Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย - Coggle Diagram
บทที่ 1
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย
ความหมายของกฎหมาย
ระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ ที่รัฐหรือผู้มีอำนาจกำหนดขึ้น
เพื่อควบคุมความประพฤติ/พฤติกรรมของมนุษย์ หากผู้ใดฝ่าฝืนย่อมต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด
ลักษณะและประเภทของกฎหมาย
ลักษณะ
กฎหมายต้องกำหนดขึ้นโดยรัฐหรือผู้มีอำนาจ
ต้องเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับของผู้มี
อำนาจในรัฐ (รัฏฐาธิปัตย์)
รัฐบาล
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รัฐสภา
กฎหมายต้องบังคับใช้โดยทั่วไป
เมื่อมีการประกาศใช้แล้ว บุคคลทุกคนต้องอยู่ภายใต้
กฎหมายโดยเสมอภาค จะมีใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้
กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นกฎเกณฑ์
ข้อบังคับที่เป็นมาตรฐานที่ใช้วัดหรือกำหนดความประพฤติของคนในสังคมว่าถูกหรือผิด
เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๖๓
บัญญัติว่า “บุตรจ าต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา”
กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ
สภาพบังคับที่มีผลร้าย
1) ประหารชีวิต
2) จำคุก
5) ริบทรัพย์สิน
3) กักขัง
4) ปรับ
สภาพบังคับที่มีผลดี
กรณีจดทะเบียนสมรส ทำให้บุตรเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
สามารถใช้สิทธิของคู่สมรสไปลดหย่อนภาษีได
ประเภทของกฎหมาย
กฎหมายที่แบ่งตามสิทธิประโยชน์ และความสัมพันธ์ของบุคคล
กฎหมายเอกชน (Private Law)
บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับ
เอกชน รวมทั้งหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจแบบเอกชน
กฎหมายพาณิชย์
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
กฎหมายแรงงาน
กฎหมายระหว่างประเทศ (International Law)
ที่กำหนดความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศต่อประเทศ หรือรัฐต่อรัฐ
แผนกคดีบุคคล
กำหนดความสัมพันธ์ของบุคคลต่างรัฐในทางแพ่ง
เกี่ยวกับความประพฤติ สิทธิและหน้าที่
เช่น พระราชบัญญัติสัญชาติ
แผนกคดีอาญา
กำหนดความสัมพันธ์ในคดีอาญาของบุคคลที่เกิดขึ้นโดยประชาชนของประเทศหนึ่ง หรือการกระทำผิดที่ต่อเนื่องในหลายประเทศ และต้องพิจารณาว่าประเทศใดมีอำนาจจับกุมและพิพากษาคดีเพื่อลงโทษบุคคลนั้น
เช่น กฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
แผนกคดีเมือง
สิทธิและหน้าที่มหาชน
(Public rights and duties)
เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ
กฎหมายมหาชน (Public Law)
บัญญัติความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับ
ประชาชน โดยรัฐเป็นฝ่ายปกครองที่มีอำนาจเหนือกว่าประชาชน
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
กฎหมายปกครอง
ธรรมนูญศาลยุติธรรม
กฎหมายอาญา
กฎหมายที่แบ่งโดยแหล่งกำเนิดของกฎหมาย
กฎหมายภายใน
องค์กรของรัฐที่มีอำนาจในการบัญญัติกฎหมาย บัญญัติขึ้นใช้ภายในประเทศ
กฎหมายภายนอก
บัญญัติขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศ
สนธิสัญญา อนุสัญญา
กฎหมายที่แบ่งโดยเจตนารมณ์และเนื้อหาของกฎหมาย
กฎหมาย
การเงินการคลัง
กฎหมายสาธารณะสุข
กฎหมายธุรกิจ
กฎหมายระเบียบราชการ
กฎหมายที่แบ่งโดยลักษณะการใช้กฎหมาย
กฎหมายสารบัญญัติ
กำหนดสิทธิหรือหน้าที่ที่ให้บุคคลปฏิบัติ
เช่น กฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์
กฎหมายวิธีสบัญญัติ
เกี่ยวกับวิธีการพิจารณาคดีของศาล
เช่น วิธีพิจารณาความอาญา
กฎหมายที่แบ่งโดยสภาพบังคับทางกฎหมาย
กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง
ลำดับชั้นหรือศักดิ์ของกฎหมาย
กฎกระทรวง (Ministerial Regulation)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ซึ่งออกตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ
ระเบียบ และข้อบังคับ (Rule/Regulation/Discipline)
ออกโดยหัวหน้าหน่วยงานองค์กร
ผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหารหน่วยงานหรือคณะกรรมการ เพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติงาน โดยอาศัยตามพระราชบัญญัติ
พระราชกฤษฎีกา (Royal Decree)
กำหนดรายละเอียดที่เป็นหลักย่อยของ
พระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด
พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
ประกาศและคำสั่ง (Announcement/Command)
ออกโดยหัวหน้าหน่วยงาน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานในหน่วยงาน โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ
เช่น ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องยาสามัญประจำบ้าน
พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด และประมวลกฎหมาย
อยู่ในลำดับชั้นเดียวกัน
และรองจากรัฐธรรมนูญ
ประมวลกฎหมาย (Code of Law)
การรวบรวมบทบัญญัติของกฎหมายลายลักษณ์
อักษรในเรื่องเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ให้มาอยู่ในหมวดเดียวกันอย่างเป็นระบบ
พระราชกำหนด (Royal Enactment)
กฎหมายที่รัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้แก่ฝ่ายบริหารเพื่อออกข้อบังคับในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วน
พระราชบัญญัติ(พรบ.) (Act)
ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภา
ผู้เสนอร่าง : คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
อื่นๆ
ข้อบังคับท้องถิ่น
ออกโดยองค์กรปกครองตนเอง
เช่น ข้อบัญญัติจังหวัด และเทศบัญญัติ
รัฐธรรมนูญ (Constitutional Law)
กฎหมายแม่บท มีศักดิ์สูงสุด
กำหนดรูปแบบการ
ปกครองประเทศ
วางระเบียบอำนาจสูงสุดของรัฐหรืออำนาจอธิปไตย
อำนาจนิติบัญญัติ
อำนาจบริหาร
อำนาจตุลาการ
การรับรองและการส่งเสริมสิทธิหน้าที่ของประชาชนชาวไทย
ลักษณะของระบบศาลไทย
ต่างประเทศ
ระบบศาลเดี่ยว
ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาททุกประเภท
ระบบศาลคู่
ศาลยุติธรรมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทเฉพาะคดีแพ่งและคดีอาญาเท่านั้น
ไทย
ระบบศาลคู่ แยกเป็นอิสระจากกัน
มีผู้พิพากษาหรือตุลาการของแต่ละ
ศาลโดยเฉพาะ
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 188 ถึงมาตรา 214
ศาลยุติธรรม
2.1 ศาลชั้นต้น
ศาลแพ่ง
พิจารณาพิพากษาคดีแพ่งทั้งปวงและ
คดีอื่นใดที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่น
ศาลอาญา
พิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวงในเขต
ท้องที่กรุงเทพมหานคร
2.2 ศาลอุทธรณ์ (Appeal Court)
สูงกว่าศาลชั้นต้น มีองค์คณะ
ผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน
พิจารณาตัดสินคดีที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินแล้ว
แต่คู่ความยังต้องการความเป็นธรรม
ยืนตาม แก้ไข กลับหรือยกคำพิพากษาของศาล
ชั้นต้น
2.3 ศาลฎีกา (Supreme Court)
ศาลยุติธรรมสูงสุด มีประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นประมุข
ของตุลาการศาลยุติธรรม
มีเพียงศาลเดียวตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร
ผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน พิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์แล้วแต่กรณี
การวินิจฉัยชี้ขาดของศาลฎีกาถือเป็นที่สุดหรือเป็นคดีแดง ซึ่งคู่กรณีไม่สามารถนำกลับมาฟ้องร้องได้
3.ศาลปกครอง (Administrative Court)
ใช้ระบบไต่สวน
ในแต่ละคดีจะมีการพิจารณาโดยองค์คณะของ
ตุลาการ
ศาลปกครองมี 2 ชั้น
ศาลปกครองชั้นต้น
ศาลปกครองสูงสุด
ศาลรัฐธรรมนูญ
พิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
กับรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอรรถคดีทั่วไป
มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
ศาลทหาร
มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ทหารกองประจำการกระทำผิด ตามกฎหมายพระธรรมนูญศาลทหาร
ระบบของกฏหมาย
ระบบกฎหมายจารีตประเพณี หรือระบบกฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร (Commonlaw system)
ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร คำพิพากษาของศาลถือเป็นกฎหมาย
กำเนิดในชนเผ่าพื้นเมืองของอังกฤษ
การพิพากษาคดียึดตามคำพิพากษาเดิม จึงเป็นการพิจารณาคดีเฉพาะเรื่องไปสู่เรื่องทั่วไป (Induction)
ประเทศที่ใช้
สหรัฐอเมริกา
แคนาดา
อังกฤษ
ออสเตรเลีย
ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร หรือระบบประมวลกฎหมาย (Civil law system)
กำเนิดจากชาวโรมัน
ลายลักษณ์อักษร
ศาลต้องพิพากษาตามตัวบทกฎหมาย จึงเป็นการพิจารณาคดีจากหลักเกณฑ์ทั่วไปสู่เฉพาะเรื่อง (Deduction) และคำพิพากษาของศาลเป็นเพียงตัวอย่างของการใช้กฎหมาย
รัฐสภาเป็น
ผู้ออกกฎหมาย