Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด, download (1), omphalocele-vs…
การพยาบาลเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด
ความพิการแต่กำเนิด
major anomalies คือความผิดปกติที่ทำให้การทำงานของอวัยวะนั้นเสียไป และจำเป็นต้องได้รับการรักษา เช่น ปากแหว่งเพดานโหว
minoranomalies คือความผิดปกติที่ไม่มีผลให้การทำงานของอวัยวะเสียไป เช่น ติ่งบริเวณหน้าหู
การจำแนกความพิการแต่กำเนิดตามกลไกการเกิด
Malformation คือลักษณะของอวัยวะที่ผิดรูปร่างไป เกิดจากกระบวนการเจริญพัฒนาภายในที่ผิดปกติ อาจเกิดจากพันธุกรรมหรือสิ่งแวดล้อม
Deformation เกิดจากการที่มีแรงกระทำจากภายนอกทำให้อวัยวะ
ผิดรูปไปในระหว่างการเจริญพัฒนาของอวัยวะนั้น
Disruption คือ ภาวะที่โครงสร้างของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อผิดปกติจาก
สาเหตุภายนอกรบกวนกระบวนการ เจริญพัฒนาอวัยวะที่ไม่ใช่พันธุกรรม
Dysplasia เป็นความผิดปกติในระดับเซลล์ของเนื้อเยื่อพบในทุกส่วนของร่างกาย เช่นกลุ่มโรค skeletal dysplasia
สาเหตุของความพิการแต่กำเนิด
1.พันธุกรรม
ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะจากมารดาในระหว่างตั้งครรภ์
3.โรคติดเชื้อเช่น โรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ได้ไม่เกิน16 สัปดาห์ อาจมีผลทำให้เด็กในครรภ์ตาย แท้ง พิการ
4.มารดากินยาหรือเสพสารเสพติด
5.มารดาได้รับสารเคมีจากสิ่งแวดล้อม เช่น สารปรอท ทารกอาจพิการทางสมองได้
6.รังสีเอ๊กซ์ หรือรังสีแกมม่า รวมทั้งสารกัมมันตรังสีทางการแพทย์
7.ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ หรือ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
เช่น ครรภ์เป็นพิษ
:<3: ปากแหว่ง-เพดานโหว่ (Cleft-lip , Cleft-palate )
ปากเเหว่ง
ความผิดปกติบริเวณริมฝีปาก เพดานส่วนหน้าแยกออกจากกัน
เพดานโหว่
มีความผิดปกติบริเวณเพดานหลังแยกออกจากกัน เกิดได้ระยะทารกอยู่ในครรภ์มารดาช่วง 12 สัปดาห์
การวินิจฉัย
ตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ 13-14 สัปดาห์ ด้วย ultrasound
ซักประวัติเพื่อหาสาเหตุทางกรรมพันธุ์
การตรวจร่างกาย เพดานโหว่ โดยสอดนิ้วตรวจเพดานปากภายใน
อาการและอาการแสดง
การดูดกลืนผิดปกติ เนื่องจากอมหัวนมไม่สนิท ต้องใช้เเรงมากขึ้น
เกิดการสำลักเพราะไม่มีเพดานรองรับ เมื่อมีการกลืนอาหาร อาหารจะเลื่อนตัวไปในจมูก
หายใจลำบาก
อาจติดเชื้อในหูชั้นกลาง
การรักษา
ปากแหว่ง
อาจผ่าตัดอาจภายใน 48 ชม. หลังคลอด หรือเด็กมีอายุอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์ หรือ ใช้
กฎเกิน 10
เด็กอายุ 10 สัปดาห์ขึ้นไป น้ำหนักตัว 10 ปอนด์ฮีโมโกลบิน 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
เพดานโหว่
อาจใส่เพดานเทียม ปิดช่องโหว่ ให้ดูนมได้ เปลี่ยนเพดานทุก 1 เดือน
เมื่ออายุ 6-18 เดือน ผ่าตัดเพดานก่อนเด็กเริ่มหัดพูด
3 ปี ผ่าตัดเเก้ไขจมูก
5 ปี ปรึกษาทันตเเพทย์จัดฟัน
