกราน (neglected shoulder presentation) จะพบแขนทารกโผล่ออกมาทางช่องคลอด แขนบวมเขียวคล้า ฟังเสียงหวัใจทารกไม่ได้ มดลูกหดรัดตัวบ่อยหรือหดชนิดไม่คลายตัว ต้องรีบช่วยชีวิตผู้คลอดป้องกันมดลูกแตก โดยการตัดศีรษะทารกออกจากล าตัว (decapitation) หรือท าผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง