Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลภาวะล้มเหลวหลายระบบ, นางสาวชุติปภา พนมใส เลขที่ 22 รหัส…
การพยาบาลภาวะล้มเหลวหลายระบบ
วัตถุประสงค์
ประเมินสภาพบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างเร่งด่วน
ให้การดูแลรักษาเบื้องต้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้
บอกชนิดของภาวะช็อคได้
อธิบายกลไกการเกิดภาวะช็อคแต่ละชนิดได้
บอกแนวทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะช็อคได้
ความหมาย สาธารณภัย
เหตุการณ์ใด ๆ ที่เป็นสาเหตุของความเสียหาย ทำลายสิ่งแวดล้อม สูญเสียชีวิต
เหตุการณ์ที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์หรือธรรมชาติ เกิดขึ้นทันทีทันใด และมีผลกระทบต่อชุมชน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ
ประเภทของสาธารณภัย
สาธารณภัยที่เกิดตามธรรมชาติ (Natural disaster)
1.1 ภาวะภูมิอากาศและฤดูกาล เช่น ภัยแล้ง ( Drouht ) น้ำท่วม (Flooded)
1.2 ตามสภาพภูมิประเทศ : อุทกภัย หิมะถล่ม
1.3 ภัยที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก : แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด
1.4 ภัยทางชีวภาพ : การระบาดของโรค
สาธารณภัยที่เกิดจากมนุษย์ ( Man-made disaster)
2.1 ภัยจากการพัฒนาประเทศ เช่น การคมนาคม การอุตสาหกรรม ไฟไหม้อาคารสูง สิ่งก่อสร้างถล่ม
2.2 ภัยความขัดแย้งและปัญหาในสังคม
Mass Casualty
“Mass casualty” หมายถึง อุบัติเหตุกลุ่มชน หรือบางคนก็เรียกว่า Mass Emergency ซึ่งเป็นการได้รับอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บในคนหมู่มาก ได้แก่ พวกระเบิดพลีชีพ ตึกถล่มหรือแม้กระทั่งอุบัติเหตุจราจร
อุบัติเหตุกลุ่มชน แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
ระดับที่ 1 (Multiple-Patient Incident) มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน และอาการไม่สาหัสมากทางหน่วยตรวจฉุกเฉิน สามารถจัดการได้ ไม่ต้องเปิดใช้แผน
ระดับที่ 2 (Multiple-Casualt Incident) มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่เกิน 100 คน มีอาการสาหัสหลายราย ต้องขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ภายในงานการพยาบาลผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือโรงพยาบาลอื่น
ระดับที่ 3 (Mass Casualt Incident) มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก (ตั้งแต่ 100 คน ขึ้นไป) เหตุการณ์รุนแรง ต้องขอความช่วยเหลือจากแพทย์ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายการพยาบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ งานโภชนาการ ห้องยา ห้องผ่าตัด หน่วยขนย้าย หน่วยรังสี เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยเวช-ระเบียน และต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาให้ทราบเพื่อดำเนินการ
การจัดการสาธารณภัย
วัตถุประสงค์ของการจัดการสาธารณภัย
• ป้องกันความเสียหายของทรัพย์สิน รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจ
• ส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลโดยตรงต่อสังคมนั้นๆ
• หลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิต
ขั้นตอนการปฏิบัติการตามวัฏจักรของสาธารณภัย
การป้องกันและลดผลกระทบ (Prevention and Mitigation)
การเตรียมความพร้อมรับภัย (Preparedness)
การตอบโต้และบรรเทาทุกข์ (การจัดการในภาวะฉุกเฉิน) (Response and Relief or Emergency
การฟื้นฟูบูรณะและก่อสร้างใหม่ (Rehabilitation and Reconstruction)
ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ( Emergency Medical System : EMS )
หมายถึง การจัดให้มีการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ซึ่งมีส่วนร่วมจากทุกภาค ทุกองค์กรในชุมชนทุกระดับ โดยเน้นหนักด้านความรวดเร็ว วิธีการรักษาที่ถูกต้อง สามารถช่วยเหลือ ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ มีการขนย้ายและการนำส่งผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน ให้แก่โรงพยาบาลที่เหมาะสมได้อย่างมีคุณภาพ ตลอด 24 ชั่วโมง
การพยาบาลสาธารณภัย
การดำเนินกิจกรรมที่มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ที่เกิดจากสาธารณภัย บนพื้นฐานองค์ความรู้ และทักษะทางการพยาบาลอย่างเป็นระบบ ยืดหยุ่น โดยทำงานประสานความร่วมมือกับวิชาชีพอื่น
หลักสำคัญของ การเข้าช่วยเหลือ
•Safety: ประเมินความปลอดภัย
•Scene: ประเมินกลไกการเกิดภัย
•Situation: ประเมินสถานการณ์
ลักษณะการทำงาน
Detection
Reporting
Response
On scene care
Care in transit
การดูแลผู้ประสบภัยพิบัติหรืออุบัติภัยหมู่
D– Detection เป็นการประเมินสถานการณ์
I - Incident command เป็นระบบผู้บัญชาการเหตุการณ์และผู้ดูภาพรวมของการปฏิบัติการทั้งหมด
S – Safety and Security ประเมินความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในที่เกิดเหตุ
A – Assess Hazards ประเมินสถานที่เกิดเหตุเพื่อระแวดระวังวัตถุอันตรายต่างๆที่อาจเหลือตกค้างในที่เกิดเหตุ
S – Support เตรียมอุปกรณ์และทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ในที่เกิดเหตุ
T – Triage/Treatment การคัดกรองและให้การรักษาที่รีบด่วนตามความจําเป็นของผู้ป่วย โดยการใช้หลักการของ MASS Triage Model( Move, Assess, Sort และ Send) เพื่อคัดแยกผู้ป่วยแบ่งเป็นกลุ่ม ตาม ID-me
( Immediate, Delayed, Minimal, Expectant) ได้อย่างรวดเร็ว
E – Evacuation การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R – Recovery การฟื้นฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
บทบาทของพยาบาลในการจัดการสาธารณภัย
การเตรียมความพร้อม ได้แก่ การปกป้อง ประเมินสถานการณ์ภัย การเตรียมพร้อมรับสาธารณภัย
การจัดการในภาวะเกิดสาธารณภัย ได้แก่ การสื่อสาร การสั่งการ การคัดแยกผู้บาดเจ็บ การักษา ขนส่ง
การฟื้นฟูบูรณะ
ผลกระทบของสาธารณภัย
ทางการสาธารณสุข
ทางเศรษฐกิจ
ทางสังคม การเมืองและการปกครอง
ทางสาธารณูปโภค
ทางสิ่งแวดล้อม
Triage ( การคัดแยกผู้ป่วย )
Triage มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า การคัดหรือแยก
ผู้ป่วยที่มารับบริการที่หน่วยตรวจฉุกเฉิน แบ่งผู้ป่วยออกเป็นประเภท ได้แก่
Emergent - ผู้ป่วยด่วนมาก แทนด้วยสัญลักษณ์สีแดง ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องได้รับการแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตภายใน 1 นาที และไม่เกิน 4 นาที ได้แก่ ผู้ป่วยหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น ผู้ป่วยช็อก หายใจลำบากมาก เจ็บอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงเฉียบพลัน เป็นต้น
