หน่วยที่ 5 ทันตสาธารณสุข

การสร้างเสริมและป้องกันโรคในช่องปาก

ปัญหาและโรคที่พบบ่อยในช่องปาก

การสร้างเสริมสุขภาพในช่องปาก

ฟันและโครงสร้างของฟัน

ความหมาย

โครงสร้างภายใน

โครงสร้างของฟัน

โครงสร้างภายนอก

การเกิดขึ้นของฟัน

click to edit

ฟันถาวร (permanent teeth)1 มีขนาดใหญ่ และมีสีเหลืองกว่าฟันน้ำนมมีจำนวนทั้งหมด 32 ซี่

ฟันน้ำนม (Primory teeth)อยู่ในช่องปากช่วงวัยเด็ก (ตั้งแต่อายุประมาณ 6 เดือน – 12 ปี) ลักษณะเป็นฟันซี่เล็กๆ สีขาว มีทั้งหมด 20 ซี่

รากฟัน ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรและมีเหงือกปกคลุมอีกชั้น

แนวคอฟัน เรียกว่า แนวเส้นที่เชื่อมต่อจุดที่ตัวฟันและรากฟันมาบรรจบกัน

ตัวฟัน คือ ส่วนของฟันที่โผล่พ้นเหงือก ปรากฏให้เห็นในช่องปาก

ชั้นกลาง คือ ชั้นเนื้อฟัน (dentine) มีสีเหลือง มีโครงสร้างเป็นท่อเล็กๆ เรียงเบียดอัดกันแน่น

ชั้นใน คือ ชั้นเนื้อเยื่อในโพรงฟัน (dental pulp) เป็นเนื้อเยื่ออ่อน ประกอบด้วย เส้นเลือดท่อน้ำเหลือง และเส้นประสาทเล็กๆ มีหน้าที่หล่อเลี้ยงให้ฟันมีชีวิต และรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดได้

ชั้นนอก คือ ชั้นเคลือบฟัน (enamel) และเคลือบรากฟัน(cementum) เคลือบฟันมีสีขาวใส เป็นมันวาว ส่วนเคลือบรากฟันมีสีเหลืองอ่อน ทึบแสง

เคลือบฟัน (Enamel) เป็นส่วนที่แข็งที่สุดที่เคลือบอยู่บนตัวฟัน มีสีขาวเป็นมันไม่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทเลี้ยง

เนื้อฟัน (Dentine) มีความแข็งน้อยกว่าเคลือบฟัน มีสีเหลือง จะมีใบประสาทมาเลี้ยง แต่ไม่มีเส้นเลือด เนื้อฟันมีอยู่ทั้งที่ตัวฟันและรากฟัน

เหงือก (Gingiva) เป็นเนื้อเยื่ออยู่รอบตัวฟัน คลุมบางส่วนของตัวฟันและบางส่วนของกระดูกที่ฟันฝังอยู่

โพรงประสาท (Pulp) เป็นโพรงอยู่ในตัวฟันและรากฟัน ภายในมีเส้นเลือด เส้นประสาท และหลอดน้ำเหลือง รวมทั้งเซลล์ที่สร้างเนื้อฟันอยู่เต็ม

รากฟัน (Root) เป็นส่วนที่ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร

เนื้อเยื่อปริทันต์(Periodontal ligament) เป็นเนื้อเยื่อที่รอบรากฟัน ทำหน้าที่ยึดรากฟันให้ติดกับกระดูกขากรรไกร และยังช่วยให้ฟันมีการเคลื่อนไหว ได้เล็กน้อย เพื่อรับแรงบดเคี้ยว

ตัวฟัน (Crown) เป็นส่วนที่อยู่เหนือเหงือก

ซีเมนตัม (Cementum) เป็นส่วนที่อยู่ชั้นนอกสุดของฟัน หุ้มเนื้อฟันส่วนของรากกระดูกรอบรากฟัน เป็นกระดูกที่อยู่รอบ ๆ รากฟัน มีลักษณะเป็นกระดูกพรุน(Alveolar bone) มีหลอดโลหิต หลอดน้ำเหลือง และเส้นประสาท

ฟันน้ำนมขึ้นครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน

ฟันแท้เริ่มขึ้นเมื่อเด็กอายุ ประมาณ 6 ปี

หน้าที่ของฟัน

2.เพื่อให้ใบหน้ามีการเจริญเติบโตอย่างปกติ เพราะฟันจะช่วยให้กระดูกขากรรไกรขยายตัวและแรงของการเคี้ยวอาหารจะช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกเติบโตขึ้น

