Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลด้านจิตสังคมสำหรับผู้ประสบสาธารณภัย - Coggle Diagram
การพยาบาลด้านจิตสังคมสำหรับผู้ประสบสาธารณภัย
การเตรียมตัวกรณีเป็นพยาบาลในทีมMCATT
1.ระยะเตรียมการ
เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆอย่างทันท่วงที ทั้งระดับบุคคล องค์กรและชุมชน
การรับนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัด/นายเเพทย์สาธารณสุขจังหวัด ในการเตรียมโครงสร้างการดำเนินงานช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตผู้ประสบภาวะวิกฤต
การจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต
จัดเตรียมทีมเพื่อปฏิบัติงานให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยวิกฤต
การฝึกอบรม
การปฐมพยาบาลทางจิตใจ (PFA)
การบำบัดทางพฤติกรรมความคิด (CBT)
การช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตแบบ Satir
การช่วยเหลือทางจิตใจ และสังคมในภาวะวิกฤต(Crisis intervention)
2.ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน
ระยะวิกฤต (ภายใน 72ชั่วโมงเเรกหลังเกิดเหตุ)
เน้นการช่วยเหลือตามสภาพความเป็นจริงทั้งด้านร่างกาย ความต้องการพื้นฐาน
เตรียมให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภัยวิกฤต(PFA)และให้การช่วยเหลือที่ตรงตามความต้องการ
ระยะฉุกเฉิน (72 ชั่วโมง-2 สัปดาห์)
สำรวจหาข้อมูลของสถานการณ์ และความต้องการของผู้ประสบภาวะวิกฤต เพื่อนำมาวางเเผนให้ความช่วยเหลือ
ประเมินคัดกรองภาวะสุขภาพจิต เพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงในแต่ละวัย และนำมาวางแผนช่วยเหลือดได้ถูกต้องเหมาะสม
จัดลำดับความต้องการของกลุ่มเสี่ยงที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือดเร่งด่วนและต่อเนื่อง
กลุ่มเป้าหมายจะพิจารณาตามความรุนแรง 6 กลุ่ม
3.กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบหลังประสบภาวะวิกฤต
4.กลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก
2.กลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาทางจิตเวชหรือใช้สารเสพติด
1.กลุ่มผู้สูญเสียบุคคลในครอบครัว/ทรัพย์สิน
5.กลุ่มผู้พิการและเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง
6.กลุ่มผู้ที่ต้องการบริการด้านสุขภาพจิต
ขั้นตอนการช่วยเหลือ
1.เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ทีม MCATT ลงพื้นที่ร่วมกับทีมให่การช่วยเหลือทางกาย เพื่อประเมินสถาณกาณ์ด้านสุขภาพจิตและกำหนดพื้นที่ๆจะลงไปช่วย เตรียมความพร้อมของทีม จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ แบบประเมิน/คัดกรองภาวะสุขภาพจิต และทบทวนความรู้การใช้แบบประเมิน
2.คัดกรองและค้นหากลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต โดยใช้เวชระเบียนสำหรับผู้ประสบภาวะวิกฤต และให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจ
3.สำรวจความต้องการช่วยเหลือทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างสัมพันธภาพกับผู้ประสบภาวะวิกฤต เน้นให้ผู้ประสบภาวะวิกฤตระบายความรู้สึกให้มากที่สุด
4.กรณีพบความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต จดทำทะเบียนกลุ่มเสี่ยงและวางแผนติดตามต่อเนื่อง
5.สรุปรายงานสถานการณ์เบื้องต้นพร้อมทะเบียนกลุ่มเสี่ยง
การปฐมพยาบาลทางจิตใจด้วยหลักEASE
2.วิธีการประเมินผู้ได้รับผลกรทบ(Assessment:A)
3 ป.
