Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคระบบไหลเวียนโลหิต - Coggle Diagram
โรคระบบไหลเวียนโลหิต
-
-
-
หน้าที่ของหัวใจ หัวใจมี 4 ห้องแบ่งเป็น ซีกซ้ายซีกขวา ห้องบนและห้องล่าง ระหว่างห้องหัวใจจะมีลิ้นหัวใจทำหน้าที่เปิดปิดเพื่อไม่ให้เลือดไหลย้อยกลับ
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ไม่มีอาการเขียว(Acyanotic) 2.กลุ่มที่มีอาการเขียว (Cyanotic)
กลุ่มที่ไม่มีอาการเขียว(Acyanotic) มีดังนี้
1.Patent Ductus Arteriosus (PDA) คือ โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดผิดปกติ เป็นความผิดปกติของหลอดเลือด ductus arteriosus ที่เชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงใหญ่และหลอดเลือดที่เปิดอยู่หรือปิดไม่สนิท
เกิดจากductus arteriosus ไม่ปิดตามธรรมชาติ ซึ่งปกติจะปิดตั้งแต่ 10-15 hr หลังคลอด และปิดสมบูรณ์ 15-20 วัน ไม่เกิน 3 เดือน สาเหตุ ได้แก่ภาวะคลอดก่อนกำหนด ภาวะขาดออกซิเจนขณะคลอด หรือ การติดหัดเยอรมันในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งท้อง
2.Ventricular Septal Defect กลุ่มโรคที่มีความผิดปกติของหัวใจ ทำให้มีเลือดไหลลัดจากหัวใจ ห้องซ้ายไปเข้าหัวใจห้องขวา
3.Atrial Septal Defect ช่องเชื่อมติดต่อทะลุของ atria septum นับเป็นร้อยละ 8 ของหัวใจพิการของทารก
4.Coarctation of Aorta เป็นภาวะที่มีการตีบตันของ aorta เกิดที่ aorta isthmus ใต้ left subclavian artery แบ่งเป็น 3 ชนิด 4.1 Preductal type มักจะเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก 4.2Ductal type ตีบที่ Ductus 4.3Postductal type กลุ่มนี้จะมีชีวิตจนโตได้
**
5.Pulmonary Stenosis** ภาวะที่ลิ้นหัวใจพัลโมนารีซึ่งอยู่ด้านขวาของหัวใจเกิดการตีบแคบอย่างผิดปกติ
6.Aortic sternosis**โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ
กลุ่มที่มีอาการเขียว(Cyanotic) มีดังนี้ 1.TOF เป็นกลุ่มความผิดปกติที่ประกอบด้วย pulmonary atresia, VSD, overiding aorta และ ventricle ขวาโต ชีวิตหลังคลอดจะมีอาการตัวเขียวจาก right to left shunt หายใจลำบาก squatting 2.Transposition of the great arteries คือ ความผิดปกติที่ aorta ออกจากหัวใจห้องล่างขวา และ pulmonary artery ออกจาก ventricle ซ้าย 3.Pulmonary atresia การที่ Pulmonary valve ตีบตีนมากจนเลือดไหลผ่านไม่ได้ อาจเกิดร่วมกับความพิการของหัวใจอย่างอื่น 4.Tricudpid atresia ไม่มีลิ้นไตรคัสปิด เลือดจึงเข้าสู่ Rv ไม่ได้ ทำให้เลือดจาก RA ต้องผ่าน ADS แล้วเข้าปอดทาง PDA หรืิ VSD ถ้ามี transposition of great aytery ร่วมด้วยจะมี CHF
-
โรคลิ้นหัวใจ
ลิ้นหัวใจตีบ (Stenotic valve) ลิ้นหัวใจแคบลง แข็ง หนา ติดกัน กีดกั้น ทำให้เลือดไหลไม่สะดวก ลิ้นหัวใจตีบมีดังนี้ -Mitral stenosis เกิดจากการอักเสบเรื้อรังในห้องหัวใจหลังจากที่มีการติดเชื้อ Group A Stretococcal ส่วน pharyngitis ที่เรียกว่า Rheumatic heat disease ส่วนAcute rheumatic fever สามารถทำให้หัวใจอักเสบได้ทุกชั้น -Aortic stenosis พบบ่อยเกิดจากกระบวนการสะสมของแคลเซียมและเซลล์อักเสบที่ลิ้นหัวใจคล้ายกับกระบวนการ atherosclerosis พบบ่อยในสูงอายุ
