Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและการจําแนกผู้ประสบสาธารณภัย (Triage) - Coggle…
การพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและการจําแนกผู้ประสบสาธารณภัย (Triage)
การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อ
Primary survey และ Resuscitation
ในผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บกระดูกและข้อ จะมีปัญหาสําคัญคือการเสียเลือดจากการบาดเจ็บ และเกิดภาวะ Hypovolemic หรือ Hemorrhage shock ได้การ Control bleeding ดีที่สุดคือ Directpressure ด้วย Sterile pressure dressing
ในผู้ป่วยที่กระดูกผิดรูป หรือ fracture ให้ทําการ splint ให้เหมาะสม เพื่อลดอาการปวด และพิจารณาให้สารละลายทางหลอดเลือดดํา และออกซิเจนด้วย
ในระหว่างการทํา Primary survey และ Resuscitation พยาบาลควรทําการ Immobilizationเพื่อจัดกระดูกให้อยู่ในตําแหน่งที่ปกติ แล้วลดการขยับเลือนโดยการ Splint กระดูกส่วนที่หัก โดยใส่Splint ให้ครอบคลุมข้อบนและข้อล่างของตําแหน่งที่กระดูกหัก
ในผู้ป่วยที่มีปัญหาการบาดเจ็บข้อกระดูก ให้ทําการ Splint ให้ปวดน้อยที่สุด
Secondary survey
การตรวจร่างกาย
2.1การตรวจและรักษา Life threatening และ Resuscitation
2.2 การตรวจคร่าวๆ เพื่อ Screening test
2.3 การตรวจอย่างละเอียด Secondary survey
2.3.1กระดูกผิดรูป โก่งงอ หดสั้นหรือบิดหมุน
2.3.2 มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
2.3.3 มีเสียงกระดูกขัดกัน (Crepitus)
การเอกซเรย์
3.2 ถ่ายเอกซเรย์ให้ครอบคลุมกระดูกส่วนที่หักรวมส่วนข้อปลายกระดูกทั้งสองด้าน
3.1 ถ่ายเอกซเรย์ 2 ท่าในแนวตั้งฉากกัน คือ Anterior-posterior
การซักประวัติ จากผู้ป่วย ผู้นําส่ง ผู้ประสบเหตุ
สาเหตุการเกิดเช่น รถยนต์ชน รถจักรยานยนต์แฉลบ ถูกยิง ถูกแทง ซึ่งบ่งถึงสาเหตุความรุนแรง และลักษณะการบาดเจ็บได้
ระยะเวลา เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการรักษา เช่น Open fracture ที่นานกว่า 8 ชั่วโมง
บาดแผลจะกลายเป็น Infected wound
สถานที่ เช่นอุบัติเหตุในน้ําสกปรก คูน้ํา เป็นต้น
การรักษาเบื้องต้น เช่น การใส่ Splint การใส่ traction การรับยาปฏิชีวนะ
Definitive care
Recognition เป็นการตรวจประเมินกระดูกหัก ข้อเคลื่อน และการบาดเจ็บอื่น เพื่อเป็นแนวทางในการรักษา
Reduction เป็นการจัดกระดูกให้เข้าที่ให้ใกล้เคียงกับภาวะปกติมากที่สุด
Retention เป็นการประคับประคองให้กระดูกอยู่นิ่งกับที่จากการจัดกระดูกเข้าที่แล้วและรอให้กระดูกติดตามธรรมชาติ
Rehabilitation เป็นการฟื้นฟูสมรรถภาพของส่วนที่บาดเจ็บ รวมทั้งการฟื้นฟูดูแลจิตใจผู้ป่วยให้สามารถกลับมาเป็นปกติ
Reconstruction เป็นการแก้ไขซ่อมแซมส่วนที่สูญเสียจากการบาดเจ็บหรือภาวะแทรกซ้อนให้กลับมาใช้งานได้ดีขึ้น
Refer เป็นการส่งต่อไปรักษาที่เหมาะสม
ภาวะกระดูกหักที่คุกคามชีวิต
Major Arterial Hemorrhage
ลักษณะของการบาดเจ็บหลอดเลือดแดงเรียกว่า Hard signs
การช่วยเหลือเบื้องต้น
พยาบาลควรทํา Direct pressure บริเวณบาดแผลเพื่อหยุดเลือด และ