Urgent ผู้ป่วยฉุกเฉิน แทนด้วย สัญลักษณ์ สีเหลือง ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถรอได้โดยไม่เกิดภาวะคุกคามต่อชีวิต แต่หากรอนานเกินไปอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนถึงชีวิตได้ ได้แก่ ผู้ป่วยมีบาดแผล(ไม่มีเลือดออกมาก) ผู้ป่วยกระดูกหัก ผู้ป่วยหอบเหนื่อย(ไม่มาก) ผู้ป่วยปวดท้อง เป็นต้น
Non urgent – ผู้ป่วยไม่ฉุกเฉิน แทนด้วย สัญลักษณ์สีเขียว เช่น ผู้ป่วยแผลถลอก ปวดท้องเรื้อรัง (สัญญาณชีพปกติ) ท้องโต เป็นต้น
ผู้ป่วยเสียชีวิตหรือหมดหวังในการรักษา จะแทนด้วย สัญลักษณ์สีดำ
การประเมินสภาวะคร่าวๆ โดยเร่งด่วน
Primary assessment
A ได้แก่ Airway maintenance with cervical spine protection
B ได้แก่ Breathing and ventilation
C ได้แก่ Circulation with hemorrhage control
E ได้แก่ Exposure / Environment control
การรักษาขั้นต้นในผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุ
การเตรียมรับผู้ป่วย
1.1 Prehospital phase เป็นการดูแลผู้ป่วย ณ ที่เกิดเหตุ - airway maintenance - control of external bleeding and shock – immobilization - immediate transport ไปยังโรงพยาบาล
D ได้แก่ Disability : Neurologic status
Secondary assessment
F ได้แก่ Fahrenheit ( Keep Patient warm)
G ได้แก่ Get a complete set of V/S
I ได้แก่ Inspect posterior surfaces
H ได้แก่ History & head- to-toe assessment
การสัมภาษณ์เพื่อการคัดกรอง
หลักการจำ OLD CART
O = on set of symptoms
L = Location of problem
D = Duration of symptoms
C =Characteristics of the patient
A = Aggravating factors
R = Relieving factors
T = Treatment administered before arrival
หลักการจำ PQRSTT
P = Provoking factor
Q = Quality of pain
R = Region/Radiation of pain
S = Severity of pain
T =Time pain began
T = Treatment
trauma score
glasgow coma score
capillary filling
respiration
blood pressure
pulse rate
Score Rating Definition
5 Good Recovery Resumption of normal life despite minor deficits
4 Moderate Disability Disabled but independent. Can work in sheltered setting
3 Severe Disability Conscious but disabled. Dependent for daily support
2 Persistent vegetative Minimal responsiveness
1 Death Non survival
การเตรียมรับผู้ป่วย
Inhospital phase เป็นการเตรียมให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ทั้งที่ได้และไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า มีการเตรียมพร้อมทั้งอุปกรณ์ สถานที่ และบุคลากร
Inhospital phase
- airway equipment
intravenous crystalloid solution
monitoring capability
laboratory and radiology
communication with trauma center
universal precaution
Multiple Organs Dysfunction Syndrome
เป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยวิกฤตพร้อมกับมีอาการคุมคามต่อชีวิต โดยจะเป็นกลุ่มอาการที่อวัยวะทำงานผิดปกติ (MODS)จนถึงขั้นล้มเหลว (MOF)ตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไป เกิดขึ้นภายหลังจากร่างกายมีการอักเสบที่รุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ (SIRS)
มีการทำลายเซล, เนื้อเยื่อ หรืออวัยวะที่ปกติของร่างกาย ซึ่งอาจจะอยู่ไกลออกไปจากที่มีการบาดเจ็บในครั้งแรก จากระบบภูมิคุ้มกันหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ชนิดของ MODS
Primary MODS