การพยาบาล
การพยาบาลระยะก่อนผ่าตัด
บิดา มารดากังวลเกี่ยวกับความพิการ
ผู้ดูเเลความรู้ในการดูเเลเเละโรค
เสี่ยงต่อการตอดเชื้อทางเดินหายใจ/หูชั้นกลาง/การอุดกั้นจากสำลัก
มีโอกาสขากสารน้ำจากการดูดกลืนผิดปกติ
บิดา มารดาผู้ดูเเลความรู้ในการดูเเลเเละโรค
2) พยาบาลควรให้ความชัดเจนในกรณีเมื่อไม่เข้าใจ
3) สอนการป้อนนมอย่างถูกวิธี
4) แนะนำการดูแลในระยะก่อน หลังผ่าตัด
5) เสริมแรง ให้กำลังใจ
1)ประเมินความรู้ความเข้าใจของบิดามารดา
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
มีโอกาสขาดสารน้ำสารอาหาร
ดูแลให้นมอย่างถูกวิธี
รักษาความสะอาดช่องปาก
เตรียมลูกยางแดงสำหรับดูดเสมหะ
สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้
ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
ถ้าน้ำหนักไม่ขึ้น ได้รับนมไม่เพียงพอ รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาใส่สายให้ อาหาร
การให้นม/อาหารอย่างถูกวิธี
ขณะให้อาหารจัดท่าศีรษะสูงประมาณ 30-45 องศา จะได้ไม่สาลัก
ใช้ Artificial nipple จุกนมต้องยาวเด็กจะได้ดูดสะดวก
ถ้าเด็กดูดไม่ได้ใช้ช้อนป้อน /
หลอดหยด
ดูดครั้งละน้อยๆ บ่อยครั้ง ใส่เพดานเทียมก่อนให้ดูดนม ก่อน-หลังใช้เพดานเทียมต้องทำความสะอาด
จับไล่ลมเป็นระยะๆ หลังให้นมนอนศีรษะสูง 30 องศาตะแคงขวาให้ใบหน้า
ในเด็กหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เป็นเมล็ด
การใส่ NG tube จะเป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีที่เด็กมีปัญหาไม่สามารถ feed ได้ด้วยวิธีอื่นๆ
บิดา มารดากังวลเกี่ยวกับความพิการ
2) เปิดโอกาสให้บิดามารดาได้ซักถามถึงอาการเจ็บปุวย อาการและอาการแสดงของเด็ก
3) ให้ข้อมูล เเนะนำ เกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย
4) ปลอบโยนให้กำลังใจกระตุ้นให้บิดามารดาคอยดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด
1.ประเมินความวิตกกังวลของบิดามารดาของผู้ปุวยเพื่อหาแนวทางแก้ไขหรือการให้ข้อมูลได้ถูกต้อง :
เป้าหมาย
ดูแลให้เด็กมีการเจริญเติบโตเเละพัฒนาการปกติ ร่วมกับการจัดความผิดปกติ
การพยาบาลหลังผ่าตัด
เสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก/ เลือดออก/ ติดเชื้อ
ไม่สุขสบายเนื่องจากแผลผ่าตัด
เสี่ยงต่อการหายใจไม่มีประสิทธิภาพหลังได้รับยาระงับความรู้สึก
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจจากการสำลัก
มีโอกาสขาดน้้ำและสารอาหารเนื่องจากข้อจำกัดในการดูดกลืนหลังผ่าตัด
บิดามารดา ขาดความรู้ความเข้าใจการดูแลทารกหลังผ่าตัด
เสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก/ เลือดออก /ติดเชื้อ
ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังดูแลผู้ปุวย
ผูกยึดข้อศอกทั้งสองข้าง (elbow restraint) ไม่ให้งอประมาณ 2-6สัปดาห์ หลังผ่าตัดหรือตามแผนการรักษาของแพทย์
สอนผู้ดูแลเกี่ยวกับการผูกยึดข้อศอก
งดใส่สายยางดูดเสมหะเข้าช่องปาก
