Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3.8 การพยาบาลด้านจิตสังคม สำหรับผู้ประสบสาธารณภัย - Coggle Diagram
บทที่ 3.8 การพยาบาลด้านจิตสังคม
สำหรับผู้ประสบสาธารณภัย
ปัญหาที่เกิดขึ้น
ด้านร่างกาย
ร่างอ่อนแอ เนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ
ฝันร้าย หลับๆตื่นๆ
ด้านพฤติกรรม
ปล่อยปละละเลยตนเอง
แยกตัวจากสังคม
ปฏิเสธการรับรู้
การมีปัญหาในการก่ออาชญากรรม เพราะรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม หรือขาดปัจจัย 4 ติดสารเสพติด เพราะต้องการเลี่ยงความรู้สึกของตนเอง
ด้านจิตใจ
หวาดกลัว ระแวง ทำให้ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ อาจเกิดความเจ็บป่วยทางจิตเวชตามมา
อาจมีอาการสับสน เครียด มีความคิดอยากตาย สิ้นหวัง ท้อแท้ นำไปสู่ปัญหาของโรคซึมเศร้า
ปฏิกิริยาของผู้ได้รับผลกระทบ จะเกิดขึ้นและหายไปภายใน 1 เดือน หากนานกว่านั้นต้องพบผู้เชี่ยวชาญ
ด้านอารมณ์
ไม่ยอมกับสิ่งที่เกิดขึ้น
กลัว เศร้า โกรธ
ช็อค ตกใจ
ด้านการรับรู้
สับสน มึนงง
ไม่มีสมาธิ
มีปัญหาด้านการจดจำ
ด้านปฏิกิริยา/การแสดงออก
ฝันร้าย หวาดระแวง
หันมาใช้สุราหรือสารเสพติด
นอนไม่หลับหรือหลับๆตื่นๆ
ด้านร่างกาย
วิงเวียนศีรษะ
ร้อนๆหนาวๆ
หน้ามืด
ปฏิกิริยาด้านจิตใจ
โกรธ (Anger)
ตะโกนด่าทอ กระวนกระวาย บางคนอาจเงียบแต่เกร็ง
ต่อรอง (Bargaining)
พูดถึงซ้ำๆ รอคอยปาฏิหาร
ช็อคและปฏิเสธ (Shock & Denial)
ไม่ยอมรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อารมณ์เศร้า (Depression)
ร้องไห้ เสียใจ ไม่พูดจา ปากสั่น จะเป็นอาการที่ตามมาทีหลัง หากได้รับการช่วยเหลือก่อน อาจจะไม่เกิดอาการนี้
ทีมปฏิบัติงานช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT)
ระดับอำเภอ
บุคลากรทางการแพทย์
นักวิชาการสาธารณสุข
นักสังคมสงเคราะห์
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ทหาร เวชกิจ
ระดับจังหวัด
นักวิชาการสาธารณสุข
นักสังคมสงเคราะห์
บุคลากรทางการแพทย์
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ระดับตำบล
อสม.
กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน
รพ.สต.
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ระดับกรมสุขภาพจิต สนับสนุนทีม MCATT ในภูมิภาคที่ตนรับผิดชอบ เช่น ภาคเหนือคือโรงพยาบาลสวนปรุง
นักวิชาการสาธารณสุข
นักสังคมสงเคราะห์
บุคลากรทางการแพทย์
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจทีม MCATT
ระยะเตรียมการ
จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต
ฝึกอบรมเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย
ซ้อมแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน
ระยะวิกฤต 72 hrs. แรกหลังเกิดเหตุ
ผู้ประสบภัยจะตื่นตัว มีพลังมาก เครียด ผวา ช็อก วิตกกังวล กลัว
ผู้ประสบภัยจะพยายามช่วยเหลือกันและกัน การช่วยเหลือจะไม่มีระบบระเบียบ เน้นให้การช่วยเหลือเฉพาะหน้า ตามสภาพความเป็นจริง
ปฏิกิริยาที่แสดงออก คือ ปฏิกิริยาปกติในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ในระยะนี้ต้องให้การช่วยเหลือแบบ PFA
ระยะฉุกเฉิน 72 hrs - 2 week.