◦ เป็นผลโดยตรงบริเวณที่เกิด injury มีผลทำให้เกิด impaired perfusion / ischemia
Secondary MODS
◦ ส่วนมากเป็น a complication of septic shock/ Systemic Inflammatory Response Syndrome: SIRS
◦ any forms of shock อาจเป็นสาเหตุ เพราะทำให้เกิดภาวะ inadequate tissue perfusion
ทฤษฏี/สมมุติฐานการเกิดกลุ่ม MODS
Macrophage theory
◦ กระตุ้น macrophages บริเวณที่มีการบาดเจ็บมากเกิน และกระตุ้น neutrophils, endothelial cell ทั่วทั้งร่างกาย ทำให้มีการทำลายอวัยวะที่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุ
Microcirculatory hypothesis
◦ Tissue hypoxia จาก hypotension & shock
Endothelial-Leukocyte Interaction
◦ ปฎิสัมพันธ์ระหว่างเม็ดเลือดขาว & เซลเยื่อบุผนังด้านในของหลอดเลือด
Gut Hypothesis
◦ การบาดเจ็บที่รุนแรงทำให้เกิด gut hypoxia, mucosal leakage ทำให้ bacterial translocation เข้ามาในร่างกายผ่าน portal system เข้าตับ กระตุ้นKupffer’s cells หลั่ง pro-inflammatory cytokines ออกมามากกระจาย
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ
การบาดเจ็บที่ใบหน้า : จากอุบัติเหตุ จะพบมีเลือดในช่องปากหรือจมูกและฟันหลุดในช่องปาก กระดูกขากรรไกรบนที่แตกรุนแรง
ประเมินโดย ตรวจร่างกายเบื้องต้น primary assessment
Rapid Trauma Assessment : ตรวจโดยใช้ วิธีการดู (inspect) และการคลำ หรือสัมผัส (Palpate) โดยใช้หลักการ อักษรช่วยจำ DCAP-BTLS
D = Deformities : การผิดรูป
C = Contusions : การฟกช้ำ
A = Abrasions : แผลถลอก
P = Puncture / Penetrations : แผลที่มีวัสดุปักคา
B = Burns : แผลไหม้
T = Tenderness : ตำแหน่งที่กดนั้นมีการเจ็บ
L = Lacerations : แผลฉีกขาด
S = Swelling : อาการบวม
การรักษา
Clear airway
2.Control hemorrhage
Management of shock
การบาดเจ็บที่คอ
อาการแสดง : ปวดต้นคอ กล้ามเนื้อคอแข็งเกร็ง, ปวด, บวม,อาจมีรอยฟกช้ำของเลือดให้เห็น มีแขนหรือขาชา และ อ่อนแรงร่วมด้วย
ควรคำนึงถึงอาจได้รับบาดเจ็บหลอดอาหารด้วย
การรักษา
ดามคอที่หักให้ตรง rigid cervical collar
ดึงกระดูกคอ
การผ่าตัด
ปัญหาการพยาบาล
Obstruct airway
Circulatory failure
IICP
CSF rhinorrhea otorrhea
Skin infection osteomyelitis
Body image change
Malnutrition
Pain
Communication problem
Home health education
การบาดเจ็บที่ทรวงอก
ทางเดินหายใจส่วนบน พบกล้ามเนื้อบริเวณคอโป่ง sternocliedomastoid
ถ้าอากาศยังไม่สามารถเข้าปอดได้ ทรวงอกจะขยายออกไม่ได้เต็มที่ แต่กลับมีส่วนที่ยุบเข้าไปได้ คือ Suprasternal notch supraclavicular Fossae Intercostal space และ Epigastium จะยุบตัวเข้าไปทันที
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาวะการบาดเจ็บทรวงอก
(Pathophysiology of Chest Injury)
ภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเมดิเอสตินั่ม (Mediastinum)
3.1 ภาวะที่ทำให้เกิดการเบียดเมดิเอสตินั่มไปข้างใดข้างหนึ่ง ได้แก่ ภาวะลมรั่วอันตราย ,ภาวะมีน้ำจำนวนมากในช่องเยื่อหุ้มปอด ,ภาวะที่มีเลือดจำนวนมากในช่องเยื่อหุ้มปอด
3.2 ภาวะที่ทำให้เกิดการแกว่งของเมดิเอสตินั่ม ได้แก่ ภาวะที่มีรูรั่วของผนังทรวงอก , ภาวะที่มีอกรวน
3.3 ภาวะที่มีก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตในเมอิเอสตินั่ม ได้แก่ ภาวะที่มีเส้นเลือดโป่งพอง, ภาวะมีเนื้องอกของเมดิเอสตินั่ม ,ภาวะที่มีต่อมน้ำเหลืองโต
