Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Coronary Artery Disease, image, image, image, image, image - Coggle Diagram
Coronary Artery Disease
หลอดเลือดของหัวใจ (Coronary Artery)
RCA นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจห้องบนขวา ส่วนฐานล่าง และ กล้ามเนื้อหัวใจห้องขวาล่าง ด้านหลังของห้องซ้ายล่าง 55% SA node, 90% AV node, 80%posterior septum and left posterior bundle branch
LCX นำเลือดไปเลี้ยง กล้ามเนื้อหัวใจห้องบนซ้าย กล้ามเนื้อส่วนข้างซ้ายและ ข้างหลังของหัวใจห้องซ้ายล่าง 45% SA node, 10% AV node, และ 20%posterior septum
LAD นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจข้างล่าง ข้างซ้าย ข้างหน้า, 2/3ของ septal wall, และ Bundle of HIS & Bundle branched
Coronary Artery Disease
โรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน
ส่วนใหญ่เกิดจากไขมันสะสมอยู่ในผนังของหลอดเลือด ทำให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในหนาตัวขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
1.ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้
อายุ เพศ ประวัติครอบครัว เชื้อชาติ
อัตราส่วนผู้ป่วยเพศหญิงต่อเพศชาย 1 : 1.3
กลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุด
อายุ> 70 ปี 50.31 %
อายุ 60-69 ปี 26.46 %
อายุ 50-59 ปี 15.89 %
อายุ40-49 ปี 5.61 %
2.ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้
ความดันโลหิตสูง
Cholesterolสูง
ไขมัน HDLต่ำ
น้ำตาลในเลือดสูง
ภาวะอ้วน
การสูบบุหรี่
พฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญ
1.พฤติกรรมสูบบุหรี่: เคยสูบบุหรี่ 12.54% ไม่เคยสูบบุหรี่ 81.75 %
2.โรคประจำตัว : HT 73.79 % DM 37.77 % ไขมันในเลือดสูง 54.84 %
3.มีภาวะแทรกซ้อน เช่น CHF 31.12% Arrthytmia 21.27%
กลุ่มอาการโรคหลอดเลือดหัวใจ
1.กลุ่มอาการเจ็บหน้าอกคงที่ (Stable angina) ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกเป็นๆหายๆไม่รุนแรง ระยะเวลา 3-5 นาที หายโดยการพัก หรือ อมยาขยายเส้นเลือดหัวใจ
กลุ่มอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน(Acute coronary syndrome) ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลัน หรือเจ็บขณะพัก (Rest angina) และเจ็บนานมากกว่า 20 นาที
อาการนำที่พบบ่อย คือ เจ็บเค้นอก ใจสั่น เหงื่อออก เหนื่อยขณะออกแรง เป็นลม หมดสติ หรือ เสียชีวิตเฉียบพลัน
การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ
การซักประวัติอาการเจ็บหน้าอก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตรวจ cardiac markers ได้แก่ troponin, cardiac enzyme
การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (coronary angiography; CAG)
การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนของหัวใจ (echo cardiography)
EKG ในกลุ่มโรค ACS
แนวทางการรักษา Acute coronary syndrome ; ACS
เป้าหมาย เปิดหลอดเลือดที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายภายใน 6 ชั่วโมงหรืออย่างช้าไม่เกิน 12 ชั่วโมง หลังจากมี chest pain
กลุ่ม NSTEMI และ unstable angina
1.ควรให้ยาต้านเกร็ดเลือด 2 ชนิด ร่วมกัน เช่น ให้aspirin ร่วมกับ clopidogrel
