Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ - Coggle…
บทที่ 3 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์สำหรับพยาบาล และการกระทำความผิดที่พบบ่อย
ความสามารถของบุคคลในการให้การยินยอมรักษาพยาบาล
ความสามารถของบุคคล (Capacity)กล่าวคือ ถ้าบุคคลบรรลุนิติภาวะ กฎหมายถือว่าบุคคลมีวุฒิภาวะที่จะตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองทั้งนี้บุคคลจะมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายนั้น ต้องมี “สภาพบุคคล หรือ มีชีวิต” และบุคคลนั้นต้องมีความสามารถที่จะใช้สิทธิต่างๆ ตามกฎหมาย
บุคคล
1. บุคคลธรรมดา
หมายถึง มนุษย์ที่มีชีวิตรอดภายหลังการคลอดจากครรภ์มารดา ในทางกฎหมายกำหนดให้สภาพบุคคลเริ่มตั้งแต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก และสิ้นสุดลงเมื่อตาย
การตายโดยธรรมชาติ หมายถึง การป่วยตาย แก่ตาย หรือถูกฆ่าตายของบุคคล
การสาบสูญ หมายถึง การที่บุคคลได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่า บุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เป็นเวลาติดต่อกัน 5 ปี ในเหตุการณ์ปกติ หรือเป็นเวลา 2 ปี
2. นิติบุคคล
หมายถึง สิ่งซึ่งกฎหมายสมมติให้เป็นบุคคล เช่น สมาคม มูลนิธิ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นต้น
บุคคลที่จำกัดสิทธิในการทำนิติกรรม
1. ผู้เยาว์ (Minor)
หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 2 กรณี คือ อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือการสมรสเมื่อหญิงและชายอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ ผู้เยาว์ไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ โดยลำพัง กล่าวคือ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ได้แก่ บิดามารดา หรือผู้ปกครอง
การลงนามยินยอมในการรักษาพยาบาลโดยสมัครใจ อาจต้องพิจารณาเป็นกรณีตามความเหมาะสม
กรณีปกติ หากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 18 ปี ถ้าเด็กรู้เรื่องและการเจ็บป่วยเล็กน้อย พยาบาลและแพทย์อาจให้เด็กลงนามเอง หากต้องผ่าตัด ใช้เครื่องมือพิเศษ หรือกระทาการใดๆ ที่มีความเสี่ยงสูง ควรมีบิดามารดาลงนามแทน
หากผู้เยาว์เจ็บป่วยฉุกเฉิน ต้องรีบรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยเด็กสามารถได้รับการรักษาเพื่อช่วยชีวิต โดยไม่ต้องลงนามยินยอมรักษา
2. คนไร้ความสามารถ (Incompetence)
หมายถึง คนวิกลจริต (Unsound mind) หรือ อยู่ในภาวะผัก (Vegetative state)
การยินยอมให้การรักษาพยาบาลของคนไร้ความสามารถจึงต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาล เว้นแต่กรณีฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต
3. คนเสมือนไร้ความสามารถ (Quasi – incompetence)
หมายถึง บุคคลที่ไม่สามารถจัดทำการงานโดยตนเอง เช่น กายพิการ จิตฟั่นเฟือน เป็นต้น
การยินยอมรับการรักษาพยาบาลใช้สิทธิและปฏิบัติหน้าที่อย่างธรรมดาทั่วไป
4. ลูกหนี้ที่ถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย
เป็นผู้หย่อนความสามารถ ไม่สามารถกระทำการใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตนแต่ไม่รวมถึงการยินยอมรับการรักษาพยาบาล
5. สามีภริยา
ไม่รวมถึงการยินยอมรับการรักษาพยาบาล ยกเว้นการทำหมันหรือการทำแท้งที่ถูกกฎหมาย ที่ต้องขอความยินยอมในการรักษาพยาบาล
สภาพบังคับทางแพ่ง
การชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทน
1. ความเสียหายที่คำนวณราคาเป็นเงินได้
เช่น นาย ก. ทาร้าย นาย ข. จนแขนหักต้องเสียค่ารักษาพยาบาล ค่าพาหนะในการเดินทางไปโรงพยาบาล และค่าสูญเสียความสามารถในการประกอบการงานในภายภาคหน้า
2. ความเสียหายที่ไม่อาจคำนวณราคาเป็นตัวเงินได้
เช่น หมิ่นประมาท ความเศร้าเสียใจที่บุตรถูกรถชนตาย ค่าเสื่อมสุขภาพอนามัย ค่าทำขวัญ เป็นต้น
กรณีผู้เสียหายเสียชีวิต ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เช่น ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ ค่าขาดแรงงาน เป็นต้น
กรณีเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เช่น ค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่าย ค่าขาดประโยชน์ทามาหาได้ในระหว่างเจ็บป่วย เป็นต้น
ความรับผิดทางแพ่ง
1. การกระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย
เช่นพยาบาลไม่เดินดูอาการผู้ป่วยตามคำร้องขอของญาติ เพราะคิดว่าไม่เป็นอะไร ผู้ป่วยมีอาการเขียวจากภาวะหายใจลำบาก เป็นต้น
2. การกระทำโดยจงใจหรือประมาท
การกระทำโดยจงใจ เช่น นาง ข. พยาบาลวิชาชีพไม่ยอมดูดเสมหะให้ นาย ก. ที่ไม่รู้สึกตัวและได้รับการเจาะคอใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะโกรธแทนบุตรของตนโดยไม่ได้คิดถึงผลเสียต่อ นาย ก. ต่อมา นาย ก. ถึงแก่ความตาย
การกระทำโดยประมาทเลินเล่อ เช่น การให้ยาผู้ป่วยโดยไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารยา หรือ 6Rs การใช้ชุดทำแผลที่หมดอายุ การเขียนใบสั่งยาแทนแพทย์ การต่อเครื่องดูดจากท่อระบายทรวงอกผิดทาง
3. ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
เช่น การทำผ่าตัดผิดพลาด ทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดมากและเสียชีวิต เป็นต้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๔๔๓
ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทน ได้แก่ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจาเป็นอย่างอื่น ๆ อีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทามาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
มาตรา ๔๔๔
ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย
มาตรา ๔๔๕
ในกรณีทำให้เขาถึงตาย หรือให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ถ้าผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายนอกในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั้นไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย
มาตรา ๔๔๖
ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
กฎหมายอาญาสำหรับพยาบาล และการกระทำความผิดที่พบบ่อย
ประเภท
ความผิดต่อแผ่นดิน
เป็นความผิดที่สำคัญและร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายและ สังคมส่วนรวม เช่น การกระทำที่มีผลต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร การปลอมและการแปลงเอกสาร การลักทรัพย์ และความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย เป็นต้น
ความผิดต่อส่วนตัว
เป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายฝ่ายเดียว และกฎหมายบัญญัติประเภทไว้ชัดเจน เช่น ความผิดฐานฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ผู้อื่น หมิ่นประมาท ความผิดฐาน บุกรุก ความผิดทางเพศ เป็นต้น
ลักษณะสำคัญของความรับผิดทางอาญา
ต้องมีบทบัญญัติความผิด และกำหนดโทษไว้โดยชัดแจ้ง
ต้องตีความเคร่งครัดตามตัวอักษร เช่น การฉีดยาหรือให้ยานอนหลับแก่ผู้ป่วย หากไม่ได้เป็นไปเพื่อการรักษาพยาบาล ถือว่าเป็นการประทุษร้ายตามกฎหมายอาญา
3.ไม่มีผลย้อนหลังที่เป็นโทษ หมายถึง จะไม่มีผลในการเพิ่มโทษแก่บุคคล หากขณะกระทำยังไม่มีกฏหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด
หลักเกณฑ์ความรับผิดทางอาญา
1.การกระทำ
กล่าวคือ ผู้กระทำต้องรู้สึกตัวและรู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด เช่น พยาบาลวิชาชีพผูกรัดข้อมือผู้ป่วย พยาบาลรู้ว่ากำลังผูกข้อมือผู้ป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยดึงสายน้าเกลือ แต่ถ้าผูกแน่นไปและไม่มีการประเมิน ทำให้มือของผู้ป่วยขาดเลือด เกิดแผลเน่า หากรักษาไม่ถูกต้องจะทำให้มือพิการได้ เป็นต้น
2. กฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดและกำหนดโทษ
3. กระทำโดยเจตนา ประมาท หรือไม่เจตนา
การกระทำโดยเจตนา เช่น พยาบาลวิชาชีพฉีดยาแก้ปวดเกินขนาดจนกดศูนย์การหายใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายพ้นจากทุกข์ทรมานตามคำร้องขอของญาติ ถ้าผู้ป่วยตาย พยาบาลมีความผิดฐานะฆ่่าคนตายโดยเจตนา หากไม่ตายทันทีจะมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