3.4 ภาวะการติดเชื้อในเมดิเอสตินั่ม ได้แก่ ภาวการณ์ติดเชื้อแบบเฉียบพลัน , ภาวะการติดเชื้อแบบเรื้อรัง
3.5 ภาวะการกดต่อเมดิเอสตินั่ม ได้แก่ ภาวะมีลมรั่วในเมดิเอสตินั่ม , ภาวะมีการรัดต่อเมดิเอสตินั่ม
ภาวะที่มีลมรั่วเข้าไปในเลือด (Air emboil)
ภาวะการเปลี่ยนแปลงในช่องเยื่อหุ้มปอด
1.1 ภาวะที่มีลมรั่วเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด ได้แก่ ภาวะที่ลมรั่วแบบธรรมดา ,ภาวะที่ลมรั่วแบบอันตราย ,ภาวะที่ลมรั่วแบบมีรูติดต่อภายนอก
1.2 ภาวะที่มีของเหลวเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด ได้แก่ ภาวะมีเลือด ,ภาวะมีน้ำ ,ภาวะมีหนอง
1.3 ภาวะที่มีการติดกันของเยื่อหุ้มปอดชั้นนอกและชั้นใน
1.4 ภาวะที่มีการเสียความแข็งแรงของผนังทรวงอก หรือภาวะอกรวน
ภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardial Cavity)
กลไกการบาดเจ็บที่ทำให้เกิด Flail chest
การหายใจแบบ paradoxical respiration
การรักษาการบาดเจ็บทรวงอก
ยึดหลัก ABCD
ภาวะอกรวน ยึดทรวงอกให้อยู่นิ่ง
รักษาภาวะช็อค
Cardiac tamponade มีอาการสำคัญ เรียก Beck’s Traid : Hypotension ,Engorged neck Vein , Distant heart sound ทำ Pericardiocentesis
การบาดเจ็บที่ช่องท้อง
ประเภทของการบาดเจ็บช่องท้อง มี 2 ประเภท
Blunt trauma การบาดเจ็บที่ไม่มีแผลทะลุที่ท้อง หรือถูกกระแทก การให้การช่วยเหลือ โดยวิธีการผ่าตัด สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
Penetrating trauma เป็นการบาดเจ็บที่มีแผลทะลุหน้าท้อง แบ่งออกเป็น การบาดเจ็บที่มีแผลถูกแทงจากของมีคม และการบาดเจ็บที่ท้องที่มีแผลถูกยิง : การผ่าตัด
การประเมินสภาพ
การดู : พบรอยช้ำ รอยแผลบริเวณท้อง หลัง เอว(Grey-Turner’s sign) และรอบสะดือ(Cullen’s sign) ท้องโป่งตึง โดยต้องมีเลือดออกมากกว่า 1.5 ลิตรท้องจึงจะโป่งตึง
การคลำ : ผู้ป่วยเกร็งหน้าท้องเองเวลากด (Voluntary guarding) หน้าท้องเกร็งจากการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้อง (Involuntary guarding การกดหน้าท้องแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว (Rebound tenderness)
การฟัง, การเคาะ : อาจพบเสียงลำไส้ที่ช่องอก เคาะทึบ หรือโป่ง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด หมดสติ ช็อก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC
Blood chemistry : glucose BUN, cr, Amylase, LFT
Blood type, screen and cross match
Serum chemistry
Liver function studies : LFT
Urinalysis
Coagulation profile: PT,PTT
การตรวจพิเศษ
Focused Assessment with Sonography for Trauma (F.A.S.T.):
Imageingstudy
CXR, Plain Abdomen, Film Pelvis, Film spine
Diagnostic peritoneal lavage (DPL)
การรักษาพยาบาลที่สำคัญ
ช่วยเหลือเบื้องต้น ทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต การดามกระดูกสันหลัง
วัตถุที่เสียบคา ทำให้สั้นลงเพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย, ปล่อยให้มีส่วนของวัตถุโผล่พ้นขึ้นมา, ทำให้นิ่งอยู่กับที่ให้มากที่สุดจนกว่าจะได้รับการผ่าตัด
อวัยวะในช่องท้องที่โผล่ทะลักออกมาห้ามนำกลับเข้าที่เดิมจนกว่าจะได้รับการผ่าตัดให้ ปิดคลุมด้วยผ้าก็อซชุบน้ำเกลือ (หรือที่สะอาดที่สุดที่จะหาได้ในขณะนั้น) และปิดทับด้วยผ้าก็อซแห้งหรือวัสดุที่ป้องกันการซึมผ่านได้อีกชั้นหนึ่ง
