Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการเมแทบอลิซึม by Chutipa 19 - Coggle Diagram
กระบวนการเมแทบอลิซึม
by Chutipa 19
Energy and Metabolism
เอนไซม์เป็นตัวควบคุมเพื่อให้เกิดกระบวนการเมแทบอริซึม
พลังงานที่ได้จะอยู่ในรูปความร้อน มีหน่วยแคลอรี
1 cal = น้ำ 1 g มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1°C
พลังานหน่วย J
ปริมาณความร้อน 1 J = แรง1 Nทำให้วัตถุเคลื่อนที่ 1 m
ความร้อนที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า 1A เคลื่อนผ่านตัวกลางมีความต้านทาน 1Ωใน1วินาที
ความสัมพันธ์รหว่าง J และ cal
1cal = 4.184 J
การเปลี่ยนแปลงของพลังงาน
และปฏิกิริยาเคมี
Endergonic
ปฏิกิริยาเคมีที่ใช้พลังงานหรือดูดพลังงาน เพื่อให้เกิดปฏิกิริยา เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นเองไท่ได้ มีค่าเป็นบวก(G+)
พลังงานที่อยู่ในสารเคมี เรียกว่า พลังงานอิสระของกิบส์
Exergonic
ปล่อยพลังงาน ขณะเกิดปฏิกิริยาเคมี สามารถเกิดขึ้นเองได้ มีค่าเป็นลบ(G-)
FAD&NAD
FAD (flavin adenine dinucleotide) มีโครงสร้างและหน้าที่คล้ายๆ กับ NAD (nicotinamide adenine dinucleotide)
สูตรโครงสร้าง
FAD ประกอบด้วย riboflavin(B2)
NAD ประกอบด้วย niacin(B3)
ทั้งสองทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ในการถ่าย e- ช่วยให้เอนไซม์ dehydrogenase ทำหน้าที่โยกย้ายโฮโดรเจนจากโมเลกุลหนึ่งไปอีกโมเลกุลหนึ่ง
Carbohydrate metabolism
Aerobic respiration
Link reaction
pyruvate เข้าไปในไมโตรคอนเดรีย แล้วเปลี่ยนเป็น acetyl CoA
โดยเอนไซม์pyruvate dehydrogenase complex
ซึ่งประกอบด้วย3 เอนไซม์ และต้องการ coenzyme 5 ชนิด
คือTPP, lipoamide , NAD+,FAD, Coenzyme A
Krebs's cycle
เกิดในไมโตรคอนเดรีย
1 Acetyl CoA →3 NADH + 1 FADH2 + GTP (ATP)
Electron transport chain
&
oxidative phosphorylation
มีการสร้างพลังงานเกิดขึ้น จากการถ่ายทอดอิเล็คตรอนจาก NADH, FADH2ไปให้ออกซิเจน ผ่าน enzyme complex 3 ชนิด
มีProton motif force เกิดขึ้นประกอบด้วย
pH-gradient และ membrane potential
เกิดที่ inner membrane ของไมโตรคอนเดรีย
Shutter system
Malate-aspartate shuttle
•เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ไต ตับ
NADH → 1 NADH = 3 ATP / 2.5 ATP
Glycerophosphate shuttle
•เซลล์สมอง กล้ามเนื้อ
1 NADH → 1 FADH = 2 ATP / 1.5 ATP
Anaerobic respiration
ATP ที่ได้จะมาจากกระบวนการ substrate-level phosphorylation ขณะที่กลูโคสเปลี่ยนเป็นไพรูเวต
ผลผลิตสุดท้าย จากกระบวนการหมัก อาจจะเป็นแอลกอฮอล์ (ethanol)(ในยีสต์) หรือแลกเตต (lactate ) ( ในแบคทีเรียบางชนิด และ ในกล้ามเนื้อ)
ในกระบวนการหมักกรดแลกติก ผลผลิตสุดท้ายของไกลโคลิซีสคือ ไพรูเวตทาหน้าที่เป็นตัวรับอิเล็กตรอนเพื่อจะออกซิไดซ์ NADH กลับไปเป็น NAD +
การควบคุมเมตาบอลิซึม
ฮอร์โมนอินซูลิน –ส่งเสริมการสร้างไกลโคเจนในเซลล์ตับ กล้ามเนื้อ และในเนื้อเยื่อไขมัน
ฮอร์โมนอะดรีนาลีน –กระตุ้นการสลายไกลโคเจนในกล้ามเนื้อได้ Glucose –1-Phosphate เพื่อส่งเข้าสู่วิถีไกลโคไลซีส
ฮอร์โมนกลูคากอน –กระตุ้นการสลายไกลโคเจนในตับได้เป็นกลูโคสส่งไปให้กล้ามเนื้อและรักษาระดับน้าตาลในเลือด
ATP
Phosphorylation
Supstrate phosphorylation
สารหนึ่งถ่ายทอดหมู่ฟอสเฟต มีพลังงานสูงกว่าในADPโดยตรงกลายเป็นATP
Oxidative phosphorylation
ADP กับฟอตเฟส รวมตัวกัน
ในขณะถ่ายอิเล็กตรอน
สารที่มีพันธะเคมีพลังงานสูง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำเอาพลังงานจากที่หนึ่งไปใช้อีกที่หนึ่ง
กฎอุณหพลวัต
พลังงานที่เปลี่ยนรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหนึ่งโดยพลังงานไม่สูญหาย
เรียกว่า กฎการคงอยู่ของพลังงาน
การเปลี่ยนรูปพลังงาน
Electrochemical
ถ่ายพลังงานเคมีสารหนึ่งไปสารหนึ่ง โดยกรถ่ายอิเล็กตรอน
Chemical
เปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาเคมี
Photochemical
เปลี่ยนรูปพลังงานแสงเป็นพลังงานเคมี
Mechamical
เปลี่ยนพลังงานเคมีเป็นพลังงานกล