Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพโรคเขตร้อน โรคติดต่อ และโรคอุบัติใหม่2 -…
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพโรคเขตร้อน โรคติดต่อ และโรคอุบัติใหม่2
Hepatitis
สาเหตุเกิดจากการเสียหน้าที่ของตับจากภาวะตับอักเสบ การบาดเจ็บที่ตับ ตับแข็ง ตับวาย และการเป็นมะเร็งตับ
พยาธิสภาพของ Viral Hepatitis
การอักเสบของเซลล์ตับ จะมีลักษณะ Huperpasia ของ Kupffer cell ร่วมกับการคั่งของน้ำดี และเกิด necrosis ตามมา
ระยะในการอักเสบมี 3 ระยะ
Prodomal Stage : 3-7 วัน ก่อนมีตาเหลือง อาการสำคัญคือเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดตัว อ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆ อาจมีปวดท้องใต้ชายโครงขวา หรือกดเจ็บในระยะท้ายๆ
Icteric Stage : ระยะตา ตัวเหลือง นาน 1-4 สัปดาห์ อาการต่างๆในระยะแรกจะหายไป แต่มีอาการตา ตัวเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อาจพบม้านหรือต่อมน้ำเหลืองโต
Recovery Peroid : ระยะพักฟื้น ใช้เวลา 3-4 เดือน โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น และหายเป็นปกติ ใช้เวลา 6 สัปดาห์ ถ้าไม่ดีขึ้นอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมา
Hepatitis A Virus (HAV)
ลัษณะและอาการ
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิด RNA. ติดต่อได้ทาง feacal-oral transmission (การกินอาหารหรือดื่มน้ำไม่สะอาด) ไม่ค่อยติดต่อทางเลือด
สามารถพบเชื้อในอุจจาระได้ 2 สัปดาห์ ก่อนแสดงอาการ และหลังจากตา ตัวเหลือง 1 สัปดาห์
ใช้เวลาฟักตัว 15-50 วัน ตืดต่อได้ในช่วงครึ่งหลังของการมีระยะฟักตัว จนถึง 2-3 วัน หลังจากตัวเหลือง
Hepatitis B Virus (HBV)
ลักษณะและอาการ
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิด DNA. ฟักตัว 6 สัปดาห์- 6 เดือน
ตืดต่อได้ทางเลือด หรือ serum เช่น การฉีดยา การถ่ายเลือด การสัมผัสกับ secretion หรือสารคัดหลั่งต่างๆ เพษสัมพันธ์
ไม่พบเชื้อนี้ใน gastic content, bile, faces เพราะเชื้อถูกทำลายได้ด้วย Inteatinal mucosal enzyme
อาการรุนแรงมากกว่าชนิดอื่น และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น Chronic hepatitis, Cirrhosis, C.A liver ถ้าเป็นนานกว่า 6เดือน
การพยาบาล
สังเกตอาการไข้ อาการตา ตัวเหลือง อาการที่แสดงภาวะตับวาย เช่น ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป
ดุแลให้ผุ้ป่วยได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่และเพียงพอ งดกิจกรรมต่างๆ
บรรเทาอาการ คลื่นไส้อาเจียน ดดยจัดสิ่งแวดล้อมและอาหารที่ไม่กระตุ้นความรุ้สึกอยากอาเจียน ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ดุแลให้ได้รับสารน้ำและ
อิเล็กโตรไลท์ทางหลอดเลือดตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดตรสูง หลีกเลี่ยงไขมันทุกชนิด
การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอิเลคโตรไลท์ทางหลอดเลือดตามแผนการรักษา
ไข้หวัดใหญ่ (Human Infuensa)
การพยาบาล
ให้ได้รับการพักผ่อนมากๆ และอยุ่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเท
ถ้ามีไข้ ให้ลดไข้ผู้ป่วย
การล้างมือ
กินอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ
ปิดปาก และจมูก ขณะไอหรือจาม และบ้วนน้ำลายลงบนภาชนะที่ใส่ยาฆ่าเชื้อโรค
หยุดพักงานหรือการเรียนชั่วคราว จนกว่าจะหายเป็นปกติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
การรักษา
ให้ยาต้าน Antiviral teatment
ยาต้านมี 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 Amantadine และ Rimantadin ยับยั้งการแบ่งตัวของ cell ชนิด A
กลุ่มที่ 2 Neuraminidase inhibitor
ภาวะแทรกซ้อน
ระบบทางเดินหายใจ
Ottitis media
Pneumonia
ระบบหัวใจ Myocarditis, Pericarditis
ระบบประสาท
Encephalitis
Guillain Barre Syndrome
การแพร่กระจายเชื้อโรค
การกระจายสู่คนทางฝุ่นละอองฝอย
สัมผัสโดยตรงกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ที่ปนเปื้อน เช่น น้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย
Covid19
อาการ
อาการที่รุนแรง
หายใจลำบากหรือหายใจถี่
เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก
สูญเสียความสามารถในการพูดหรือการเคลื่อนไหว
อาการทั่วไป
มีไข้
ไอแห้ง
อ่อนเพลีย
ระยะฟักตัว 2-14 วัน แพร่เชื้อโรคได้เมื่อมีอาการและอาการแสดงแล้วเท่านั้น
ช่องทางการแพร่กระจายของโรค
การขยี้ตา สัมผัสใบหน้าหรือปาก
ละอองเสมหะ เป็นช่องทางหลัก
เชื้อขับออกทางอุจจาระได้ (SARS ประมาณ 9-14 วัน)
นิยามของโรค
กรณีที่ 1 การเฝ้าระวังด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ร่วมกับมีอาการของระบบทางเดินหายใจ
ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก มีประวัติในช่วงเวลา 14 วัน ก่อนวันเริ่มป่วย อย่างใดอย่างหนึ่ง
กรณีที่ 2 การเฝ้าระวังที่สถานพยาบาล
อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือมีประวัติว่า มีไข้ร่วมกับมีอาการทางระบบหายใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหรือหายใจลำบาก
ผู้ป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ
ประวัติในช่วงเวลา 14 วัน ก่อนเริ่มวันป่วย
1.มีประวัติเดินทางไป หรือมาจาก หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019
2.มีผู้อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด
3.เป็นผู้ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
4.มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยเข้าข่ายหรือยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019
กรณีที่ 3 การเฝ้าระวังที่สถานพยาบาล
ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบร่วมกับ มีประวัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ใกล้ชิดผู้สงสัยติดเชื้อ SArS-CoV-2 ในช่วงเวลา 14 วัน ก่อนวันเริ่มป่วย
เป็นบุคลากรทางการแพทย์หรือสาธารณสุข
รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิตโดยหาสาเหตุไม่ได้
กรณีที่ 4 การป่วยเป็นกลุ่มก้อน (Cluster)
กรณีเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ตั้งแต่ 3 รายขึ้นไป ในแผนกเดียวกัน ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน
กรณีในสถานแห่งเดียวกัน(ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์) ตั้งแต่ 5 รายขึ้นไปในช่วงสัปดาห์เดียวกัน
เชื้อไข้หวัดนก (Avian influenza)
วิธีการป้องกันการระบาด
1.กำจัดแหล่งแพร่เชื้ออย่างเร่งด่วน
2.ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เพื่อไม่ให้เชื้อกลายพันธุ์
3.คนที่สัมผัสไก่ที่เป็นโรคและมีไข้ต้องกินยาต้านไวรัส
4.ผู้ที่ทำลายไก่ต้องสวมชุดเพื่อป้องกันการรับเชื้อโรค
ยาที่ใช้รักษา
Oseltamivir(tamiflu)
Zannamivir(Relenza)
ระยะฟักตัวในคนจะสั้นประมาณ 1-3 วัน
อาการ
มีไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย มีน้ำมูก ไอ และเจ็บคอ
อาการแทรกซ้อนจะมีอาการรุนแรงถึงปอดบวมและเกิดระบบหายใจล้มเหลว (Acute espiratory Distress Syndrome)
การวินิจฉัย
มีไข้สูง มากกว่า 38 องศาเซียส
2.มีอาการทางระบบหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ หายใจหอบเหนื่อย
3.ประวัติสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นโรค หรือสัมผัสกับคนป่วยภายใน 10 วันก่อนเกิดอาการ
4.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล
1.ให้ผู้ป่วยนอนห้องแยก
2.หากต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกนอกห้องต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
3.ห้ามแพทย์หรือญาติที่เป็นหวัดเข้าเยี่ยมผู้ป่วย
4.หากจะเข้าใกล้ผู้ป่วยน้อยกว่า 3 ฟุต ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
5.ผู้ที่จะเข้าไปดูแลผู้ป่วยต้องสวมถุงมือ เสื้อคลุมทุกครั้ง และถอดออกเมื่อออกนอกห้อง
โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS)
สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา coronavirus (SARS-CoV) ระยะฟักตัวของโรค จะใช้เวลาประมาณ 2-7 วัน โดยทั่วไปมักไม่เกิน 10 วัน การติดต่อสัมผัสกับผู้ป่วยโดยเฉพาะของเหลวหรือสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก
อาการ
ไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส
ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะมาก หนาวสั่น อาการไอเจ็บคอ ไอแห้งๆ ปอดบวมอักเสบ
การรักษา/การดูแล
1.ให้ยาต้านไวรัส
2.การให้ยาปฏิชีวนะ กรณีปอดอักเสบ
การรักษาตามอาการ ให้ supplemental oxygen therapy โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ SpO2<ร้อยละ90
Ebola Virus Disease
เป็นเชื้อประจำถิ่นแถบประเทศ Africa โรคไวรัสอีโบลา จัดอยู่ในสกุล Ebolavirus
การแพร่กระจายเชื้อ
การสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้ติดเชื้อโดยตรง
การสัมผัสกับเวชภัณฑ์ที่ปนเปื้อน
พยาธิวิทยา เกิดการปล่อยไซโทไคน์ ทำให้ความแข็งแรงขแงหลอดเลือดเสียไป การเสียความรุนแรงขแงหลอดเลือดนี้ยังส่งเสริมด้วยการสังเคราะห์ GP ซึงลด integrin นำไปสู่ลิ่มเลือดเกิดความผิดปกติ
การวินิจฉัย
การตรวจ RNA Virus โดยปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส(PCR) และการตรวจหาโปรตีนโดยวิธี Elisa
การรักษา
รักษาสมดุลของเหลวและอิเลคโตรไลท์เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
การให้สารป้องกันเลือดเป็นลิ่ม
ภาวะแทรกซ้อน
ล้มเหลวหลายอวัยวะ เลือดออกรุนแรง ดีซ่าน สับสน ชัก โคม่าหมดสติ และช็อค
การป้องกัน
กำจัดไวรัสอีโบลาด้วยความร้อน (ให้ความร้อน 60 องศา เป็นเวลา 30-60 นาที หรือต้มเป็นเวลา 5 นาที)
แยกผู้ป่วย และการสวมเสื้อผ้าป้องกัน ได้แก่ หน้ากาก ถุงมือ เสื้อกาวน์และแว่นตา
ไม่สัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อของผู้ป่วย