การรักษาตามอาการและผลกระทบจากการถูกทำลายของอวัยวะนั้นๆ เช่น ตับไตม้าม
การผ่าตัด
การบาดเจ็บกระดูกเชิงกราน
การถูกกระแทกจากทางด้านข้าง ไม่ทำให้ Ligament ฉีกขาดได้
การถูกแรงกระแทก จนทำให้ Ligament ฉีกขาดร่วมกับอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ ได้แก่ หลอดเลือด หรือระบบประสาท
เกิดจากแรงกระแทกด้านเดียวของเชิงกราน และเป็นสาเหตุที่รุนแรงมากที่สุด
อาการและอาการแสดง
มีแผลที่ทวารหนักหรือช่องคลอด,เลือดออกทางเดินปัสสาวะ,คลำกระเพาะปัสสาวะได้,ตรวจทางทวารหนักคลำตำแหน่งของต่อมลูกหมาก,คลำได้ชิ้นกระดูกหรือเลือดคั่งจากการตรวจทางทวารหนักเรียกว่า Earle’s sign
มีเลือดออกหลังเยื่อบุช่องท้อง(retroperitoneal hematoma) โคนขาจะขยายออกทั้งสองข้าง (เลือดไหลเซาะลงมาใต้ inguinal ligament) หรือ เลือดคั่งในถุงอัณฑะ(จาก uroginital diaphragm ฉีกขาด) เรียกว่า Destor’s sign
การดูแลรักษาเบื้องต้น
วัดสัญญาณชีพ ประเมินการสูญเสียเลือดอย่างรุนแรง
ให้สารน้ำทดแทน เพื่อรักษาปริมาตรของสารน้ำในระบบไหลเวียนอย่างรวดเร็ว
การ Reduction และ Stabilization ทำ External fixator
การผ่าตัดผูกหลอดเลือด
การบาดเจ็บระบบทางเดินปัสสาวะ
การบาดเจ็บที่ไต
การบาดเจ็บที่ท่อไต
การบาดเจ็บต่อกระเพาะปัสสาวะ
การบาดเจ็บต่อหลอดปัสสาวะ
การบาดเจ็บอวัยวะเพศ
การตรวจร่างกาย
การดู : รอยจ้ำเลือดบริเวณบั้นเอวหน้าท้องหรือบริเวณฝีเย็บ เลือดออกบริเวณรูเปิดของทางเดินปัสสาวะ
การฟัง : เสียง bruits
การเคาะ : เคาะหากระเพาะปัสสาวะ เคาะหน้าท้องทั่วไปว่าทึบหรือไม่
การคลำ : การกดเจ็บและแข็งเกร็งบริเวณบั้นเอว วัดรอบท้องตรวจดูภาวะท้องอืด คลำหาก้อนบริเวณท้องและบั้นเอวและอาจพบการไหลออกของปัสสาวะหรือเลือด(extravasation)ตรวจทวารหนักเพื่อดูตำแหน่งของต่อมลูกหมาก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
BUN และCreatinine
CBC
การตรวจพิเศษ
Plain KUB (X-ray), Intravenous pyelography Retrograde pyelography
การรักษา
การใส่ท่อระบายกระเพาะปัสสาวะ
ผ่าตัดซ่อมแซมส่วนที่แตกและล้างน้ำปัสสาวะที่ เข้าไปอยู่ในช่องท้องออกให้สะอาด
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายระบบ
1.ประเมินอาการแสดงของภาวะล้มเหลวหลายระบบ เช่น SIR
ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดอย่างเพียงพอ
2.2. ดูแลให้สารน้ำไม่เกิน wedge> 18 mmHg ถ้าซีดต้องให้เลือด
2.1 เฝ้าระวังให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพียงพอ
2.3. ดูแลให้ยา vasopressor และ inotropic drug เพื่อรักษา perfusion pressure ของผู้ป่วย
2.4 ดูแลให้ยา diuretics และ Dopamine
2.5 ดูแลให้ sodium bicarbonate เพื่อรักษาภาวะความเป็นกรด
3.ให้ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
3.2 ทำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยการดูดเสมหะ
3.1 อาจใช้เครื่องช่วยหายใจ mode PEEP
3.3 ฟังเสียงปอด และติดตามผล chest x ray
3.4 ดูแลให้ยาขยายหลอดลม
ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
4.1 ดูแลให้ยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้และสังเกตผลข้างเคียงของยา
4.2 ส่งตรวจและติดตามผลเพาะเชื้อ เลือด ปัสสาวะ เสมหะ และสารคัดหลั่ง
4.3 ใช้หลัก aseptic technigue
ดูแลให้สารอาหารอย่างเพียงพอ ติดตาม bowel sound และนน.ตัวทุกวัน
นางสาวชุติปภา พนมใส เลขที่ 22
รหัส 61121301024