การกระทำโดยประมาท (Negligence)
การกระทำโดยไม่เจตนา เช่น ใช้มีดฟันที่ขาผู้ตาย มีบาดแผลเล็กน้อยแค่ผิวหนังฉีกขาด ถ้ารักษาตามหลักวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ทำให้ถึงตายได้ แต่ผู้ตายปล่อยแผลให้สกปรกเกิดการติดเชื้อและเป็นบาดทะยักตาย
4.เหตุยกเว้นความรับผิดทางอาญา
เหตุยกเว้นความรับผิด เช่น การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้เสียหายยินยอมให้กระทำ
เหตุยกเว้นโทษ เช่น กระทำด้วยความจำเป็น การกระทำผิดเพราะความบกพร่องทางจิต การกระทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน การกระทำของเด็กอายุไม่เกิน 10 ปี เป็นต้น
เหตุลดหย่อนโทษ เช่น การกระทำความผิดโดยไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด การกระทำโดยบันดาลโทสะ
5. อายุความ
อายุความฟ้องคดีทั่วไป ระยะเวลาของอายุความแปรตามอัตราโทษตามความผิด เช่น อายุความ 20 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือ 20 ปี
อายุความฟ้องคดีความผิดอันยอมความได้ เช่น ความผิดฐานบุกรุกหรือหมิ่นประมาท กฎหมายกำหนดให้ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
ความรับผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการพยาบาล
ความประมาทในการประกอบวิชาชีพ
1.1 ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ เช่น ให้ผู้ช่วยพยาบาลประเมินอาการทางระบบประสาท หรือให้ฉีดยาแทน ถือว่าเป็นความประมาทในการประกอบอาชีพ เป็นต้น
1.2 ใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์การแพทย์ไม่ถูกต้อง เช่น ไม่ปฏิบัติตามคู่มือการใช้เครื่องมือ ไม่ตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องมือก่อนนำมาใช้ วางเครื่องมือไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมในระหว่างให้การรักษา และไม่เรียนรู้การทำงานของเครื่องมือ ไม่ตอบสนองหรือรีบตรวจสอบเมื่อมีเสียงเตือน (alarm) ดังจากเครื่อง ไม่ตรวจสอบสภาพความพร้อมใช้ของเครื่องมือ ไม่มีระบบการดูแลรักษาเครื่องมือที่เป็นมาตรฐาน เป็นต้น
1.3 ความบกพร่องด้านการสื่อสาร เช่น ไม่รายงานแพทย์เมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือรายงานแพทย์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ไม่รับฟังความกังวลของผู้ป่วย ให้ข้อมูลการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วยก่อนจาหน่ายออกจากโรงพยาบาลไม่เพียงพอ เป็นต้น
1.4 ความบกพร่องด้านการบันทึก เช่น ไม่บันทึกความก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยไว้ในเวชระเบียน รายละเอียดของบาดแผล ประวัติการแพ้ยา แพ้สารต่างๆ คำสั่งการรักษาของแพทย์เมื่อมีคำสั่งการรักษาทางโทรศัพท์ เป็นต้น
1.5 ความบกพร่องด้านการประเมินและเฝ้าระวังอาการ เช่น ประเมินอาการในแต่ละเวรไม่ครบถ้วน ไม่ปรับปรุงแผนการดูแล ไม่สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย ไม่รายงานแพทย์เมื่อมีความผิดปกติ เป็นต้น
1.6 ความบกพร่องด้านการไม่พิทักษ์สิทธิของผู้ป่วย เช่น ไม่ทักท้วงเมื่อแพทย์มีคำสั่งให้จาหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยอาการยังไม่ดีพอที่จะกลับบ้าน เป็นต้น
การทอดทิ้งหรือละเลยผู้ป่วย
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่น ไม่มาขึ้นเวร ไม่ดูแลผู้ป่วย หลับเวร ดูละคร หรือขาดความเอาใจใส่ดูแลผู้ป่วยตามหน้าที่ ทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายหรือมีอาการหนักขึ้น เป็นต้น
ผู้มีหน้าที่ดูแลคนวิกลจริตหรือผู้ป่วยจิตเวช แต่ไม่ดูแลปล่อยปละละเลยให้ผู้ป่วยออกไปโดยลำพังออกไปก่ออันตรายแก่ผู้อื่นหรือตนเอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
การเปิดเผยความลับของผู้ป่วย
รู้ความลับผู้อื่นมาเนื่องจากการประกอบอาชีพหรือจากการศึกษาอบรม
เปิดเผยความลับนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อยกเว้นตามหลักเกณฑ์