2.ให้ยาlow molecular weight heparin เช่น Enoxaprin เป็นเวลา 3-5 วัน ร่วมกับยากลุ่มnitrates, beta-blockers เพื่อบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก
3.พิจารณาให้ยากลุ่ม narcotics หรือ analgesics ในรายจำเป็นตามข้อบ่งชี้
4.ติดตามอาการเปลี่ยนแปลง และคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นระยะ หากยังเจ็บหน้าอกมากหรือมี cardiogenic shock, หัวใจล้มเหลว, หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ควรพิจารณาขยายหลอดเลือดหัวใจ หรือส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่มีความพร้อม
กลุ่ม STEMI
1.ควรรักษาผู้ป่วยด้วยยาต้านเกล็ดเลือดทุกราย
2.พิจารณาเปิดเส้นเลือดหัวใจที่อุดตันอย่างเร่งด่วน ด้วยวิธีให้ยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytic agent)ภายใน 30 นาที หรือ primaryPCI ภายในเวลา120 นาที
3.ยาละลายลิ่มเลือด มี 2 กลุ่ม คือกลุ่ม fibrin non-specific agents เช่น Streptokinase และ กลุ่ม fibrin specific agents เช่น Alteplase (tPA) ยากลุ่มหลังมีข้อดีกว่าคือ ไม่ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านฤทธิ์ยา ไม่ทำให้BPลดต่ำลง
4.ข้อบ่งชี้การให้ยาละลายลิ่มเลือด คือผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลันชนิด ST-segment elevation เป็นภายในเวลา 12 ชั่วโมง
5.ควรพิจารณาให้การรักษาด้วยยา heparin และ ยาบรรเทา อาการเจ็บเค้นอกตามข้อบ่งชี้เป็นรายๆ
การใช้ยาละลายลิ่มเลือด (Streptokinase)
:red_cross: ข้อห้ามในการใช้ยาละลายลิ่มเลือด
1.มีประวัติ hemorrhagic stroke
2.มีประวัติ nonhemorrhagic stroke ใน 1 ปีที่ผ่านมา
3.ตรวจพบเลือดออกในอวัยวะภายใน เช่น ทางเดินอาหาร
4.ได้รับบาดเจ็บรุนแรง / เคยผ่าตัดใหญ่ภายในเวลา 4 สัปดาห์
5.สงสัยว่าอาจมีหลอดเลือดแดงใหญ่แทรกเซาะ
6.BP > 180/110 mmHg ที่ไม่สามารถควบคุมได้
7.มีภาวะเลือดออกง่ายผิดปกติหรือได้รับยากลุ่ม warfarin (INR > 2)
8.ได้รับการกู้ชีพ (CPR) นานเกิน 10 นาที
9.ตั้งครรภ์
:warning: ข้อควรระวัง ห้ามให้ยา streptokinase ซ้ำ ในผู้ป่วยที่เคยได้รับยา streptokinase มาก่อน
การเฝ้าระวังผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด
1.สังเกตอาการเจ็บแน่นหน้าอก อาการเหนื่อยของผู้ป่วย และอาการอื่นๆ
2.ติด Monitorเพื่อติดตามสัญญาณชีพและ EKG อย่างใกล้ชิด หลังผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือด
3.ติดตามEKG 12 lead ทุก 30 นาทีเพื่อประเมินการเปิดของหลอดเลือดหัวใจ โดยดูจาก ST segment ลดต่ำลงอย่างน้อย 50% ภายในเวลา 90-120 นาทีหลังเริ่มให้ยาละลายลิ่มเลือด
4.ควรส่งต่อผู้ป่วยเพื่อทำการขยายหลอดเลือดหัวใจในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมโดยเร็วที่สุด หากอาการเจ็บหน้าอกไม่ดีขึ้น และไม่มีสัญญานของการเปิดหลอดเลือดภายในช่วงเวลา 90-120 นาที
ปัญหาทางการพยาบาลโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
1.เจ็บแน่นหน้าอก เนื่องจากปริมาณเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง
2.ปริมาตรเลือดที่หัวใจส่งออกต่อนาทีลดลง เนื่องจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
3.อาจเกิดภาวะ Cardiogenic shock จากปริมาตรการไหลเวียนลดลง
4.มีโอกาสเกิดภาวะ แทรกซ้อนเนื่องจากได้รับยาละลายลิ่มเลือด
5.เกิดความวิตกกังวล ต่ออาการและการดำเนินของโรคซึ่งคุกคามต่อชีวิต