ไม่ให้ดูดนม 1 เดือน การให้นมโดยใช้ช้อน หลอดหยด syring
สังเกตอาการแผลมีเลือดออก การสีสิ่งคัดหลั่ง กลิ่น การอักเสบ
หากร้องไห้ ปลอบโยนให้ทำให้สงบโดยเร็ว
ทำความสะอาดแผลเย็บปากแหว่งด้วย NSS ป้ายด้วยยาปฏิชีวนะ
ดูแลไม่ให้เด็กติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
ไม่สุขสบายเนื่องจากแผลผ่าตัด
ประเมินความเจ็บปวดโดยสังเกตพฤติกรรม การร้อง
ประเมินสัญญาณชีพ ชีพจร การหายใจ ความดันโลหิต
ดูแลให้ไดรับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
ส่งเสริมความสุขสบายเพื่อลดความปวดโดยการสัมผัส การกอด
ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล
เสี่ยงต่อการหายใจไม่มีประสิทธิภาพหลังได้รับยาระงับความรู้สึก
สังเกตอาการบวมของแผลผ่าตัด/โพรงจมูกทั้งสองข้าง
ประเมินการหายใจเสียงหายใจ การติดตามค่า oxygen satulation
จัดท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน หรือนอนตะแคงหน้าเพื่อให้เสมหะระบายออก
กรณีมีเสมหะ ดูดเสมหะด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังอย่าให้ กระทบกระเทือนแผล
พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง
มีโอกาสขาดน้ำและสารอาหารเนื่องจากข้อจำกัดในการดูดกลืนหลังผ่าตัด
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการ
รักษา
การให้นมหลังผ่าตัด
จัดท่านอนศีรษะสูง
หยดเข้าทางกระพุ้งแก้ม
งดดูดนมขวดประมาณ 1 เดือน
ชั่งน้ำหนักทารกวันละครั้ง
บิดามารดา ขาดความรู้ความเข้าใจการดูแลทารกหลังผ่าตัด
การทำความสะอาดแผลผ่าตัด
การสังเกตความผิดปกติ
ห้ามล้วงปาก งดนอนคว่ำ
งด ดูด เป่า ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์
ควรได้รับการสอนฝึกพูดเสมอ
การตรวจตามนัด
คำถาม :red_flag:
:star: 1.ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ในระยะก่อน ผ่าตัด คือเรื่องใด มีวิธีการป้องกันอย่างไร
-เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ : /หูชั้นกลาง / การอุดกั้นทางเดินหายใจจากการสำลัก
-ดูแลให้นมอย่างถูกวิธีั
-รักษาความสะอาดช่องปาก
-เตรียมลูกยางแดงสำหรับดูดเสมหะ
-สังเกตอาการ หายใจผิดปกติ ไอ ไข้
:star: 2.การผ่าตัดปากแหว่ง ควรทำ เมื่อใด/ การผ่าตดัเพดานโหว่ควรทำ เมื่อใด
-ปากเเหว่ง : อาจทำภายใน 48 ชม. หลังคลอดในรายที่
เด็กสมบูรณ์ดีหรือรอมีอายุอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์
-เพดานโห่ว่ : อายุประมาณ 6- 18 เดือน คือก่อนเด็กเริ่มหัดพูด เเละไม่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจ
:star: 3.หลังผ่าตัด การดูแลเพื่อป้องกันแผลแยกทำอย่างไร
-(elbow restraint) ไม่ให้งอประมาณ 2-6
สัปดาห์ หลังผ่าตัดหรือตามแผนการรักษาของแพทย์
-งดใส่สายยางดูดเสมหะเข้าช่องปาก
-ไม่ให้ดูดนม 1 เดือน การให้นมโดยใช้ช้อน หลอดหยด syring
-ใส่ logan bow จนกว่าแผลจะติดดี
-ห้ามอ้าปากทารกกว้างๆเพื่อป้องกันแผลแยก
-หลีกเลี่ยงเอาของเเข็งเข้าปาก
:star: 4. หลังผ่าตัดทารกควรนอนท่าใด