เป็นข้อผูกพันหรือหน้าที่ เช่น การออกใบรับรองแพทย์
โรคติดต่อร้ายแรงเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด จำเป็นต้องปกป้องคุ้มครองบุคคลอื่นๆ
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่อาจรับผิดชอบหรือตัดสินใจด้วยตนเอง จำเป็นที่แพทย์ต้องเปิดเผยหรือแจ้งเรื่องราวให้แก่ญาติหรือผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อผู้ป่วยทราบ
คำสั่งศาล
ผู้ป่วยรับรู้และยินยอมให้เปิดเผย เช่น บริษัทประกันชีวิตขอทราบประวัติการเจ็บป่วยและผู้ป่วยลงชื่อยินยอมให้เปิดเผยเป็นลายลักษณ์อักษร
การรายงานการทุบตีทำร้ายร่างกายในครอบครัว
รายงานบาดแผลที่ผู้ป่วยมารักษา เนื่องจากก่อคดีอาชญากรรม เช่น นาย ก. ถูกยิงเนื่องจากเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของผู้อื่น ซึ่งถือเป็นภัยของสังคม ต้องแจ้งแผนกนิติเวชโรงพยาบาลเพื่อรายงานตำรวจ เป็นต้น
การปฏิเสธความช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายต่อชีวิต
การไม่ช่วยเหลือหรือปฏิเสธการช่วยเหลือผู้อื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทั้งๆ ที่ตนอาจช่วยได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร
5.1 ความผิดฐานปลอมเอกสาร เช่น ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือบางส่วน นำเอกสารปลอมที่ทาขึ้นไปใช้ในทางที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นต้น
5.2 ความผิดฐานทาหรือรับรองเอกสารเท็จ
เป็นผู้ทำคำรับรองเป็นเอกสารเท็จ หรือเป็นผู้ใช้หรืออ้างคำรับรองนั้นโดยทุจริต
ใช้เอกสารเท็จนั้นในทางที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การทำให้หญิงแท้งลูก
การทำให้ตนเองแท้งลูก ไม่ว่าจะกระทำให้แท้งโดยวิธีใด เช่น การกินยาขับเลือด กระโดดโลดเต้น ขี่ม้าหรือมพฤติกรรมที่ผาดโผน เป็นต้น ย่อมมีความผิดและได้รับโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การทำให้หญิงแท้งลูกโดยผู้เสียหายยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แพทย์ พยาบาล ผดุงครรภ์ หรือหมอตาแย ที่เปิดคลินิกรับทำแท้งหรือรับปรึกษาปัญหาครอบครัว ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย ต้องรับโทษ และโทษจะหนักขึ้น หากหญิงที่มาทำแท้งเกิดอันตรายสาหัส หรือถีงแก่ความตาย
การทำให้หญิงแท้งลูกโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การพยายามทำให้หญิงแท้งลูก หมายถึง การทำแท้งที่ไม่ได้กระทำไปจนครบกระบวนการ หรือกระทำไปจนครบทุกขั้นตอน แต่ไม่บรรลุผล คือ ไม่แท้ง หากหญิงนั้นยอม ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ เพราะความผิดยังไม่สาเร็จ คือ ยังไม่แท้งลูก
การทำให้หญิงแท้งที่ถูกกฎหมาย
จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพหญิงตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์เนื่องจากถูกข่มขืนกระทำชำเรา
ประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๒
บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทาการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทานั้นบัญญัติเป็นความผิดและกาหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่ผู้กระทาความผิดนั้น ต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
มาตรา ๒๓
ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ศาลจะพิพากษาให้ลงโทษกักขังไม่เกินสามเดือนแทนโทษจำคุกนั้นก็ได้
มาตรา ๒๘
ผู้ใดต้องโทษปรับ ผู้นั้นจะต้องชำระเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้ในคาพิพากษาต่อศาล
มาตรา ๒๖๔
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๖๙
ผู้ใดในการประกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชีหรือวิชาชีพอื่นใด ทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๐๐
ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๐๑
หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