b.การประเมินสภาพจิตใจ
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะช็อกและปฏิเสธ
การดูแลทางกาย ให้อยู่ในสถานที่สงบ รู้สึกปลอดภัย
การดูแลทางจิตใจ ให้ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้ระบายความรู้สึก
การช่วยเหลือทางสังคม สอบถามความต้องการเร่งด่วนของผู้ประสบภาวะวิกฤต ให้ความช่วยเหลือตามความต้องการอย่างรีบเร่ง
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะโกรธ
การดูแลทางกาย ให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ให้การช่วยเหลือต้องมีท่าทีที่สงบนิ่ง
การดูแลทางใจ ให้ระบายความรู้สึกโดยใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ(Active Listening)
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะต่อรอง
อดทน รับฟัง
สนองความต้องการในสิ่งที่สามารถให้ได้
การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ที่เป็นจริงตามความเหมาะสม
ทักษะการประเมินอารมณ์ ความรู้สึกผู้ประสบภาวะวิกฤตและทักษะการบอกข่าวร้าย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในภาวะเสียใจ
การช่วยเหลือทางกายทำได้โดยหาผ้าเช็ดหน้า น้ำเย็น ผ้าเย็น
ในรายที่มีอาการหายใจไม่ออก ใช้การฝึกหายใจแบบ Breathing excercise หรือใช้การสัมผัส การรับฟัง พูดให้กำลังใจ
การประเมินภาวะฆ่าตัวตาย
ตัวบ่งชี้ที่บอกว่าผู้ประสบภาวะวิกฤตได้รับการตอบสนอง
2.อารมณ์สงบ
3.ลดเงื่อนไขในการต่อรองลง
1.ผู้ประสบภาวะวิกฤตรับฟังมากขึ้น ยอมรับข้อมูล
4.หลังจากยอมรับความจริงมีอารมณ์สงบลง อาจมีการหดหู่
c.ประเมินความต้องการทางสังคม
ผู้ประสบภาวะวิกฤตไร้ญาติ ประสานมูลนิธิเพื่อหาที่พักพิงชั่วคราว
ผู้ประสบภาวะวิกฤตต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินทุนการศึกษาให้ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ผู้ประสบภาวะวิกฤต้องการพบญาติ
a.ประเมินและตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกาย
ผู้ประสบภาวะวิกฤตได้รับบาดเจ็บด้านร่างกาย บรรเทาความเจ็บปวดด้วยการให้ยา
ผู้ประสบภาวะวิกฤตมีอาการอ่อนเพลีย จัดหาน้ำให้ดื่ม หาอาหารให้รับประทาน
ผู้ประสบภาวะวิกฤตเป็นลม จัดหายาดมแอมโมเนีย ผ้าเย็นเช็ดหน้า
ผู้ประสบภาวะวิกฤตอยู่ในสิ่งเเวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ให้เคลื่อยย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัย
3.วิธีการเรียกขวัญคืนสติลดความเจ็บปวดทางใจเสริมสร้างทักษะ(Skill:S)
b.การสัมผัส
เช่น แตะ นวดบีบเบาๆ
c.ทักษะการ Grounding
การช่วยผู้ประสบภาวะวิกฤตที่มีอารมณ์ท่วมท้น กลับมาอยู่กับความเป็นจริงโดยเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเเวดล้อม
a.การฝึกลมหายใจ
เพื่อให้ผ่อนคลายอารมณ์
d.การนวดสัมผัสและการกดจุดคลายเครียด
เพื่อลดความเครียด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ รู้สึกอบอุ่นใจ
e.การลดความเจ็บปวดทางใจ
1.การฟังอย่างตั้งใจ ฟังอย่างต่อเนื่อง
2.การสะท้อนความรู้สึก
3.การเงียบ
4.การทวนซ้ำ
f.การเสริมสร้างทักษะ
การเรียนรู้การเสริมสร้าง Coping skills
สามารถช่วยลดความกังวลปฏิกิริยาที่เป็นทุกข์อื่นๆ
ช่วยแก้ไขสถานการณ์และช่วยผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤตให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้าย
1.วิธีการสร้างสัมพันธภาพและการเข้าถึงจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ(Engagement:E)
b.การสร้างสัมพันธภาพ
ท่าทีสงบนิ่ง
มีการเเนะนำตัวเอง
มีการมองหน้าสบตา
รับฟังด้วยท่าทีที่สงบให้กำลังใจ ด้วยการพยักหน้า การสัมผัส
c.การสื่อสาร
เริ่มพูดคุยเมื่อผู้ประสบเหตุการณ์วิกฤติมีความพร้อม
เริ่มสบตา มีท่าทีที่ผ่อนคลาย
มีสติรู้ตัว รับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวชัดเจนขึ้น
เริ่มมองหน้าคนที่อยู่ข้างเคียงเขา
รับรู้ว่ารอบตัวเขาเป็นสถานที่ใด
a.การสังเกตภาษาท่าทางและพฤติกรรม
Non verbal
สีหน้า แววตา ท่าทาง การเคลื่อนไหวของร่างกาย
Verbal
พูดสับสนฟังไม่รู้เรื่อง ด่าทอ ร้องขอความช่วยเหลือ พูดซ้ำไปซ้ำมา พูดวกวน
4.วิธีการให้สุขภาพจิตศึกษาและข้อมูลที่จำเป็น(Education)
3 ต.
ต.2 เติมเต็มความรู้
ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นจากความเครียด และผลกระทบทางจิตใจที่อาจเกิดขึ้น
บอกวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเครียด
เเหล่งช่วยเหลือต่างๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน เช่น เงินทุน สิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ
ต.3 ติดตามต่อเนื่อง
ร่วมกันวางแผน และหาแนวทางในการรับการช่วยเหลือต่างๆเพิ่มเติม
พูดคุยวางแผนร่วมกันระหว่างผู้ให้การช่วยเหลือ และผู้ประสบภาวะวิกฤตในด้านการดูแลติดตามอย่างต่อเนื่อง
ต.1 ตรวจสอบความต้องการ
ถามถึงข้อมูลและตรวจสอบความต้องการช่วยเหลือที่จำเป็นเเละเร่งด่วน