3.ทำให้ออกเสียงพูดได้ชัดเจน

1.บดเคี้ยวอาหารให้ละเอียด

4.ถ้าฟันเสีย และต้องถอนออกก่อนกำหนด จะทำให้ฟันขึ้นซ้อนกันและเกได้

โรคฟันผุ Dental Caries
โรคฟันผุ เป็นโรคเรื้อรังซึ่งเกิดขึ้นกับตัวฟันโดยเริ่มจากมีโพรง โดยมักจะเริ่มเกิดขึ้นในวัยเด็ก ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาจะลุกลามรุนแรงขึ้นทำให้ต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด

โรคปริทันต์ คือ โรคที่เป็นกับเหงือก และเนื้อเยื่อรอบ ๆ รากฟัน

แผ่นคราบฟัน (Dental plaque) คือคราบของเชื้อจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคหรือแบคทีเรียสะสมร่วมกันอยู่บนผิวของเคลือบฟัน มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆอ่อนนุ่ม สีกลมกลืนกับสีของฟัน

หน้าที่ยึดฟันไว้ โรคปริทันต์ แบ่งเป็น2 ระยะ ตามลักษณะอาการและความรุนแรง คือ

ระยะแรก เรียกว่า โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis)

ระยะหลัง เรียกว่า โรคเยื่อหุ้มรากฟันอักเสบ (Periodontitis) หรือโรครำมะนาด โรคนี้เป็นกันทุกคนทุกเพศทุกวัย อาการรุนแรงเมื่อมีอายุสูงขึ้น

  1. พฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปาก
  1. พฤติกรรมการตรวจและเฝ้าระวังสุขภาพช่องปาก
  1. พฤติกรรมการบริโภคอาหาร

เด็กวัยเรียนและเยาวชน

วัยทำงาน


เด็กปฐมวัย

ผู้สูงอายุ

หญิงตั้งครรภ์

ผู้ตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดโรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบรุนแรง
กว่าช่วงเวลาอื่น รวมทั้งอาจเกิดฟันผุได้มากขึ้น แนวทางปฏิบัติดังนี้

  1. สอบถามปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟัน และให้คำแนะนำที่เหมาะสม
  1. ส่งต่อหญิงตั้งครรภ์ครั้งแรก ให้ไปรับการตรวจช่องปากกับทันตบุคลากร
  1. ทำแบบบันทึกการได้รับบริการของหญิงตั้งครรภ์ เขียนใบส่งต่อ และส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพทั่วไป
  1. ให้ความรู้แก่หญิงตั้งครรภ์เพื่อการมีอนามัยช่องปากที่ดี

แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันขนอ่อน และยาสีฟันผสมฟลูออไรด์

จำกัดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาล

ดื่มน้ำเปล่า หรือนมไขมันต่ำแทนน้ำอัดลมและน้ำหวาน

กระตุ้นให้ไปรับบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก

  1. ให้คำแนะนำหญิงตั้งครรภ์เมื่อเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ดังนี้

5.1 รับประทานอาหารที่มีคุณค่า ครั้งละน้อย ๆ วันละหลายครั้ง

5.2 ใช้ผงฟู (baking soda หรือ sodium bicarbonate) ประมาณ 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 แก้ว อมบ้วนปากหลังอาเจียน

5.3 เคี้ยวหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลหรือหมากฝรั่งผสมไซลิทอลหลังรับประทานอาหารเพื่อกระตุ้นการหลั่งของน้ำลาย ทำให้มีการชะล้างในช่องปากเพิ่มขึ้น


พ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเด็กคือผู้ปฏิบัติที่สำคัญที่สุด จึงต้องแนะนำและกระตุ้นให้พ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเด็กเกิดการเรียนรู้และใส่ใจปฏิบัติ โดยมีแนวทางและวิธีปฏิบัติดังนี้

  1. การดูแลความสะอาดช่องปากเด็ก
  1. การตรวจสุขภาพช่องปากเด็ก และการพาเด็กไปรับบริการทันตกรรม
  1. การจัดอาหารและโภชนาการให้เด็ก สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม

เด็กอายุ 6 เดือน ฟันเริ่มขึ้น ควรเลิกนมมื้อดึก

เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ให้อาหารหลัก 3 มื้อ และอาหารว่างไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน

เด็กขวบปีแรก แรกเกิดถึง 6 เดือน ให้กินนมแม่อย่างเดียว ไม่ต้องให้อาหารอื่นแม้แต่น้ำ

เด็กอายุประมาณ 6 ขวบ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุสูงมาก เพราะการสะสมแร่ธาตุที่ผิวฟันยังไม่สมบูรณ์ และเด็กยังไม่สามารถแปรงฟันได้อย่างมีคุณภาพ การรู้จักดูแลสุขภาพช่องปาก ฝึกทักษะต่างๆ ดังนี้

  1. การแปรงฟัน โดยฝึกวิธีแปรงฟันแบบ ขยับ-ปัด (Modified Bass Technique) การป้องกันฟันผุแปรงฟันทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
  1. การตรวจฟันด้วยตนเอง

image

image

image

image

  1. การบริโภคอาหารและการควบคุมการบริโภคอาหาร

สุขภาพช่องปากในช่วงวัยทำงานหรือวัยผู้ใหญ่ นอกจากมีการสูญเสียฟันจนทำให้เกิดปัญหาการบดเคี้ยว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาวะโภชนาการและสุขภาพร่างกายแล้ว ที่สำคัญโรคในช่องปากยังอาจเป็นสาเหตุร่วม ทำให้โรคทางระบบที่เป็นอันตรายหลายๆ โรคมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น การสร้างเสริมสุขภาพช่องปากวัยทำงานมีหลักการดำเนินงานดังนี้


จากวัยเด็กถึงวัยทำงาน มีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะในช่องปากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุจะพบสภาพและปัญหาสุขภาพช่องปาก ดังนี้ ปัญหาที่ตัวฟัน ปัญหาของเหงือกและเนื้อเยื่อปริทันต์และปัญหาของเยื่อบุช่องปาก การสร้างเสริมสุขภาพช่องปากด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดย

click to edit

  1. แนะนำการส่งเสริมสุขภาพช่องปากให้กับผู้สูงอายุ
  1. ส่งเสริมสนับสนุนชมรมผู้สูงอายุ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
  1. สนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมด้านสุขภาพช่องปาก
  1. ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปากให้กับผู้สูงอายุ

ประชากรที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

ประชากรที่มีโรคทางระบบ

ประชากรทั่วไป

ควรรณรงค์ สนับสนุน และส่งเสริมให้มีทักษะและมีศักยภาพในการดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

กลุ่มผู้สูบบุหรี่ ดื่มสุรา ควรช่วยเหลือ สนับสนุนให้ลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว และพัฒนาศักยภาพให้ดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้อย่างเหมาะสม

โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ควรมีการประสานส่งต่อ และจัดให้มีระบบบริการตรวจ และดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก ควบคู่ไปกับการรักษาโรค

ทันตสาธารณสุข (Dental Public health)

ทันตกรรมชุมชน (Community dentistry)

สุขภาพช่องปาก (Oral health)

ให้การส่งเสริมสุขภาพช่องปาก การป้องกันและควบคุมสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประชากร โดยคำนึงถึงแนวคิดองค์รวมสุขภาพ การมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึงการบูรณาการสหวิชาชีพ (multi-disciplinary) และ ภาคีเครือข่าย โดยมีเป้าหมายเพื่อชุมชนพึ่งตนเอง ดูแลจัดการภาวะแวดล้อมเพื่อเอื้อต่อการดูแลสุขภาพช่องปากของประชากร

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ในการบำบัดรักษา การป้องกัน การควบคุมโรคในช่องปาก และการส่งเสริมทันตสุขภาพ โดยผ่านการจัดตั้งของชุมชน

สุขภาวะในการพูด ยิ้ม ได้กลิ่น รับรสสัมผัส การเคี้ยวและการกลืน ตลอดจนความสามารถในการสื่ออารมณ์ที่หลากหลายผ่านการแสดงออกทางสีหน้าด้วยความมั่นใจและปราศจากความเจ็บปวดไม่สบายและโรคของโครงสร้างใบหน้า (craniofacial disorder) และสุขภาพช่องปากมีผลต่อสุขภาพโดยรวม

ความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก

เป็นโรคเรื้อรังอาการเริ่มแรกไม่รุนแรง มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่ได้รับการดูแล เมื่อเวลาผ่านไปการรักษาจะเกิดความยุ่งยากมากขึ้น

จัดทำโดย นางสาวศิญาพร เถาวัลย์ราช รหัส 611410009-8 นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3