-จัดท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน หรือนอนตะแคงหน้าเพื่อให้เสมหะระบายออก
:star: 5.หลังผ่าตัดทารกจะดูดขวดนมได้เ้มื่อใด
-ประมาณ 1 เดือน
:<3:Esophageal stenosis/fistula/atresia
หลอดอาหารตีบ/รั่ว/ตัน
อาการ
น้ำลายไหลมาก อาเจียน ไอ สำลัก อา
อาหารและเมือกเข้าสู่ทางเดินหายใจ อาจพบอากาศในกระเพาะ
การพยาบาลก่อนผ่าตัดแก้ไขหลอดอาหาร
อาจเกิดภาวะปอดอักเบหายใจลำบาก หรือหยุดหายใจเนื่องจากสำลัก
จัดท่านอนที่เหมาะสม
พลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
0n NG tube ต่อ Continuous suction
ให้ออกซิเจนกรณีมีภาวะพร่องออกซิเจน
ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
อาจได้รับสารน ้าและสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากไม่สามารถ
รับประทานอาหารทางปากได้
ดูเเลให้ได้รับสารน้ำ
ดูเเลให้สารอาหารทางGastrostomy tube
การพยาบาลหลังผ่าตัด
อาจเกิดภาวะปอดเเฟบจากการอุดตันของท่อระบายทรวงอก
จัดท่านอนศีรษะสูง
ตรวจสอบการทำงานของ ICD\
ระวังสายหัก พับงอ
อาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดและแผล Gastrostomy
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาล
ทำแผลอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
สังเกตการติดเชื้อ
ให้ Antibiotic ตามแผนการรักษา
คำถาม:red_flag:
:star: 1.อาการอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารตีบคืออะไร
-น้ำลายไหลมาก อาเจียน ไอ สำลัก เอาอาหารเเละเมือกเข้าสู่ทางเดินหายใจ
:star:2.อาการอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าหลอดอาหารมีรูรั่วคืออะไร
:star:3.การให้นม TE fistula ทำอย่างไร
-ดูเเลให้นมทาง Gastrostomy tube
:star:4.การดูแล Gastrostomy ทำอย่างไร
-ทำแผลอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
-ไม่ควรนอนเหยียดคอ เพราะอาจทำให้หลอดอาหารตึงและแผลผ่าตัดแยก
:<3:Anorectal malformation
เป็นความพิการแต่กำเนิดที่ไม่มีรูทวารหนักเปิดให้อุจจาระออกจากร่างกายได้(imperforate anus) หรือ ตีบเคบ
ชนิดของความผิดปกติิ
Anal stenosis รูทวารหนักตีบแคบ
Imperforate anal membrane มีเยื่อบางๆปิดกั้นรูทวารหนัก
Anal agenesis รูทวารหนักเปิดผิดที่
Low type
Intermediate type
High type
• Rectal atresia ลำไส้ตรงตีบตัน
อาการและอาการแสดง
ไม่มีการถ่ายขี้เทา ภายใน 24 ชั่วโมง
ไม่พบรูเปิดทางทวารหนักหรือพบเพียงรอยช่องเปิดของทวารหนักเท่านั้น
ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้หากมีการอุดตันของสำไส้
กระสับกระส่าย อืดอัด ไม่สบายเนื้อสบายตัว
แน่นท้อง ท้องอืด
ปวดเบ่งอุจจาระ
ตรวจพบมีกากอาหารค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
การวินิจฉัย
• การตรวจร่างกาย
• การตรวจรังสีวินิจฉัย X ray
• ultrasound เ
• CT scan
• MRI
การรักษา
เป้าหมาย
การรักษาพยาบาล เพื่อ ผู้ปุวยสามารถถ่ายอุจจาระได้ มี
ความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ และกลั้นอุจจาระได้
ความผิดปกติ low type มีการรักษา 3 วิธี
การถ่างขยายทวารหนัก โดยใช้ hegar metal dilators
การผ่าตัด anal membrane ออก
การผ่าตัดตบแต่งทวารหนัก (anoplasty)
ความผิดปกติ intermediate และ high
การทำทวารหนักเทียมทางหน้าท้อง (colostomy)
การผ่าตัดตบแต่งทวาร (anoplasty) ภายหลังผ่าตัดประมาณ 2สัปดาห์
การพยาบาล
ในระยะขยายทวารหนัก
ให้ความรู้บิดามารดาเกี่ยวกับการดำเนินของโรค
สอนการดูแลในการถ่างขยายรูทวารหนัก
แนะน าให้บิดามารดาให้อาหารตามวัยของเด็กที่มีประโยชน์มีกากใยสูง
หลังผ่าตัดเปิด colostomy
หลังผ่าตัดสัปดาห์แรกทำความสะอาดด้วยน้ าเกลือล้างแผล
เลือกขนาดของปากถุง ให้ครอบปิดกระชับพอดีกับขนาดทวารเทียม
ทิ้งอุจจาระถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง ¼-1/3 ของถุง
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังรอบๆทวารเทียม
สังเกตภาวะแทรกซ้อนของทวารเทียม
แนะน าการมาตรวจตามนัด
ผ่าตัดตกแต่งทวารหนัก (anoplasty)
เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดทวารหนัก
-- ดูแลความสะอาดผิวหนังรอบๆทวารหนักด้วยน้ำ
-- สังเกตการติดเชื้อ ไข้ ปวด บวม แดง ร้อน
-- ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดรูทวารหนัก 8-10 วัน
บิดา มารดา ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลแผลผ่าตัด
-- ระยะหลังผ่าตัด 7-10 วันไม่ให้นอนกางขา นั่ง
-- ให้ความรู้การถ่างขยายทวารหนัก
-- ให้คำแนะนำเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
คำถาม:red_flag:
:star:1.สังเกตการไม่มีรูทวารหนักทารกหลังคลอดอย่างไร
-ไม่มีการถ่ายขี้เทา ภายใน 24 ชั่วโมง
-ไม่พบรูเปิดทางทวารหนัก
-กระสับกระส่าย อืดอัด
-ตรวจพบมีกากอาหารค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
:star:2.การดูแล colostomy ทำอย่างไร
-สัปดาห์เเรกทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล
-ทิ้งอุจจาระถ้ามีปริมาณอุจจาระในถุง ¼-1/3 ของถุง
-แนะนำอาหารย่อยง่ายมีโปรตีนสูง แคลอรีสูง มีกากใยมาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้มีแก๊ส
:star:3.อายุที่เหมาะสมในการฝึกการขับถ่าย
-เมื่ออายุ 18-24 เดือน โดยนั่งกระโถนเช้า เย็น
:star:4.หลังผ่าตัดทำรูทวารหนัก ป้องกันการตีบแคบได้อย่างไร
-ใช้เทียนไขเหลาเท่าขนาด hegar ถ่างขยาย สม่ำเสมอ
:star:5.วิธีการฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อช่วยในการขับถ่ายทำอย่างไร
-ฝึกหนีบลูกบอล ออกก าลังกายโดยการวิ่ง หรือว่ายน้ำ
:<3:Omphalocele/ Gastroschisis
Omphalocele
ผนังหน้าท้องพัฒนาไม่สมบูรณ์ ท ำให้ช่องท้องไม่ปิด
gastroschisis
ผนังช่องท้องพัฒนาสมบูรณ์ ไส้เลื่อนสะดือแตกตอนทารกอยู่ในครรภ์
การวินิจฉัย/อาการ
ultrasound อายุครรภ์ 10 สัปดาห์
หลังคลอดพบผนังหน้าท้องซึ่งมักจะอยู่ขวาต่อสายสะดือเป็นช่องโหว่ มีอวัยวะภายในออกมา
