Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บาดเจ็บจากการคลอด (Birth injury) - Coggle Diagram
บาดเจ็บจากการคลอด (Birth injury)
การที่ทารกได้รับอันตรายจากกระบวนการคลอด ซึ่งส่งผลให้มีการบกพร่องของการทำงาน หรือความผิดปกติทางโครงสร้างของร่างกายทารกแรกเกิด
ปัจจัยเสี่ยง
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
การทำสูติศาสตร์หัตถการเพื่อช่วยคลอด
ภาวะอ้วนของหญิงตั้งครรภ์
การผ่าตัดคลอด
ทารกมีขนาดใหญ่
ปัจจัยอื่นๆทางด้านมารดา
2.การบาดเจ็บที่ศีรษะ
2.3
Subgaleal hemorrhage
มีเลือดออกคั่งอยู่ใน subgaleal space ระหว่าง periostreum ของกะโหลกศีรษะกับ aponeurosis จากการฉีกขาดของเส้นเลือด
2.4
*เลือดออกในสมอง (intracranial hemorrhage)
*พบทั้งในทารกคลอดครบกำหนดและคลอดก่อนกำหนด ทารกคลอดก่อนกำหนดมักเป็น periventricular หรือ intraventricular hemorrhage
โดยเกิดการฉีกขาดของเส้นเลือดในสมองส่วน subepenndymal germinal matrix
Subarachnoid hemorrhage
subdural hemorrhage
epidural hemorrhage
intraventricular hemorrhage
2.2
Cephalhematoma
เกิดจากการฉีกขาดของเส้นเลือดใต้ชั้น periostreum ทำให้มีเลือดออกใต้ต่อ periostreum ลักษณะที่ตรวจพบจะคลำได้เป็นก้อน ขอบเขตชัดเจน Cephalhematoma มักทำให้เสียเลือดเพียงเล็กน้อยแต่อาจทำให้เกิดภาวะซีดหรือตัวเหลืองได้
2.5
กะโหลกศีรษะแตก
พบในทารกที่ใช้เครื่องมือช่วยคลอด มักเป็นการแตกในแนวเส้นตรง ซึ่งพบร่วมกับ Cephalhematoma
2.1
Caput succedaneum
คือการบวมของบริเวณศีรษะเหนือ periostreum บริเวณที่บวมจะคลำขอบได้ไม่ชัดเจน ตรวจพบตั้งแต่แรกคลอด มักมีขนาดเล็กลงและหายไปเองภายใน เวลาเป็นชั่วโมงหรือ 2-3 วัน
1.การบาดเจ็บของ Soft tissue
พบบ่อย
Bruising and petechiae
ลักษณะผิวหนังบวมช้ำและมีจุดเลือดออก
Subcutaneous of necrosis
เกิดจากการขาดเลือดของเนื้อเยื่อไขมันบริเวณที่พบบ่อยคือไหล่และก้น
บาดแผลฉีกขาด
เป็นการบาดเจ็บจากการคลอดที่พบบ่อยที่สุดในการผ่าท้องคลอด ที่พบบ่อยคือ บริเวณส่วนนำ ส่วนใหญ่เกิดในรายที่ผ่าคลอดฉุกเฉินที่ต้องทำผ่าตัดอย่างรวดเร็ว
5. การบาดเจ็บของอวัยวะภายในช่องท้อง
พบไม่บ่อย ปัจจัยเสี่ยงได้แก่คลอดท่าก้นทางช่องคลอดและทารกที่มีขนาดใหญ่ การบาดเจ็บของอวัยวะภายในช่องท้องที่พบบ่อยที่สุด คือ
ตับแตก
3.การบาดเจ็บของกระดูกและกล้ามเนื้อ
3.1. การบาดเจ็บของกระดูก
กระดูกต้นแขนหัก
ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ คลอดติดไหล่ ทารกมีขนาดใหญ่ การคลอดท่าก้น การผ่าตัดในรายที่ทารกไม่ได้มีศีรษะเป็นส่วนนำ และทารกมีน้ำหนักแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์
กระดูกต้นขาหัก
มักพบในรายคลอดท่าก้นทางช่องคลอด
การหักของกระดูกอื่นๆ
ได้แก่กระดูกจมูก กระดูกขากรรไกร กระดูกใบหน้า และ septal cartilage อาจทำให้ทารกหายใจลำบากและมีปัญหาการดูดนม
การเคลื่อนหลุดของข้อต่อ
เกิดจากทารกอยู่ในท่าผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จากภาวะน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ
กระดูกไหปลาร้าหัก
กระดูกไหปลาร้าเป็นตำแหน่งที่พบการหักได้บ่อยที่สุดสำหรับทารกแรกคลอด มักสัมพันธ์กับการคลอดยากมีพยากรณ์โรคดี สามารถหายได้เองไม่มีผลระยะยาว ควรให้การปรึกษาพ่อแม่เพื่อลดความวิตกกังวล อาจให้ยาแก้ปวดและลดการเคลื่อนไหวของแขนเพื่อลดความเจ็บปวด
3.2 การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ sternocleidomastoid
อาจมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อหรือเยื่อหุ้มของกล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ขณะทำคลอดท่าก้น ทำให้เกิดเป็นก้อนเลือดในกล้ามเนื้อ เมื่อทารกโตขึ้นกล้ามเนื้อด้านที่มีการบาดเจ็บไม่สามารถยืดขยายได้เท่ากับข้างปกติ ทำให้เกิดภาวะคอเอียง (torticollis) ศีรษะของทารกจะเอียงไปทางด้านที่มีการบาดเจ็บต้องรักษาโดยการทำกายภาพบำบัด บางรายอาจต้องผ่าตัดรักษา
6. การบาดเจ็บของบริเวณใบหน้า
6.1
การบาดเจ็บของจมูก
เกิดได้จากการที่จมูกของทารกถูกกดอยู่กับกระดูก symphysis pubis หรือ promontory of sacrum หากรุนแรงอาจทำให้ทารกหายใจลำบาก ต้องได้รับการรักษาเพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติของกระดูกจมูก และ nasal septum
6.2
การบาดเจ็บบริเวณดวงตา
การบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณดวงตา ที่พบบ่อยได้แก่ หนังตาบวม retinal hemorrhage (มักหายในเวลา 1-5 วัน) subconjunctival hemorrhage (มักหายในเวลา 1-2 สัปดาห์) การบาดเจ็บอื่นๆ ซึ่งพบได้น้อย แต่สัมพันธ์กับการใช้คีมช่วยคลอด เช่น hyphema การแตกของกระดูกรอบดวงตา การบาดเจ็บของ lacrimal duct การบาดเจ็บของ lacrimal gland เป็นต้น ซึ่งภาวะดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากจักษุแพทย์
4. การบาดเจ็บของระบบประสาท
4.1
การบาดเจ็บของ Brachial plexus
พบได้บ่อย ปัจจัยที่สำคัญคือ ทารกมีน้ำหนักตัวมากและคลอดท่าก้น แบ่งได้ 3 ชนิด
3.T
otal brachial plexus paralysis
หากมีการบาดเจ็บของเส้นประสาทที่ประกอบเป็น brachial plexus ทั้งหมด ทำให้ทั้งมือและแขนของทารกมีอาการอ่อนแรง
2.
Klumpke paralysis
เกิดจาการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังระดับ C8 และ T1 อาจทำให้มือทารกข้างที่บาดเจ็บไม่มีแรง
1 .
Erb หรือ Duchenne paralysis
เกิดจากการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังระดับ C5 C6 และอาจมีการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังระดับ C7 ร่วมด้วย ทารกที่ได้รับการบาดเจ็บชนิดนี้ทารกจึงอยู่ในท่าแขนเหยียดตรง หมุนเข้าด้านในข้อศอกเหยียด ข้อมือและนิ้วมืองอ การทำงานของนิ้วมือมักปกติ
ภาวะนี้อาจเกิดในทารกคลอดปกติที่คลอดปกติเนื่องจากการช่วยคลอดต้องมีการดึงโน้มศีรษะเพื่อช่วยคลอดไหล่
4.2
Neonatal Brachial Plexus Injury (NBPI)
ส่วนใหญ่ NBPI จะหาย ภายใน 12 เดือนหลังคลอด ในบางการศึกษารายงานโอกาส หายสูงถึงร้อยละ 94 มีเพียงร้อยละ 10-18 ของทารกที่มี ภาวะ NBPI เท่านั้นที่ไม่หายภายใน 12 เดือน ซึ่งในกลุ่มนี้ มีความเสี่ยงที่ความพิการของเส้นประสาทจะเป็นแบบถาวร มากขึ้น
4.3
การบาดเจ็บของเส้นประสาทไขสันหลัง
พบไม่บ่อย เกิดจากการถูกดึงรั้งของบริเวณลำคอขณะช่วยคลอดไหล่หรืออาจเกิดจากการบิด
4.4
การบาดเจ็บของเส้นประสาทของใบหน้า
เกิดจากเส้นประสาทคู่ที่ 7 (facial nerve) ถูกกด อาจเกิดร่วมกับการคลอดโดยใช้คีม โดยจะเห็นร่องรอยของคีมบนใบหน้าของทารก ทำให้ทารกเคลื่อนไหวใบหน้าด้านเดียวกับที่มีการบาดเจ็บ หนังตาปิดไม่สนิท และไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อใบหน้าส่วนล่างได้ การพยากรณ์โรคดีมาก ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน จนถึงไม่เกิน 2 สัปดาห์
4.5
การบาดเจ็บของ Phrenic nerve
มักเกิดร่วมกับการบาดเจ็บของ brachial plexus ทารกจะมีอาการหายใจลำบาก เสียงหายใจลดลง มักพบอาการตั้งแต่แรกคลอด
4.6
การบาดเจ็บของ Laryngeal nerve
อาจทำให้เกิด paralysis ของเส้นเสียง ทำให้ทารกหายใจลำบาก เสียงแหบ ร้องเบา ไม่มีเสียงร้อง กลืนลำบากและสำลัก วินิจฉัยโดยการทำ direct laryngoscopy ภาวะดังกล่าวนี้มักหายได้เอง