ผู้สูญเสียและผู้รอดชีวิตจะเริ่มมองโลกในแง่ดี เริ่มมีการช่วยเหลือเยียวยาเข้ามา เกิดกำลังใจมากขึ้น
พิจารณาตามความรุนแรง 6 กลุ่ม
มีประวัติการรักษาทางจิตเวช
ผู้ได้รับผลกระทบหลังวิกฤต
ผู้สูงอายุและเด็ก
ผู้พิการและเจ็บป่วยเรื้อรัง
เสียบุคคลในครอบครัว/ทรัพย์สิน
ผู้ที่ต้องการบริการสุขภาพจิต
ขั้นตอนการพิจารณาความรุนแรง
คัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยง แล้วให้การช่วยเหลือ
สำรวจความต้องการการช่วยเหลือ เข้าปฐมพยาบาลด้านจิตใจ สร้างสัมพันธภาพ สำรวจความต้องการด้านปัจจัย 4 ด้านการดูแลโรคทางกาย และเน้นให้ผู้ประสบภัยได้พูดระบายความรู้สึกออกมา
ทีม MCATT เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือทั้งทางร่างกายและจิตใจ
กรณีพบความเสี่ยงต้องจัดทำทะเบียนและวางแผนการรักษา
สรุปรายงานสถานการณ์เบื้องต้น
การปฐมพยาบาลทางจิตใจด้วยหลัก EASE
Assessment: A
ด้านร่างกาย
หากได้รับบาดเจ็บให้ช่วยโดยการให้ยา
หากมีอาการอ่อนเพลีย ควรหาน้ำให้ดื่ม หรือหาอาหารให้ทาน
ถ้าเป็นลม ควรหายาดมหรือผ้าเย็นเช็ด
หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ให้เคลื่อนย้ายมาอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อน
ด้านจิตใจ
ประเมินสภาพจิตใจว่าผู้ประสบภัยอยู่ในอารมณ์ใด
ช็อคและปฏิเสธ
จัดให้อยู่สถานที่สลบ นั่งรับฟังในสิ่งที่เขาระบายความรู้สึก สอบถามความช่วยเหลือเร่งด่วยที่ต้องการ
ต่อรอง
อดทนรับฟัง สนองความต้องการในสิ่งที่ให้ได้ ไม่รับปากในสิ่งที่ไม่ทราบหรือหาให้ไม่ได้ พร้อมกับให้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมไปถึงควรมีทักษะในการบอกข่าวร้าย
เสียใจ
ร้องไห้ คร่ำครวญ ซึมเศร้า โทษตัวเอง หมดเรี่ยวแรง
โกรธ
ดูแลรับฟังด้วยท่าทีสงบ เว้นระยะห่างพอประมาณ ใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ
ผู้ที่ได้รับการประเมินภาวะฆ่าตัวตายแล้ว
รับฟังมากขึ้น
อารมณ์สงบ
ลดเงื่อนไขการต่อรอง
หากมีหดหู่ ท้อแท้ ไม่มีกำลังใจ ระวังภาวะซึมเศร้า
Skills: S
Touching skill (การสัมผัส) ควรให้เหมาะสมกับโอกาส
ฝึกกำหนดลมหายใจ (Breathing exercise)
ทักษะการ Grounding ช่วยให้ผู้ประสบภัยอยู่กับความเป็นจริง
การนวดสัมผัส
การลดความเจ็บปวดทางใจ
สะท้อนความรู้สึก
การเงียบ
ฟังอย่างตั้งใจ
การพูดทวนซ้ำ
การเสริมสร้างทักษะ
ในการลดความวิตกกังวล และควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา รับประทานอาหารมาก/น้อยเกินไป สูบบุหรี่จัดๆ การทำกิจกรรมเสี่ยงๆ หรือการใช้ความเร็วเพื่อคลายความวิตกกังวล
Engagement: E
สร้างสัมพันธภาพ
ควรมีท่าทีสงบขณะพูดคุย แสดงอารมณ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพสังคม
การสื่อสาร
เริ่มพูดคุยเมื่อผู้ประสบภัยมีความพร้อมที่จะพูด
สังเกตพฤติกรรม
Nonverbal คือ สีหน้า แววตา ท่าทาง การเคลื่อนไหวของร่างกาย
Verbal คือ พูดสับสนฟังไม่รู้เรื่อง ด่าทอ ร้องขอความช่วยเหลือ พูดซ้ำไปซ้ำมา พูดวกวน
Education: E
ตรวจสอบความต้องการ
เติมเต็มความรู้
ติดตามอย่างต่อเนื่อง