ุณหภูมิกายต่ำ เด็กตัวเย็น จากน้ำระเหยจากผิวของลำไส้
การรักษา
จุดประสงค์
เพื่อปิดผนังหน้าท้อง ลดภาวะแทรกซ้อน ให้ทารกหายเร็วที่สุด
การรักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องตั้งแต่ระยะแรก (primary closure) เป็นการปิดหน้าท้องตั้งแต่ระยะแรกโดย ดันลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง
การผ่าตัดปิดหน้าท้องเป็นขั้นตอน (staged closure) ในกรณีดันลำไส้กลับเข้าในช่องท้องทำให้ผนังหน้าท้องตึง ไม่สามารถเย็บปิด fascia ได้ แพทย์ทำถุงให้ลำไส้อยู่ชั่วคราว แล้วค่อยๆ บีบถุงไล่ลำไส้กลับเข้าช่องท้อง ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน และมักไม่เกิน 7 วัน หลังจากนั้นเย็บปิดผนังหน้าท้อง
การพยาบาล
ก่อนผ่าตัด
keep warm
พยายามทำให้ลำไส้สะอาด ปิดคลุมลำไส้ด้วยผ้า gauze ที่ชุบ normal saline
พยายาม ปั้นประคองกระจุกล าไส้ให้ตั้ง โดยการใช้ผ้า gauze ม้วนพันประคองไว้ไม่ให้ล้มพับ
ดูแลให้ systemic antibiotics ตามแผนการรักษา
ขณะรอการผ่าตัดเย็บปิดผนังหน้าท้อง
keep warm
นอนตะแคงข้างเพื่อลดโอกาสที่เลือดจะมาเลี้ยงลำไส้ไม่สะดวก
ดูแลให้ได้รับสารน้ าทางหลอดเลือดดำ
ระยะหลังผ่าตัด
ดูแลให้ได้รับสารน้ำสาร
ติดตามการท างานของลำไส้ ฟัง bowl sound
สังเกตอาการระวังการเกิด
Abdominal compartment syndrome
Abdominal compartment syndrome
การที่ความดันในช่องท้อง(Intra-abdominal pressure: IAP) เพิ่มสูงขึ้น > 20 mmHg
คำถาม :red_flag:
:star:1.Gastroschisis กับ Omphalocele แตกต่างกันอย่างไร
-Gastroschisis คือผนังหน้าท้องสมบูรณ์ เเต่ใส้เลื่อนเเตกตอนอยู่ในครรภ์ เเต่ Omphalocele ผนังหน้าท้องพัฒนาไม่สมบูรณ์ ท าให้ช่องท้องไม่ปิด
:star:2.เด็กดูแลในระยะดันลำไส้กลับในช่องท้องเด็กต้องจัดท่านอนอย่างไร เพราะเหตุใด
-จัดให้นอนตะแคงข้างเพื่อลดโอกาสที่เลือดจะมาเลี้ยงลำไส้ไม่สะดวก
:star:3.การฟัง bowl sound หลังผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องเด็ก มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
-หาก 3 สัปดาห์แล้ว bowel function ยังไม่กลับมา อาจมี bowel obstruction
:star:4.ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดปิดผนังหน้าท้องเด็ก ต้องระวังภาวะใด มีอาการและ
อาการแสดงอย่างไร
-ระวัง Abdominal compartment syndrome มีอาการเเละอาการเเสดง ท้องอืดอย่างรุนแรง ปัสสาวะออกน้อยลง central venous pressure สูงขึ้น ความดันในช่อง
อกสูงขึ้น
รูเปิดท่อ ปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปกติ
(hypospadias)
ความผิดปกติ ที่รูเปิด ท่อปัสสวะไปเปิดที่ ด้านบน ขององคชาต
ผลกระทบ
ปัสสาวะไม่พุ่งไปข้างหน้า เเต่ไหลไปตามถุงอัณฑะ
องคชาตงอเมื่อเเข็งตัว
ทำให้สูญเสียคามมั่นใจ
การแบ่งความผิดปกติของรูเปิดท่อปัสสาวะ
Anterior or distal or mild รูเปิดท่อปัสสาวะ
มาเปิดทางด้านหน้า หรือ บริเวณส่วนปลายขององคชาต
Middle or moderate: รูเปิดท่อปัสสาวะอยู่