Fluid resuscitation ในรายที่กระดูกผิดรูปให้ทําการจัดกระดูกให้เข้าที่แล้วทําการ Splint
การฉีกขาดของหลอดเลือด อาจเป็นการบาดเจ็บแบบBlunt trauma หรือ Penetrating wound ทําให้มีการเสียเลือดจํานวนมากและเกิด Hypovolemicshock ได้
Crush Syndrome
Dark urine, พบ Hemoglobin ได้ผลบวก เมื่อเกิดภาวะRhabdomyolysis ผู้ป่วยจะมีอาการของ Hypovolemia, Metabolic acidosis, Hyperkalemia,Hypocalcemia และ DIC ได้
การช่วยเหลือเบื้องต้น
เมื่อวินิจฉัยได้จะให้ Fluid resuscitation ให้ Osmotic diuretic เพื่อ
รักษาระดับ Tubular volume และ Urine flow
เป็นภาวะที่มีการบาดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณ thigh และ calf muscle ทําให้เซลกล้ามเนื้อขาดเลือดและตายแล้วปล่อย Myoglobin เกิดภาวะRhabdomyolysis
Major Pelvic disruption with Hemorrhage
การตรวจร่างกาย
ดู จะพบ Progressive flank พบ Scrotum และ Perineum บวม มีแผลฉีกขาดบริเวณPerineum และ Pelvic
คลํา พบกระดูก Pelvic แตก PR examination พบ high-riding prostate gland และมีเลือดออกบริเวณ Urethral meatus
การเคลื่อนไหว จะพบขาข้างที่ผิดปกติจะสั้น
ระบบไหลเวียนจะพบความดันโลหิตต่ํา
เอกซเรย์ในรายที่สงสัย โดยการส่ง film pelvic AP view
การช่วยเหลือเบื้องต้น
Control bleeding โดยการทํา Stabilization pelvic ring
จาก external counter pressure และ Fluid resuscitation
Pelvic fracture ร่วมกับภาวะHypovolemic shock ต้องคํานึงถึงภาวะ unstable pelvic fracture จากการฉีกขาดของอวัยวะภายในอาจมีการบาดเจ็บของเส้นเลือด เส้นประสาทร่วมด้วย
การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ
ปัจจัยที่มีผลต่อพยาธิสภาพของผู้จมน้ํา
สภาพผู้ป่วยก่อนจมน้ํา
1.1 อายุ
1.2 การสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ก่อนจทน้ํา
1.3 Diving reflexes
1.4 สุขภาพผู้จมน้ํา
1.5 การรับประทานอาหารที่ที่อิ่มใหม่ๆ
1.6 การมึนเมาจากสุรา
1.7 ความรู้ในการว่ายน้ํา
อุณหภูมิของร่างกายหลังจมน้ํา
ช่วงเวลาที่จมอยู่ใต้น้ํา
การช่วยฟื้นคืนชีพได้เร็วและถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงพยาธิสรีรภาพ
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินหายใจและปอด มีภาวะ Pulmonary congestion หรือ edema
ผู้ป่วยที่ไม่มีการสําลักน้ํา
ผู้ป่วยมีการสูดสําลักสารน้ําเข้าไปจะเกิดพยาธิสรีรภาพกับปอดอย่างรุนแรง ขึ้นกับน้ําที่สูดสําลักเข้าไป
Tonicity ของสารน้ํา
Toxicity
Particles และ micro-organism
การเปลี่ยนแปลงระบบประสาท การจมน้ําทําให้เกิด cerebral hypoxia เกิดภาวะสมองบวมตามมา และ
ภาวะ circuratory arrest ทําให้ cerebral perfusion ลดลง ทําให้สมองขาดเลือด Ischemic brain
การเปลี่ยนแปลงระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ
น้ําจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่าเลือด(พลาสมา) ดังนั้น ถ้ามีน้ําอยู่ในปอดจํานวนมาก ก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที ทําให้ปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia)