ลิ้นหัวใจรั่ว (Regurgitate valve) ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิททำให้เลือดไหลย้อนกลับ เมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวจะมีเลือดส่วนหนึ่งจะไหลย้อนกลับไปยังหัวใจห้องบนซ้ายผ่านลิ้นที่รั่ว โรคที่เกิด ได้แก่ -ลิ้นหัวใจรูมาติก (Rheumatic heart disease) เกิดจากการติดเชื้อในลำคอ หรือ ผิวหนัง และทำให้เกิดการสร้างภูมิต้านทาน ส่งผลให้มีการทำลายเนื้อเยื่ออื่นๆรวมทั้งลิ้นหัวใจด้วย -ลิ้นหัวใจเสื่อมสภาพตามวัย เกิดจากการที่ลิ้นหัวใจเสื่อมสภาพส่วนมากพบคนอายุ 40 ปีขึ้นไปทำให้เกิดอาการลิ้นหัวใจรั่วได้ -เส้นเลือดแดงเลี้ยงหัวใจตีบ ทำให้เกิดการตายของกล้ามเนื้อหัวใจจะอ่อนแรง ส่วนใหญ่พบในคนอสยุ 50-60ปี
เปรีบเทียบระหว่างลิ้นหัวใจรั่ว กับ ลิ้นหัวใจตีบ คือ ลิ้นหัวใจรั่วจะปิดไม่สนิทเลือดไหลย้อนกลับ แต่ ลิ้นหัวใจตีบจะเปิดไม่เต็มที่เลือดไหลออกไม่สะดวก
สาเหตุความผิดปกติของลิ้นหัวใจ มีดังนี้ โรครูห์มาติก ความผิดปกติของลิ้นหัวใจแต่กำเนิด ความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่เกิดภายหลังเกิดการติดเชื้ออื่นๆ ที่มีการทำลายลิ้นหัวใจ
โรคหลอดเลือดหัวใจ
ภาวะที่หหลอดเลือดหัวใจตีบทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่สมดุลกับออกซิเจนที่ใช้
เรียกว่าเส้นเลือดแดงโคโรนารี่ มีรูเปิดอยู่ที่บริเวณโคนของเส้นแดงเอออร์ตาแบ่งเป็น 2 เส้น คือ เส้นเลือดแดงโรโรนาีั่ด้านขวา และ ด้านซ้าย เส้นเลือดแดงโคโรนารี่ทางด้านขวาจะเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจด้านขวาและกล้ามเนื้อหัวใจด้านล่างซ้ายเส้นเลือดแดงโคโรนารี่ด้านซ้ายจะเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจด้านซ้ายที่เหลือทั้งหมดออกเป็น 2 แขนง คือ แขนงที่มาด้านหน้า เรียกว่า left anterior descending artery และ แขนงที่อ้อมไปด้านหลังเรียกว่า left circumflex artery
โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ โรคหัวใจขาดเลือด กลุ่มกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิด ST Elevation MI คือ กลุ่มโรคที่มีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและตายเฉียบพลันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ชนิด ST-segment elevation มักจะเกิดจากมีลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดทันที
การปวด (Agina Pectoris) จากหัวใจ เจ็บหรือแน่นหน้าอกเพราะขาดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
หัวใจวาย (Heart attack) เป็นการเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจอย่างถาวร
ปวดหัวใจจากการขาดเลือด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1.แบบคงที่ (Stable angina) เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตำแหน่งตีบตันทั่วไปอย่างคงที่และมีเลือดไหลผ่านไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเพียงพอถ้าคนๆนั้น กำลังนั่งพัหหรือหัวใจเต้นช้าๆ ถ้าเริ่มทำงานแล้วหัวใจเต้นเร็วขึ้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจในปริมารเดิมจะไม่เพียงพอ เกิดเวลามีการใช้กำลังกายหรือมีความเครียดตื่นเต้น แต่จะไม่เลยไปเป็นกล้ามเนื้อตาย
2.แบบไม่คงที่ (Unstable angina) เป็นภาวะที่เส้นเลือดหัวใจมีการตีบตันอยู่แต่อยู่ๆเลือดก็ไม่ไหลผ่านไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจซึ่งเกิดได้แม้ขฯะนั่งพัก อาการเจ็บหน้าอกปานกลางถึงรุนแรงอาจเกิดขึ้นทั้งๆที่ไม่เคยเจ็บมาก่ิน จึงอันตรายกว่าเพราะอาจก้าวไปเป็นขาดเลื้อเลี้ยงหัวใจเลย