กลางขององคชาต
Posterior or proximal or severe: รูเปิดท่อ
ปัสสาวะอยู่ที่ใต้องคชาต
การรักษา
ผ่าตัดในรายที่รูเปิดต่ำกว่าปกติเล็กน้อย เเต่เวลาถ่ายปปัสสาวะ ไม่พุ่งตรง
การผ่าตัด
ผ่าตัดแบบขั้นตอนเดียว
(one-stage repair )เป็นการผ่าตัดแก้ไขให้
องคชาต ยืดตรง (orthoplasty) พร้อมกับการตกแต่งท่อปัสสาวะ (urethroplasty) ทำรู เปิดท่อปัสสาวะให้อยู่ที่ปลายองคชาต
ผ่าตัดแบบ 2 ขั้นตอน
(two-staged repair)
Orthoplasty ผ่าตัดแก้ไขภาวะองคชาต โค้งงอ (penile curvature)โดยตัดเลาะเนื้อเยื่อที่ดึงรั้ง เพื่อให้องคชาตยืดตรง
Urethroplasty หลังผ่าตัด orthoplastyแล้ว 6 เดือน เพื่อให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ผ่าตัดมาแล้ว อ่อนนุ่ม จึงกลับมาท าผ่าตัดในขั้นตอนของการตกแต่ง ท่อปัสสาวะ
การพยาบาล
ก่่อนผ่าตัด
อธิบายขั้นตอนการเตรียมการก่อนผ่าตัด
ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น ผลของการผ่าตัด
หลังผ่าตัด
ยึดสายที่ต่อจากuretra ให้อยู่บริเวณหน้าท้องหรือต้นขา
ประเมินบริเวณสาย cystostomy ไม่ให้เกิด การติดเชื้อ
ให้ ผู้ปกครองอยู่ดูแลเด็กอย่าง ใกล้ชิด อธิบายให้เข้าใจถึงสภาพเด็กที่มีแผลผ่าตัด
คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
กระตุ้นให้เด็ก ดื่มน้ำมากๆ ทุกวัน
ห้ามเด็กเล่นทราย ขี่จักรยานหรือนั่งคร่อม
ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้เปียก ทำความสะอาด
ทำความสะอาดให้เด็กภายหลังการถ่ายอุจจาระ
ภายหลังการเอาสายสวนปัสสาวะออก ักษณะการถ่าย
ปัสสาวะเป็นลำพุ่งดี หรือไม่
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
เลือดออก
เกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะ
มีรูตรงบริเวณรอยต่อระหว่างรูเปิดท่อปัสสาวะ เก่าเเละที่สร้างใหม่
องคชาตงอ
เกิดการติดเชื้อ
คำถาม :red_flag:
:star:1.การรักษา hypospadia โดยการผ่าตัดควรทำเมื่อใด เพราะเหตุใด
-อายุ 6- 18 เดือน เเต่ไม่ควรเกิน 2 ปี เนื่องจากเด็กเริ่มเรียนรู้เรื่องเพศ หากไม่รีบเเก้ไข อาจมีผลต่อพัฒนาการด้านจิตใจ
:star:2.ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดมีอะไรบ้าง
-เลือดออก
-เกิดการตีบตันของรูเปิดท่อปัสสาวะ
-มีรูตรงบริเวณรอยต่อระหว่างรูเปิดท่อปัสสาวะ เก่ากับท่อปัสสาวะที่
-สร้างใหม่
-องคชาตยังโค้งงอ
-เกิดการติดเชื้อ
:star:3.คำแนะนำในการดูแลหลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้านทำอย่างไร
-กระตุ้นให้เด็ก ดื่มน้ำมากๆ ทุกวัน
-ห้านเล่นทราย ว่ายน้ำ นั่งคล่อม เพราะอาจทำให้ติดเชื้อ หรือท่อปัสสาวะเคลื่อน
-ดูเเลเเผลผ่าตัดให้สะอาด ไม่เปียก
-เเนะนำการดูเเลความสะอาด องคชาตที่คาสายสวนปัสสาวะ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ (antiseptic
solution) ทำความสะอาดปลายองคชาต วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น วิธีเทปัสสาวะ เเละการดูเเลถุงปัสสาวะให้อยู่ต่ำกว่าเอว เเละอยู่ในระบบปิด