Pulmonary edema ในน้ําเค็ม น้ําทะเลจะมีความเข้มข้นมากกว่าเลือด น้ําทะเลที่สําลักอยู่ในปอดจะดูดซึมน้ําเลือด (พลาสมา) จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ท้าให้เกิดภาวะปอดบวมน้ํา (pulmonaryedema)
การเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่และกรดด่างในเลือด
acidosis จาก เยื่อบุถุงลมอักเสบ , ถุงลมขาด surfactant ,atelectasis, pulmonary edema
น้ําจืดเกิด hyponatremia, hypochloremia, hyperkalemia
น้ําเค็มเกิด hypernatremia, hyperchloremia, hypermagnesemia
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในร่างกาย
อุณหภูมิของร่างกายลดต่ําลงตามอุณหภูมิของน้ําที่ผู้ป่วยแช่อยู่ในเด็กอุณหภูมิของร่างกายจะลดลงเร็วกว่าผู้ใหญ่มาก เพราะพื้นที่ผิวกายภายนอกต่อน้ําหนักตัวเด็กต่างกับผู้ใหญ่ผลกระทบจากอุณหภูมิของร่างกายต่ํา
อาการ
คนที่จมน้ํามักจะมีอาการหมดสติ และหยุดหายใจ บางคนหัวใจอาจหยุดเต้น (คลําชีพจรไม่ได้)ร่วมด้วยถ้าไม่ถึงกับหมดสติ ก็อาจมีอาการปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย หรือไอมีฟองเลือดเรื่อ ๆ (ซึ่งแสดงว่ามีภาวะปอดบวมน้ํา)บางคนอาจตรวจพบภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันเลือดต่ํา หรือภาวะช็อก
พยาธิสภาพที่เกิดขึ้นภายหลังการจมน้ํา
น้ําจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า เลือด(พลาสมา) ดังนั้น ถ้ามีน้ําอยู่ในปอดจํานวนมากก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันทีทําให้ปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia) มีผลทําให้ระดับเกลือแร่(เช่น โซเดียม โพแทสเซียม) ในเลือดลดลง
น้ําทะเลที่สําลักอยู่ในปอด จะดูดซึมน้ําเลือด (พลาสมา) จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ทําให้เกิดภาวะปอดบวมน้ํา (pulmonary edema) ระบบไหลเวียนมีปริมาตรลดลง (hypovolemic) และระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทําให้หัวใจเต้นผิดปกติหัวใจวายหรือเกิดภาวะช็อกได้
การปฐมพยาบาล
ถ้าคลําชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทําการนวดหัวใจทันที
ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง และศีรษะ
หงายไปข้างหลัง เพื่อให้น้ําไหลออกทางปากใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น อย่าให้ผู้ป่วยกินอาหาร
และดื่มน้ําทางปาก
ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทําการเป่าปาก ช่วยหายใจทันทีอย่ามัวเสียเวลาในการพยายามเอาน้ําออก
จากปอดของผู้ป่วย
ควรส่งผู้ป่วยที่จมน้ําไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทุกรายในรายที่หมดสติและหยุดหายใจ ควรผายปอด ด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง อย่าเพิ่งรู้สึกหมดหวังแล้วหยุดให้การช่วยเหลือ
กรณีที่คนจมน้ํารู้สึกตัวดี สําลักน้ําไม่มาก
กระตุ้นให้หายใจลึกๆ
ปลอบโยนให้คลายความตกใจ
ดูแลร่างกายให้อบอุ่น
แนะน้าให้ไปพบแพทย์เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้