สาเหตุแบบไม่คงที่ เกิดรอยแตกที่คราบไขมันซึ่งพอกผนังเส้นเลือดแดงอยู่ พอเกิดรอยแยกแล้ว ร่างกายมีการตอบสนอง คือ เม็ดเลืดขาวมาควบคุมจนเกิดปฏิกริยาการอักเสบแล้วมีการคั่งแข็งตัวของเลือดใกล้ๆ ครบไขมันที่แตก ก้อนเลือดที่คั่งแข็งตัวจะมีขนาดใหญ่ขึ้นๆจนเกิดการอุตันและเจ็บหน้าอกมากหรือไม่ก็ข้ามขั้นตอนไปเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายถ้าเส้นเลือดแดงตัน
Rheumatic Heart Disease เป็นโรคหัวใจที่ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิดมักพบในเด็กโดยที่บางครั้งเด็กไม่มีอาการชัดเจน เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่พบว่าเกิดลิ้นหัวใจพิการขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคลิ้นหัวใจพิการที่พบ่อยสุด สาเหตุของโรคมาจากร่างกายมีการตอบสนองต่อการติดเชื้อผิดปกติโดยร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาทำลายเชื้อแต่ภูมิต้านทานเหล่านี้กลับดันมาทำร้ายตัวเองทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะหลาบระบบ ผลที่ตามมาจากการเกิดหัวใจอักเสบตือเกิดผังผืดเกาะยึดบริเวณลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจแข็งเปิดได้ไม่เต็มที่ หรือ ปิดไม่สนิท หรือ ทั้งตีบและรั่วในขณะเดียวกันโดยอาจจะเป็นลิ้นเดียว หรือ หลายลิ้นก็ได้
Endocarditis เยื่อบุหัวใจอักเสบ มักมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเยื่อจากผิว เรียก Vegetation การเกิดเชื้อโรคในกระแสโลหิตจากสาเหตุใดใดก็ตาม เช่น ฝันผุ เชื้อนี้จะไปจับที่ก้อนเลือดเล็กๆ ที่จับอยู่ตามลิ้นหัวใจหรือผนังหัวใจ เรียกว่า ก้อนเชื้อ ก้อนเลือดเล็กๆที่ติดเชื้อเหล่านี้เมื่อหลุดเข้ามาในกระแสเลือดจะเกิดการอุดตัน การอักเสบติดเชื้อ ฝีหนองตามอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย โรคนี้จะไม่พบเชื้อ Veretation ในผู้ป่วย RHD
Infective Endocarditis ส่**วนแรก Subacute Bacterial Endocarditis เกิดจากแบคทีเรียที่รุนแรงน้อยมักจะเกิดกับผู้ที่มีความผิดปกติที่ลิ้นหัวใจหรือลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด ส่วนที่สองAcute bacterial Endocarditis** เกิดจากแบคทีเรียชนิดรุนแรง มักเกิดกับหัวใจปกติ
Atherosclerosis พบบ่อยและสำคัญสุด ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ Abdomonal aorta พยาธิสภาพคือพบไขมันสะสมใน Tunica intima เห็นเป็นแผ่นนูน สาเหตุมาจากอาหารและภาวะ Hypercholesterolemia การสูบบุหรี่ เบาหวาน
Monckeberg medial calcific sclerosis พบในหลอดเลือดขนาดกลางมี calcification ชั้น Tunica media พบบ่อยในสูงอายุ
-
Abdominal Aortic Aneurysm โรคหลอดเลือดแดงเออร์ตาร์ในช่องท้องโป่งพอง ปัจจัยเสี่ยงมาจากการสูบบุหรี่ ความดันสูง พบในชายอายุเกิน 60 ปี มีญาติสายตรงเป็น AAA แม่ น้องชาย อาการแสดง AAA อาจไม่มีอาการผิดปกติ อาการแสดงคือคลำชีพจรได้ในท้องคล้ายหัวใจเต้นคลำได้ก้อน เต้นได้ในท้อง เจ็บท้องหรือหลังส่วนล่างอย่างรุนแรงทันทีทันใดถเาหลอดเลือดโป่งใกล้แตกผู้ป่วยจะปวดขา ขาเปลี่ยนสีเป็นแผล
โรคหลอดเลือดดำ 1.Varicose vein มี Bicuspid valve ให้เลือดจาก Superficial ไป Deep 
2.Thrombophlebitis การอักเสบของผนังหลอดเลือดดาร่วมกับมีธรอมบัสภายในหลอดเลือดโดย เกาะติดที่ผนังด้านในของหลอดเลือดอาจทาให้เกิดการอุดตันได้ 3.Phlebothrombosisการอุดตันของหลอดเลือดดำ
Hemorrhoid ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบุช่องทวารหนัก