3.7 การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ

การปฐมพยาบาลคนจมน้ำ (Drowning)

พยาธิสภาพที่เกิดขึ้นภายหลังการจมน้ำ

2 ลักษณะตามชนิดของน้ำที่จม

น้ำจืด

น้ำเค็ม

หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวาย

ระดับเกลือแร่ (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม) ในเลือดลดลง

เม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis)

hypervolemia

น้ำในปอดจะดูดซึมเข้ากระแสเลือด

ความเข้มข้นน้อยกว่าเลือด(พลาสมา)

ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema)

ระบบไหลเวียนมปีริมาตรลดลง (hypovolemic)

จะดูดซึมน้ำเลือด(พลาสมา)จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด

ระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

ความเข้มข้นมากกว่าเลือด

หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย

ปัจจัยที่มีผลต่อพยาธิสภาพของผู้จมน้ำ

  1. การช่วยฟื้นคืนชีพได้เร็วและถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
  1. สภาพผู้ป่วยก่อนจมน้ำ

1.7 ความรู้ในการว่ายน้ำ

1.6 การมึนเมาจากสรุา

1.5 การรับประทานอาหารที่ที่อิ่มใหม่ๆ

1.4 สุขภาพผู้จมน้ำ

1.3 Diving reflexes

1.2 การสูดหายใจเข้าปอดเต็มก่อนที่จะจมน้ำ

1.1 อายุ

  1. ช่วงเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ
  1. อุณหภูมิของร่างกายหลังจมน้ำ

การสูดสำลักน้ำเข้าปอด

อุณหภูมิของร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว

การเผาผลาญลดลง

brain anoxia ช้าลง

CPR ภายใน 5 นาที โอกาสรอด 96%

CPR ภายใน 10 นาที โอกาสรอด 90%

การเปลี่ยนแปลงพยาธิสรรีภาพ

  1. การเปลี่ยนแปลงระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ
  1. การเปลี่ยนแปลงระบบประสาท
  1. การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินหายใจและปอด

1.1 ผู้ป่วยมีการสูดสำลักสารน้ำ

1.1.1 Tonicity ของสารน้ำ

Hypotonic solution

Hypertonic solution

การจมน้ำจืด

surface tension ลดลง

Atelectasis

pneumonitis

hypoxia

การจมน้ำทะเล

(rupture alveoli)

hypoxia

pulmonary damage

lung compliance ลดลง

1.1.2 Toxicity

1.1.3 Particles และ micro-organism

1.2 ผู้ป่วยที่ไม่มีการสำลักน้ำ

สมองขาดออกซิเจน

neurogenic pulmonary edema

cerebral hypoxia

ภาวะสมองบวม

ภาวะ circuratory arrest

cerebral perfusion ลดลง

Ischemic brain

น้ำจืด

น้ำถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด

น้ำเค็ม

ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง

หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวาย

hemolysis

น้ำจากหลอกเลือดเข้าสู่ปอด

pulmonary edema

hypovolemia

ระดับเกลือเเร่ในเลือดสูง

หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวาย

  1. การเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่และกรดด่างในเลือด

เยื่อบุถุงลมอักเสบ

น้ำเค็มเกิด

acidosis

น้ำจืดเกิด

hyponatremia

hypochloremia

hyperkalemia

hypernatremia

hyperchloremia

hypermagnesemia

ถุงลมขาด

surfactant

atelectasis

pulmonary edema

PO2 metabolic acidosis

PCO2 respiratory acidosis

  1. การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในร่างกาย

T 32 - 28 องศา เกร็ง หัวใจเต้นช้า หายใจช้า

T 28 - 25 องศา หมดสติ หัวใจเต้นผิดปกติ

T 35 - 32 องศา สับสน หัวใจเต้นเร็ว

T 25 - 21 องศา หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น

T 37 - 35 องศา หนาวสั่น ทรงตัวไม่อยู่

  1. ถ้าคลำชีพจรไม่ได้
  1. ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง
  1. ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ
  1. ส่งผู้ป่วยที่จมน้ำไปที่โรงพยาบาลทุกราย

1 กรณีที่คนจมน้ำรู้สึกตัวดีสำลักน้ำไม่มาก

ดูแลร่างกายให้อบอุ่น

ปลอบโยนให้คลายความตกใจ

แนะน้าให้ไปพบแพทย์เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

กระตุ้นให้หายใจลึกๆ

เป่าปากช่วยหายใจทันที

จนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เอง

หากรู้สึกว่าลมเข้าปอดได้ไม่เต็มที่

มีน้ำอยู่ในท้อง

ให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ

ใช้มือ 2 ข้างวางอยู่ใต้ท้องผู้ป่วย

ยกท้องผู้ป่วยขึ้น

ช่วยไล่น้ำออกจากท้อง

จับผู้ป่วยพลิกหงาย

ทำการเป่าปากต่อไป

ทำการนวดหัวใจทันที

จับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง

เพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก

ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น

อย่าให้ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำทางปาก

รายที่หมดสติและหยุดหายใจ

ควรผายปอด ด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง