Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์, จิดาภา…
บทที่ 3 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์สำหรับพยาบาล
และการกระทำความผิดที่พบบ่อย
องค์ประกอบของนิติกรรม
การกระทำโดยเจตนา
เป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยใจสมัคร เพื่อให้บุคคลภายนอก
รับรู้ถึงเจตนาของตนที่จะทำนิติกรรมตามกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นการแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง หรือการแสดงเจตนาโดยปริยาย
การแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง
อาจทำโดยวาจา เป็นลายลักษณ์อักษร หรือแสดงกิริยาที่ทำให้ เข้าใจอย่างหนึ่งอย่างใด
การแสดงเจตนาโดยปริยาย
เป็นการแสดงเจตนาไม่ชัดแจ้งแต่การกระทาอื่นๆ ที่ทำให้ต่าง ฝ่ายต่างเข้าใจว่า มีความประสงค์ใดในกิริยาเช่นนั้น
การกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
การกระทำที่กฎหมายให้อำนาจบุคคลกระทาได้ โดยชัดแจ้ง หากนิติกรรมที่กระทำนั้นขัดต่อกฎหมาย ความสงบ เรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นการกระทำที่พ้นวิสัยที่มนุษย์จะทาได้ ให้ถือเป็นโมฆะ กล่าวคือ ไม่เกิดนิติกรรมที่กระทาตั้งแต่ต้น
นอกจากนี้นิติกรรมที่ทาขึ้นกับผู้หย่อนความสามารถ จะมีผล เป็นโมฆียะ กล่าวคือ มีผลใช้ได้จนกว่าจะบอกล้างหรือให้สัตยาบัน
ผู้กระทำต้องแสดงออกในฐานะที่เป็นเอกชน
ผู้กระทำนิติกรรมต้องแสดงออกใน
ฐานะเอกชน มิใช่เจ้าพนักงานของรัฐ
ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวสิทธิ
ผลของการกระทาที่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งแก่คู่กรณีตามนิติกรรมนั้นๆ
ประเภทของนิติกรรม
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามการมีผลของนิติกรรม
นิติกรรมที่มีผลขณะผู้แสดงเจตนายังมีชีวิต
เช่น สัญญาการซื้อขาย สัญญาการใช้ทุนการศึกษา เป็นต้น
นิติกรรมที่มีผลขณะผู้แสดงเจตนาไม่มีชีวิต
เช่น พินัยกรรม เป็นต้น
นิติกรรมที่พจิารณาแบ่งตามค่าตอบแทน
นิติกรรมที่มีค่าตอบแทน
เช่น สัญญาจ้างงาน สัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน เป็นต้น
นิติกรรมที่ไม่มีค่าตอบแทน
เช่น การให้โดยเสน่หา สัญญายืมเงินโดยไม่มีดอกเบี้ย เป็นต้น
นิติกรรมที่พิจารณาแบ่งตามจานวนคู่กรณี
นิติกรรมฝ่ายเดียว
นิติกรรมที่เกิดผลโดยการแสดงเจตนาของบุคคลเพียง
ฝ่ายเดียว และมีผลผูกพันทางกฎหมาย เช่น พินัยกรรม
นิติกรรมหลายฝ่าย
นิติกรรมที่เกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาของบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป และทุกฝ่ายตกลงยินยอมตามข้อตกลง เช่น สัญญาใช้ทุนการศึกษา
นิติกรรม
การกระทำของบุคคลด้วยใจสมัครและถูกต้องตามกฎหมาย มุ่งให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับสิทธิระหว่างบุคคล
ความสามารถของบุคคลใน
การให้การยินยอมรักษาพยาบาล
บุคคล
สิ่งซึ่งสามารถมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งนี้กฎหมายไม่จำกัดเฉพาะมนุษย์เท่านั้น ที่เป็นบุคคล แต่รวมไปถึงสิ่งต่างๆ ที่กฎหมายบัญญัติรับรองการเป็นบุคคล
กฎหมายแพ่งจึงแบ่งสถานะ
ของบุคคลออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
บุคคลธรรมดา
ส่วนการตาย ตามกฎหมายมี 2 กรณี
การตายโดยธรรมชาติ
การป่วยตาย แก่ตาย ทำให้สภาพ บุคคลสิ้นสุด ก่อให้เกิดผลทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา
ในทางแพ่งบรรดาสิทธิหน้าที่ ความรับผิด และทรัพย์สินของผู้ตาย ย่อมตกทอดไปยังทายาท
ในทางอาญา โทษของผู้ตายที่ กระทาผิด ย่อมระงับไปเพราะความตายของบุคคลนั้น
กรณีที่บุคคลหลายคนตายในเหตุอันตรายร่วมกัน เช่น เครื่องบินตก สึนามิ แผ่นดินไหว เป็นต้น กฎหมายสันนิษฐานว่าคนตายเหล่านั้นตายพร้อมกัน หากผู้ตายเป็น ญาติมีสิทธิรับมรดกซึ่งกันและกัน
การสาบสูญ
รวมทั้งศาลมีคาสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญ มีผลให้บุคคลนั้น เป็นคนตายตามกฎหมาย บรรดาสิทธิหน้าที่ ความรับผิดและทรัพย์สินของบุคคลนั้น ย่อมตกทอดไปยังทายาท
การที่บุคคลได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่า บุคคลนั้น ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เป็นเวลาติดต่อกัน 5 ปี ในเหตุการณ์ปกติ หรือเป็นเวลา 2 ปี ในกรณีที่มีเหตุอันตรายจาก การรบ หรือยานพาหนะอับปาง
ในทางกฎหมายกาหนดให้สภาพบุคคลเริ่มตั้งแต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก และสิ้นสุดลงเมื่อตาย ถ้าทารกหายใจ ถือว่ามีสภาพบุคคล ก่อให้เกิดสิทธิในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของทารกตามกฎหมาย
นิติบุคคล
สิ่งซึ่งกฎหมายสมมติให้เป็นบุคคล เพื่อให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย และภายในวัตถุประสงค์ที่จดทะเบียน
นิติบุคคลอาจเป็นคนกลุ่มหนึ่ง ทรัพย์สิน หรือกิจการประเภทหนึ่งที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่ สมาคม มูลนิธิ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจากัดและบริษัทจำกัด
นิติบุคคลตามกฎหมายอื่นๆ เช่น วัด องค์กรต่างๆ ของรัฐบาล สหกรณ์ตาม พรบ. สหกรณ์ สภาการพยาบาล ตาม พรบ. วิชาชีพการพยาบาล และการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2540 เป็นต้น
กฎหมายจึงจากัดสิทธิของบุคคล
ตามความหนักเบาของความหย่อน
ความสามารถในการทำนิติกรรม ดังนี้
คนเสมือนไร้ความสามารถ
บุคคลที่ศาลจะสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ต้อง ปรากฎว่าบุคคลนั้นไม่สามารถทางานได้ เนื่องจากมีเหตุบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
จิตฟั่นเฟือน หมายถึง คนที่จิตไม่ปกติ ไม่สมประกอบ เป็นโรคจิตอาจเนื่องจากการ เจ็บป่วยหรือความชรา แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกลจริต เนื่องจาก
มีสติรู้ผิดชอบในเรื่องทั่วไป
ประพฤติสุรุ่ยสุร่าย เสเพลเป็นอาจิณ หมายถึง บุคคลที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสม่าเสมอ โดยไม่มีเหตุผลอันควร และมีรายจ่ายเกินรายได้
ติดสุรายาเมา หมายถึง ผู้ที่เสพสุราของมึนเมาต่างๆ หรือเสพยาเสพติด จนเป็นนิสัยและเลิกไม่ได้ มีอาการมึนเมาเสมอ จนไม่เหลือสภาพปกติ
กายพิการ หมายถึง ร่างกายพิการไม่สมประกอบแต่กำเนิด หรือเป็นภายหลังเพราะเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ
บุคคลที่ไม่สามารถจัดทำการงานโดยตนเอง หรือจัดกิจการไปในทางเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว และศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
บุคคลที่มีเหตุบกพร่องดังกล่าว เมื่อคู่สมรส บุพการี ผู้พิทักษ์ หรือพนักงาน อัยการร้องขอต่อศาล ศาลจะสั่งไต่สวนสืบพยาน ถ้าได้ความว่าเป็นจริง ศาลจะมีคาสั่งให้บุคคลดังกล่าวเป็นคน เสมือนไร้ความสามารถ และสั่งให้ผู้นั้นอยู่ในความพิทักษ์
คนเสมือนไร้ความสามารถใช้สิทธิและปฏิบัติหน้าที่อย่างธรรมดาทั่วไป รวมทั้งการยินยอมรับการรักษาพยาบาล
กฎหมายยกเว้นนิติกรรมบางประเภทที่จากัดสิทธิของคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยเฉพาะเกี่ยวกับทรัพย์สิน ซึ่งถ้ากระทาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ ถือว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆียะ
การยกเลิกเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถกระทำได้ ถ้าสิ้นเหตุเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถแล้ว โดยบุคคลนั้นหรือผู้มีสิทธิร้องให้ศาลสั่งครั้งแรกร้องต่อศาล ศาลจะไต่สวนสืบพยานและเพิกถอนคาสั่งที่ให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถนั้น
ลูกหนี้ที่ถูกศาลสั่ง
เป็นบุคคลล้มละลาย
เว้นแต่กระทำตามคาสั่ง หรือความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์หรือเจ้าหนี้ แต่ไม่รวมถึงการยินยอมรับ การรักษาพยาบาล
ลูกหนี้ จึงเป็นผู้หย่อนความสามารถ ไม่สามารถกระทำการใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตน
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการ จำหน่ายทรัพย์ของลูกหนี้ และกระทำการอื่นๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น การฟ้องร้อง การประนีประนอม เป็นต้น
คนไร้ความสามารถ
บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้สามารถไม่อาจทำนิติกรรมใดๆ หากกระทำนิติกรรมนั้น ถือเป็น โมฆียะทั้งหมด
หากจำเป็นต้องทำนิติกรรมใดๆ ผู้อนุบาลต้องเป็นผู้ทำแทน นิติกรรมจึงจะ สมบูรณ์ ดังนั้นการยินยอมให้การรักษาพยาบาลของคนไร้ความสามารถจึงต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาล
คนวิกลจริต หรือ อยู่ในภาวะผักที่คู่สมรส ผู้สืบสันดาน บุพการี ผู้อนุบาล หรือพนักงานอัยการยื่นเรื่องต่อศาล และศาลมีคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
เว้นแต่กรณีฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต ไม่จำป็นต้องได้รับคายินยอมจากผู้อนุบาล
มีนิติกรรมบางประเภทที่กฎหมายไม่อนุญาตให้คนไร้ความสามารถ และผู้อนุบาลกระทำ ได้แก่ การสมรส และ การทำพินัยกรรม ซึ่งถ้ากระทำนิติกรรมนั้น จะเป็นโมษะ
การยกเลิกการเป็นคนไร้ความสามารถกระทำได้ โดยผู้ไร้ความสามารถที่หายวิกลจริตหรือผู้มีสิทธิร้องศาลสั่งครั้งแรก ร้องขอต่อศาล ศาลจะไต่สวนสืบพยาน และเพิกถอนคำสั่งที่ให้เป็นคนไร้ความสามารถ
สามีภริยา
มิฉะนั้นคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งอาจขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรม แต่ไม่รวมถึงการยินยอมรับการรักษาพยาบาล ยกเว้นการทาหมัน หรือการทาแท้งที่ถูกกฎหมาย ที่ต้องขอความยินยอมในการรักษาพยาบาล
เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน จึงต้องให้ความยินยอมซึ่งกันและกันเป็นการทำนิติกรรม บางประเภท เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี เป็นต้น
ผู้เยาว์
การให้ความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม สามารถทาเป็นหนังสือยินยอม เซ็นชื่อเป็นพยานในนิติกรรมที่ผู้เยาว์กระทำ ให้ความยินยอม
โดยวาจา
กฎหมายยกเว้นให้ผู้เยาว์สามารถกระทำนิติกรรมบางประเภทด้วยตนเอง โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจาก ผู้แทนโดยชอบธรรม ดังนี้
นิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องกระทำเองเฉพาะตัว เช่น การทำพินัยกรรมเมื่อมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่ถ้าอายุน้อยกว่า 15 ปี พินัยกรรมนั้นถือเป็นโมฆะ
นิติกรรมที่สมควรแก่ฐานะและจำเป็นแก่การดำรงชีพ หมายถึง นิติกรรมเพื่อการดำรงชีพที่จำเป็น ที่ผู้เยาว์กระทาสมกับฐานะความเป็นอยู่ของตน
นิติกรรมการจาหน่ายทรัพย์สิน ประกอบธุรกิจการค้า หรือสัญญาจ้างแรงงานที่ผู้แทน โดยชอบธรรมอนุญาตหรือยินยอม ผู้เยาว์สามารถกระทำต่อเนื่องได้
นิติกรรมที่ทำให้ผู้เยาว์ได้ประโยชน์ สิทธิ หรือหลุดพ้นจากหน้าที่ หมายถึง นิติกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เยาว์ฝ่ายเดียว โดยไม่มีเงื่อนไขผูกพันใดๆ
นิติกรรมใดๆ ที่ผู้เยาว์ กระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทน
โดยชอบธรรม จะเป็นโมฆียะ
บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในทางกฎหมาย
บุคคลจะบรรลุนิติภาวะใน 2 กรณี คือ
อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
การสมรส เมื่อหญิงและชายอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์
และได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม
ความสามารถของบุคคล
สภาพที่กฎหมายกำหนดขอบเขตให้บุคคลมีสิทธิความสามารถของบุคคลเป็นสิ่งสำคัญต่อการพิจารณาความรับผิดทางกฎหมาย
ความหมายและลักษณะของกฎหมายแพ่ง
กฎหมายพาณิชย์
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายหรือกิจการใดๆ ที่ได้กระทำในเรื่องหุ้นส่วน บริษัท ประกันภัย ตั๋วเงิน เป็นต้น
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับวิธีการดำเนินพิจารณาพิพากษาคดีในกรณีที่เกิดข้อพิพาทในทางแพ่งขึ้น
กฎหมายแพ่ง
เป็นส่วนหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่กำหนดสิทธิ หน้าที่ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนโดยทุกฝ่ายมีฐานะเท่าเทียมกัน
สภาพบังคับทางแพ่ง
โมฆียกรรม
การทำนิติกรรมที่มีผลสมบูรณ์ในขณะกระทำ แต่สามารถบอกล้างหรือ ปฏิเสธนิติกรรมโดยผู้เสียหายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มีผลให้นิติกรรมนั้นตกเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มแรก เสมือนไม่ได้ทำนิติกรรมใด
สาเหตุที่ทำให้ นิติกรรมเป็นโมฆียกรรม ได้แก่
การแสดงเจตนาโดยวิปริต
การแสดงเจตนาโดยการฉ้อฉล เป็นการกระทำนิติกรรมโดยผู้แสดงเจตนาถูกหลอกลวง หรือใช้อุบายโดยกล่าวความเท็จจากคู่กรณี ทำให้เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริง
การแสดงเจตนาโดยการข่มขู่ เป็นการแสดงเจตนาในการทำนิติกรรม เนื่องจากการข่มขู่ที่อันตรายใกล้จะถึงตัว และร้ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจให้ผู้ถูกข่มขู่กลัวอันตรายนั้น
การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สิน
ความสามารถของบุคคล
นิติกรรมใดที่ไม่เป็นไปตามข้อกาหนดของกฎหมายเป็นโมฆียะ
การชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทน
การที่กฎหมายรับรองและคุ้มครอง สิทธิผู้เสียหายให้กลับคืนสู่ฐานะเดิมมากที่สุด โดยการคืนทรัพย์สิน หรือค่าเสียหาย เพื่อความเสียหายที่ก่อขึ้น
การชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทน ได้แก่
ความเสียหายที่คำนวณราคาเป็นเงินได้
ความเสียหายที่แน่นอนและไม่ไกลเกินเหตุ รวมถึงการคืนทรัพย์สิน หรือใช้ราคาค่าเสียหายของความเสียหายที่เกิดขึ้น
ความเสียหายที่ไม่อาจคำนวณราคาเป็นตัวเงินได้
เช่น หมิ่นประมาท ความเศร้าเสียใจที่ บุตรถูกรถชนตาย เป็นต้น
โมฆะกรรม
ไม่สามารถให้คำรับรองนิติกรรมภายหลังการกระทา เพื่อให้นิติกรรมกลับมามีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
สาเหตุที่ทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะ ได้แก่
นิติกรรมที่ไม่ได้ทำให้ถูกต้อง
ตามแบบที่กฎหมายกาหนด
นิติกรรมบางประเภทกฎหมายกำหนดให้ทำตามแบบเท่านั้น ถ้าไม่ทำตามถือว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ
เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงถือว่านิติกรรมสมบูรณ์ ถ้าไม่ทำการกระทำดังกล่าว การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นโมฆะ
การแสดงเจตนาโดยสาคัญผิด
ในสาระสาคัญแห่งนิติกรรม
ตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติกรรม ความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่มีผลตามกฎหมาย
นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์
ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นการพ้นวิสัยที่ไม่สามารถเป็นไปได้ เช่น สัญญาซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน สัญญาซื้อขายยาเสพติด เป็นต้น นิติกรรมจึงเสียเปล่าเสมือนไม่มีข้อตกลงใดๆ
การบังคับชำระหนี้
เป็นการชำระเงิน กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อใช้หนี้ หรืองดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อใช้หนี้
ความรับผิดทางแพ่งที่เกี่ยวกับการประกอบ
วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ความรับผิดตามสัญญา
มีวัตถุประสงค์ที่จะก่อให้เกิดผล ผูกพันโดยชอบตามกฎหมาย
คำเสนอและคำสนองถูกต้องตรงกันก่อให้เกิดสัญญา มีผลให้เกิดสิทธิและหน้าที่แก่คู่สัญญาที่ต้องปฏิบัติต่อกัน โดยคู่สัญญาที่เป็นลูกหนี้ต้องปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด ตามสัญญา เพื่อชาระหนี้แก่เจ้าหนี้
กระทำของบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป ที่แสดงเจตนาด้วยใจสมัครถูกต้องตรงกันที่ จะกระทำหรืองดเว้นการกระทำ โดยไม่มีข้อสงสัย
ความรับผิดจากการละเมิด
ผู้ละเมิดหรือผู้กระทาต้องรับผิดจากการกระทำ โดยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
การละเมิดถือเป็นนิติเหตุอย่างหนึ่ง ได้แก่
การกระทำโดยจงใจหรือประมาท
การกระทำโดยจงใจ
การกระทำที่ตั้งใจโดยผิดกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น โดยรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่บุคคลอื่น การกระทำ จงใจทางแพ่งมีความหมายแตกต่างจากการกระทาโดยเจตนาทางอาญา
การกระทาโดยประมาทเลินเล่อ
การกระทาโดยมิได้จงใจ แต่กระทำโดยปราศจาก ความระมัดระวัง ซึ่งอาจเทียบได้กับความระมัดระวังของบุคคลในอาชีพเดียวกัน ซึ่งบุคคลใน ภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่
การกระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย
การกระทำต่อผู้อื่นโดย ผิดกฎหมายด้วยการฝ่าฝืนข้อห้าม หรือละเว้นการกระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายบัญญัติให้กระทำ
ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
ความเสียหายแก่อนามัย
ความสุขสบายและความรู้สึกต่างๆ
ความเสียหายแก่เสรีภาพ
การทำให้ผู้อื่นถูกจำกัดอิสรภาพ
ความเสียหายแก่ร่างกาย
ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บทุพพลภาพหรือเจ็บป่วยเรื้อรัง
ความเสียหายแก่ทรัพย์สินและสิทธิต่างๆ
การให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหายที่ได้มาถูกต้อง โดยทรัพย์สินนั้น
ความเสียหายแก่ชีวิต
ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การกระทำหรืองดเว้นการกระทำ โดยจงใจหรือประมาท ต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่าง หนึ่งอย่างใด
บุคคลต้องร่วมรับผิดกับผู้กระทำ
ตัวการต้องรับผิดชอบผลแห่งการละเมิดของ
ตัวแทนที่ได้กระทำไปภายในของเขตอำนาจ
ของตัวแทน ซึ่งกระทำตามที่ตัวการมอบหมาย
บิดามารดาของผู้เยาว์หรือผู้อนุบาลของผู้วิกลจริต
ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่
ผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริตกระทา
นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งการละเมิด
ซึ่งลูกจ้างได้กระทาไปตามที่ว่าจ้าง
ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแล
ผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ จะต้องร่วมรับผิด
กับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งได้กระทำ
ระหว่างอยู่ในความดูแลของตน
วิวัฒนาการของกฎหมายวิชาชีพการพยาบาล
และการผดุงครรภ์
จนกระทั่งในการประชุม พยาบาลแห่งชาติ ครั้งที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2518 ผู้นำทางการพยาบาลได้พิจารณาเห็นประโยชน์ จากการที่แพทย์แผนปัจจุบันได้แยกตัวออกจากการควบคุมของพระราชบัญญัติชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511
มีแพทยสภาซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพของตนขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพอย่างคล่องตัว
ในปี พ.ศ. 2518 เพิ่มอีก 2 สาขา คือ กายภาพบำบัดและเทคนิคการแพทย์ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง เพื่อสามารถควบคุมการประกอบโรคศิลปะสาขาต่างๆ ที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
พ.ศ.2528 ได้มีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2528” และมี ผลบังคับ
ใช้ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2528
ต่อมาใน พ.ศ. 2472 มีการแก้ไขโดยการตัดสาขาสัตวแพทย์ออกโดยให้การประกอบโรคศิลปะเป็นการกระทำต่อมนุษย์เท่านั้น จนถึง พ.ศ. 2480 ได้มีการประกาศใช้กฎหมายฉบับใหม่ คือ พระราชบัญญัติควบคุม การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 ซึ่งได้แบ่งการประกอบโรคศิลปะออกเป็น 2 แผน
แผนโบราณ หมายถึง การประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยความรู้จากตาราหรือการเรียนสืบต่อกันมา
แผนปัจจุบัน หมายถึง การประกอบโรคศิลปะอันได้ศึกษาตามหลักทางวิทยาศาสตร์ และกาหนดความหมายของโรคศิลปะไว้
ดังนั้นกฎหมายควบคุมการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการ ผดุงครรภ์ จึงได้แยกออกจากพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงการเรียกชื่อผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบัน สาขาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ เป็น ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการออกกฎหมายขึ้นควบคุมการให้บริการด้านการดูแล สุขภาพแก่ประชาชน โดยกฎหมายฉบับนี้
ได้กำหนดความหมายของโรคศิลปะไว้ว่า “การบำบัดโรคทางยาและ ทางผ่าตัด รวมทั้งการผดุงครรภ์ การช่างฟัน การสัตวแพทย์ การปรุงยา การพยาบาล การนวดหรือการรักษา คนเจ็บป่วยไข้โดยประการใดๆ”
ในปี พ.ศ. 2534 คณะกรรมการสภาการพยาบาลมีความเห็นว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลง การเจ็บป่วยซับซ้อนขึ้น ส่งผลให้กฎหมายฉบับนี้ไม่ทันสมัย และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศ เพื่อให้วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ได้รับการพัฒนาและการยอมรับของประชาชน เช่น การสอบความรู้ในการขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ดังนั้นคณะกรรมการสภาการพยาบาลในสมัยนั้น จึงเห็นควรให้ปรับปรุงสาระสาคัญ ได้แก่ คำนิยามการพยาบาลและการผดุงครรภ์ การกำหนดขอบเขตของการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์
รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมและได้ เสนอร่างกฎหมายผ่านรัฐสภา จนกระทั่ง “พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2540” ได้ ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 114 ตอนที่ 75ก วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2540 และมี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2540 จวบจนถึงปัจจุบัน
ความรับผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการพยาบาล
การเปิดเผยความลับของผู้ป่วย
เปิดเผยความลับนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
รู้ความลับผู้อื่นมาเนื่องจากการประกอบอาชีพหรือจากการศึกษาอบรม
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดฐานเปิดเผยความลับ
มีข้อยกเว้นตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่อาจตัดสินใจด้วยตนเอง จำเป็นที่แพทย์ต้องเปิดเผยหรือ แจ้งให้แก่ญาติหรือผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อผู้ป่วยทราบ
คำสั่งศาล เช่น ปฏิบัติตามหมายศาลหรือการให้การต่อศาลในฐานะพยาน
โรคติดต่อร้ายแรงเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด
จำเป็นต้องปกป้องคุ้มครองบุคคลอื่นๆ ในสังคม
ผู้ป่วยรับรู้และยินยอมให้เปิดเผย เช่น บริษัทประกันชีวิตขอทราบประวัติการเจ็บป่วย
เป็นข้อผูกพันหรือหน้าที่ เช่น การออกใบรับรองแพทย์
การรายงานการทุบตีทำร้ายร่างกายในครอบครัว
เช่น การทำทารุณกรรมในเด็ก
รายงานบาดแผลที่ผู้ป่วยมารักษา เนื่องจากก่อคดีอาชญากรรม
การปฏิเสธความช่วยเหลือ
ผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายต่อชีวิต
ในทางกลับกันกฎหมายปกป้องผู้ที่เจตนาดีที่ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินโดยไม่ประมาท หากเกิดอันตรายผู้กระทาไม่ต้อง รับผิดตามหลักที่
เรียกว่า Good Samaritan Act
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
การทอดทิ้งหรือละเลยผู้ป่วย
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่ เกิน 60,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลคนวิกลจริตหรือผู้ป่วยจิตเวช แต่ไม่ดูแลปล่อยปละละเลยให้ผู้ป่วย ออกไปโดยลาพังออกไปก่ออันตรายแก่ผู้อื่นหรือตนเอง
ความผิดฐานนี้เกี่ยวกับผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายหรือสัญญาที่ ต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้ เพราะอายุ ความเจ็บป่วย กายพิการ หรือจิตพิการ ทอดทิ้งบุคคลที่ตนเอง รับผิดชอบตามหน้าที่หรือตามสัญญา
ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร:
การปลอมเอกสารและ
การทำหรือรับรองเอกสารเท็จ
ความผิดฐานปลอมเอกสาร
นำเอกสารปลอมที่ทำขึ้นไปใช้ในทางที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ความผิดฐานปลอมเอกสาร รวมถึงผู้ที่กรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่น
ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือบางส่วน แก้ไขด้วย ประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร
ความผิดฐานทำหรือรับรองเอกสารเท็จ
ใช้เอกสารเท็จนั้นในทางที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
เป็นผู้ทำคำรับรองเป็นเอกสารเท็จ
หรือเป็นผู้ใช้หรืออ้างคำรับรองนั้นโดยทุจริต
ความประมาทในการประกอบวิชาชีพ
สาเหตุของความประมาทอาจ
เกิดจากการปฏิบัติการพยาบาล
เกินขอบเขตวิชาชีพ
ความบกพร่องด้านการสื่อสาร
ไม่รายงานแพทย์ เมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือ
รายงานแพทย์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ไม่รับฟังความกังวลของผู้ป่วย
ความบกพร่องด้านการบันทึก
ไม่บันทึกความก้าวหน้า หรือการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยไว้ในเวชระเบียน รายละเอียดของบาดแผล ประวัติการแพ้ยา แพ้สารต่างๆ
ใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์
การแพทย์ไม่ถูกต้อง
ไม่ปฏิบัติตามคู่มือการใช้เครื่องมือ
ไม่ตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องมือก่อนนามาใช้
ความบกพร่องด้านการ
ประเมินและเฝ้าระวังอาการ
ประเมินอาการในแต่ละเวรไม่ครบถ้วน ไม่ปรับปรุงแผนการดูแล
ไม่สังเกตการเปลี่ยนแปลง ของผู้ป่วย
ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ
การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพรวมถึงการมอบหมายให้ผู้ที่ไม่ผ่าน
การอบรมหรือไม่มีความสามารถเพียงพอปฏิบัติหน้าที่แทน
ความบกพร่องด้านการ
ไม่พิทักษ์สิทธิของผู้ป่วย
ไม่ทักท้วงเมื่อแพทย์มีคาสั่งให้จำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล
ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยอาการยังไม่ ดีพอที่จะกลับบ้าน
การพยาบาลโดยขาดความระมัดระวัง จนเกิดความเสียหายอันตรายต่อสุขภาพแก่ผู้ใช้บริการ การตัดสินว่าการกระทำใดเป็นประมาทในการประกอบวิชาชีพหรือไม่ ต้องพิจารณาตามมาตรฐานวิชาชีพและ
สภาพแวดล้อมขณะกระทำเป็นองค์ประกอบด้วย
บทลงโทษตามกฎหมาย
อาญาในความผิดฐานประมาท
ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท
หรือทั้งจาทั้งปรับ
สำหรับอันตรายสาหัส
ตามกฎหมายอาญา ดังต่อไปนี้
หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
แท้งลูก
จิตพิการอย่างเต็มตัว
เสียแขนขามือเท้านิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
ทุพพลภาพหรือเจ็บป่วยเรื้อรัง
ตาบอดหูหนวกลิ้นขาดหรือเสียฆานประสาท
ทุพพลภาพหรือเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า20วัน
ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย
ให้เลือดผิดหมู่ เพราะไม่ตรวจสอบถุงเลือดก่อนให้
หรือไม่ซักประวัติการแพ้ทำให้ผู้ป่วยเกิด anaphylactic shock
กรณีเช่นนี้ผู้กระทำจะได้รับโทษหนักขึ้น คือ
จำคุกไม่ เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
ประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
เล็กน้อยแก่ร่างกายหรือจิตใจ
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
การทำให้หญิงแท้งลูก
การทาให้หญิงแท้งลูก
โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม
ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
การพยายามทำให้หญิงแท้งลูก
ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ เพราะความผิดยังไม่สำเร็จ คือ ยังไม่แท้งลูก
การทำให้หญิงแท้งลูก
โดยผู้เสียหายยินยอม
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
การทำให้หญิงแท้งที่ถูกกฎหมาย
จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพหญิงตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์เนื่องจากถูกข่มขืนกระทำชำเรา
การทำให้ตนเองแท้งลูก
ย่อมมีความผิดและได้รับ โทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี
หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
กฎหมายอาญาสำหรับพยาบาล
และการกระทำความผิดที่พบบ่อย
ลักษณะสำคัญของความรับผิดทางอาญา
ไม่มีผลย้อนหลังที่เป็นโทษ
ศาลจะนำกฎหมายใหม่มาใช้บังคับลงโทษผู้กระทำผิดไม่ได้
จะไม่มีผลในการเพิ่มโทษแก่บุคคล หากขณะกระทำยังไม่มีกฏหมายบัญญัติว่าการกระทานั้นเป็นความผิด แม้ต่อมาภายหลังมีกฎหมายบัญญัติว่าการการกระทาอย่าง เดียวกันนั้นจะเป็นความผิด
ต้องตีความเคร่งครัดตามตัวอักษร
การถอดความหมายของข้อความ ในบทบัญญัติออกมา เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น โดยใช้ภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจ
ต้องตีความตามตัวอักษร เท่านั้น ห้ามตีความเกินตัวบท และไม่สามารถนำจารีตประเพณี หรือกฏหมายใกล้เคียงมาปรับใช้เพื่อลงโทษ ผู้กระทำผิด
ต้องมีบทบัญญัติความผิด
และกำหนดโทษไว้โดยชัดแจ้ง
ในขณะที่กระทำผิด ต้องมีกฎหมายบัญญัติความผิดและ
โทษเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
จะเห็นว่าการฆ่าผู้อื่นจะมีความผิดตามกฎหมาย และถ้าเป็นการฆ่าบุพการี โดยมีการไตร่ตรองหรือเตรียมการไว้ก่อน หรือฆ่าโดยการทรมาน
ผู้กระทำจะได้รับโทษเพิ่มขึ้น
หลักเกณฑ์ความรับผิดทางอาญา
กระทำโดยเจตนา
ประมาท หรือไม่เจตนา
วิสัย
ลักษณะที่เป็นอยู่ของบุคคลผู้กระทา หรือสภาพภายในตัวผู้กระทา โดย คานึงถึงอายุ เพศ การศึกษา ประสบการณ์ อาชีพ
พฤติการณ์
ข้อเท็จจริงประกอบการกระทำของผู้กระทำ เช่น สภาพแวดล้อม แสงสว่าง ความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ โดยเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน
การกระทำโดยประมาท
การกระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะนั้นต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเพียงพอ
การกระทำโดยไม่เจตนา
การกระทำที่ผู้กระทำไม่ได้ตั้งใจให้เกิด และไม่คาดคิดว่า จะเกิดจากการ
กระทำนั้น แต่ผลลัพธ์ที่เกิดมากกว่าตั้งใจ เมื่อกฎหมายบัญญัติไว้ว่าการกระทำในลักษณะ เช่นนั้นต้องรับโทษ ผู้กระทำก็ต้องรับผิดด้วย
การกระทำโดยเจตนา
การกระทำโดยรู้สานึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกัน ผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
เหตุยกเว้นความรับผิดทางอาญา
เหตุยกเว้นโทษ
การกระทำตามคำสั่ง
ของเจ้าพนักงาน
ถ้าผู้กระทำเชื่อโดยสุจริตใจว่ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าผู้กระทำทราบว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วยังทำตามคำสั่ง จะไม่ได้รับยกเว้นโทษ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรู้ ความสามารถของผู้รับคำสั่ง
การกระทาผิดเพราะ
ความบกพร่องทางจิต
บุคคลกระทำผิดขณะที่ไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะเป็นโรคจิต จิตบกพร่อง จิตฟั่นเฟือน
การกระทำของเด็ก
อายุไม่เกิน10ปี
ถ้าเด็กอายุน้อยกว่า10ปี กระทำความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ เนื่องจากกฎหมายถือว่าเด็กยังไม่มีวุฒิภาวะเพียง พอที่จะแยกผิดชอบชั่วดีได้
การกระทำความผิด
เกี่ยวกับทรัพย์
บางความผิดระหว่างสามีภรรยาโดยชอบด้วย กฎหมาย จะได้รับการยกเว้นโทษ ได้แก่ ลักทรัพย์ ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ทำให้เสียทรัพย์และบุกรุก
กระทำด้วยความจำเป็น
เป็นการกระทำเพราะเหตุถูกบังคับ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืน ทั้งนี้อันตรายนั้นต้องมิใช่เกิดจากการกระทำผิดของตนเอง และการกระทำนั้นต้องสมควรแก่เหตุ
เหตุลดหย่อนโทษ
การกระทำโดยบันดาลโทสะ
การที่บุคคลกระทำความผิด เพราะความกดดันจากการถูกข่มเหงอย่าง
ไม่เป็นธรรมจนเป็นเหตุให้บันดาลโทสะ จึงได้กระทำผิดต่อผู้ข่มเหงใน
ขณะนั้น
เหตุอื่นๆ ในการลดหย่อน
หรือบรรเทาโทษ
เป็นผู้โฉดเขลาเบาปัญญา ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีความดีมาก่อน รับสารภาพผิด ให้ความรู้แก่ศาลซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
การกระทำความผิดโดยไม่รู้ว่า
กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด
บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อไม่ต้องรับโทษไม่ได้ แต่กฎหมายยอมให้บุคคลยกความไม่รู้นี้ขึ้นเป็นเหตุของการขอ ลดหย่อนโทษได้ โดยขึ้นกับสภาพความคิดและพฤติการณ์เฉพาะตัวของผู้กระทำผิด
เหตุยกเว้นความรับผิด
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
กรณีที่บุคคลจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตนเองหรือผู้อื่น ให้พ้นจากอันตรายจากการประทุษร้ายที่ใกล้ถึงตัว และกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายยินยอมให้กระทำ
ความผิดทางอาญาบางประเภทหากผู้เสียหายยินยอมให้ กระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เกิดจากการข่มขู่ รวมทั้งไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
การกระทำที่โดยทั่วไปกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด แต่ถ้ามีเหตุการณ์หรือสภาพแวดล้อมบังคับให้ผู้กระทำต้องกระทำเช่นนั้น
กฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้น
เป็นความผิดและกาหนดโทษ
กฎเกณฑ์นี้เป็นหลักสำคัญของกฎหมายอาญาที่ต้องปฏิบัติ ตามอย่างเคร่งครัด และการลงโทษบุคคลใด ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่าบุคคลกระทำผิดจริง
ผู้ต้องหาไม่มีความผิดจนกว่าจะมีคาพิพากษาถึงที่สุด และก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดจะปฏิบัติต่อผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำผิดไม่ได้
อายุความ
อายุความฟ้องคดีทั่วไป
ระยะเวลาของอายุความแปรตามอัตราโทษตามความผิด ทั้งนี้อัตราโทษที่นำมาพิจารณากาหนดอายุความฟ้องผู้กระทำผิดตามที่กำหนด ถืออัตราโทษสูงสุดสำหรับความผิดที่บัญญัติไว้ในมาตราที่โจทก์ฟ้อง มิถือตามกำหนดโทษที่ศาลพิพากษาลงแก่จำเลย
อายุความฟ้องคดีความผิดอันยอมความได้
เช่น ความผิดฐานบุกรุกหรือหมิ่นประมาท กฎหมายกำหนดให้ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
การกระทำ
การเคลื่อนไหวร่างกาย หรือไม่เคลื่อนไหวร่างกาย โดยรู้สำนึกและอยู่ ภายใต้การบังคับของจิตใจ
ประเภทของความรับผิดทางอาญา
ความผิดต่อแผ่นดิน
เป็นความผิดที่สาคัญและร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหาย
และสังคมส่วนรวม
ความผิดประเภทนี้แม้ผู้เสียหายไม่ฟ้องร้องเอง อัยการในฐานะทนาย
แผ่นดินสามารถดำเนินคดีฟ้องร้องแทนผู้เสียหาย เพื่อนำผู้กระทำผิด
มาลงโทษได้
ความผิดต่อส่วนตัว
เป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายฝ่ายเดียว
และกฎหมายบัญญัติประเภทไว้ชัดเจน
ความผิดประเภทนี้ผู้เสียหายเท่านั้นจะฟ้องร้องต่อพนักงานสอบสวน
เพื่อทำการสอบสวนความผิด แล้วส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ หลังจาก
นั้นพนักงานอัยการจึงยื่นฟ้องคดีต่อศาล
ถ้าผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่รู้เรื่องความผิด
และรู้ตัวผู้กระผิด คดีจะขาดอายุความ ไม่สามารถฟ้องร้องได้
เมื่อผู้เสียหายถอนคาร้องทุกข์ ถอนฟ้อง หรือยอมความโดยถูกต้อง
ตามกฎหมายแล้ว ผู้เสียหายไม่มีสิทธ์นาคดีกลับมาฟ้องได้อีก
โทษทางอาญา
โทษกักขัง
เปลี่ยนโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน
โทษปรับแล้วไม่ชำระค่าปรับ
ไม่ยอมทำทัณฑ์บน หรือหาหลักประกันไม่ได้
เป็นโทษที่เปลี่ยนจากโทษอย่างอื่นมาเป็นโทษกักขัง
โทษปรับ
ถ้าไม่ชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา ผู้นั้นอาจถูกยึดทรัพย์สินหรือกักขังแทนค่าปรับ
ศาลจะสั่งกักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี แต่ห้าม กักขังเกินกว่า 2 ปี
การชำระเงินต่อศาลตามจำนวนที่ศาลกำหนดไว้ในคำพิพากษา
โทษจำคุก
เป็นโทษจำกัดเสรีภาพของนักโทษที่ถูกควบคุมไว้ในเรือนจำ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำพิพากษา
หลักเกณฑ์การรอ
การลงโทษหรือรอลงอาญา
ศาลต้องลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
ผู้กระทำความผิดต้องไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
เป็นความผิดมีโทษจำคุก
ศาลคำนึงถึงองค์ประกอบต่อไปนี้ คือ อายุ ประวัติ ความประพฤติ
การศึกษา สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อม
โทษริบทรัพย์สิน
ทรัพย์สินซึ่งกฎหมายบัญญัติว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้ในครอบครองเป็น
ความผิด
ทรัพย์สินซึ่งเกี่ยวข้องกับสินบนของเจ้าพนักงานเพื่อจูงใจ ให้รางวัลในการกระทำความผิด
ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้มาโดยการกระทำความผิด เว้นแต่ทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการ
กระทำผิด
โทษประหารชีวิต
สำหรับบุคคลที่อายุต่ากว่า 18 ปี ที่กระทำความผิด ให้ถือว่าโทษดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นจาคุกห้าสิบปี
ส่วนนักโทษประหารที่เป็นหญิงมีครรภ์ ต้องรอจนกว่าจะคลอดบุตร
จึงจะประหารได้
เป็นโทษสูงสุด สำหรับลงโทษผู้กระทำความผิดคดีอุกฉกรรจ์
ความหมายและวัตถุประสงค์
ของกฎหมายอาญา
มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมความประพฤติของบุคคลให้อยู่ในสังคมด้วยความสงบเรียบร้อย รักษา คุ้มครองความปลอดภัย ซึ่งผู้เสียหายไม่ต้องร้องทุกข์หรือกล่าวหา ยกเว้นความผิดที่ยอมความได้
เป็นกฎหมายมหาชน ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำใดเป็นความผิด
และกำหนดโทษอาญาแก่ผู้ฝ่าฝืน
จิดาภา ตั้งอยู่ดำรงกุล 6001210217 Sec B (10)