Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา เซลเจริญผิดปกติ, อ้างอิง : กัลยา…
บทที่ 10
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา
เซลเจริญผิดปกติ
โรคมะเร็ง
Acute lymphoblastic leaukemia
เป็นความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว คือ มีเม็ดเลือขาวตัวอ่อนจำนวนมาก (blast cell) ที่ไม่สามารถเจริญไปเป็นเซลแก่ได้ และเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วทำให้เม็ดเลือดแดง และเกร็ดเลือดต่ำ
ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด AML
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิด CLL
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิด CML
สาเหตุ
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
การมีประวัติได้รับสีไออนไนซ์
การมีประวัติได้รับยาเคมีบำบัดในการรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นมาก่อน
การสัมผัสสารเคมีที่เป็นพิษบางชนิด โดยเฉพาะสารเบนซิน สารฟอร์มาลดีไฮด์
ควันบุหรี่ สูบบุหรี่
ปัจจัยทางพันธุกรรม
ฝาแฝด
Down’s syndrome
ในครอบครัวมีคนเป็น
อาการ
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลียง่าย จากเม็ดเลือดแดงต่ำ
เลือดออกง่ายจากเกร็ดเลือดต่ำ
ติดเชื้อง่าย มีไข้
จากเม็ดเลือดขาวที่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้
เม็ดเลือดขาวไปเบียดบังอวัยวะต่างๆ หรือไปสะสมตามอวัยวะต่างๆทำให้มีก้อนขึ้นที่ขาหนีบ ต่อมน้ำเหลือง ขา คอ หรือมีตับ ม้ามโต
การวินิจฉัย
ตรวจCBC หาblast cell และยืนยนโดยเจาะไขกระดูก
Lymphoma
เจอบ่อยที่ Cervical Lympnode
ชนิด
Non-Hodgkin Lymphoma
Burkitt Lymphoma
Hodgkin Lymphoma
จะพบ Reed-Sternberg cell
การวินิจฉัย
Biosy, ตรวจไขกระดูก, CT scan, MRI, Bone scan, PET scan
อาการ
เริ่มต้น
พบก้อนที่บริเวณต่างๆไม่เจ็บ ไข้ หนาวสั่น เหงื่ออกมากเวลากลางคืน ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก ต่อมทอนซิลโต
ลุกลาม
ซีด เลือดออกง่าย จุดเลือดออก จ้ำเลือด
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง จะแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องโต
การรักษา
การฉายรังสี
ปลูกถ่ายเซลล์ต้นเนิด
Chemotherapy
Wilm Tumor
มะเร็งไต ภาวะที่เนื้อไตชั้นพาเรนไคมา(Parenchyma) มีการ
เจริญผิดปกติจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกภายในเนื้อไตและคลำได้ทางหน้าท้อง
ไม่ให้คลำบ่อย เพราะอาจเกิดการแพร่กระจาย
Neuroblastoma
เป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรงที่พบได้บ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี
ต้นกำเนิดจากเซลประสาท
มีก้อนโตในท้อง ปวดท้อง
raccoon eyes
มีไข้ ปวดกระดูก ตำแหน่งที่พบมาสุดคือต่อมหมวกไต
ตอบสนองต่อการรักษาไม่ดี การตายสูง
การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
ระยะการให้เคมีบำบัด
ระยะให้ยาแบบเต็มที่
ให้ยาหลายชนิดร่วมกันเพื่อให้ทำลายเซลล์มะเร็งให้เหลือน้อยที่สุด
ช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์
ยาMetrotrexate, 6 – MP, Cyclophosephamide
ระยะป้องกันโรคเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง
หลังให้ยาผู้ป่วยที่มีจำนวนเกล็ดเลือดต่ำ ตับม้ามโต มีโอกาสกลับมาเป็นโรคซ้ำอีก
ยาMetrotrexate, Hydrocortisone,ARA – C
ระยะชักนำให้โรคสงบ
มีอันตรายต่อเซลล์ปกติให้น้อยที่สุด
ทำให้ไขกระดูกสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ตามปกติ
ใช้เวลา4 – 6 สัปดาห์
ยาVincristine, Adriamycin,L – Asparaginase, Glucocorticoid
ระยะควบคุมโรคสงบ
ให้ยาเพื่อรักษาโรคอย่างถาวร
ยา6 – MP โดยกินทุกวันร่วมกับการให้ Metrotrexate
การรักษาประคับประคอง
การรักษาทดแทน
ให้เลือดเพื่อให้ระดับฮีโมโกลบินไม่น้อยกว่า 7-8 กรัม/ดล.ในระยะแรกก่อนโรคสงบ
การรักษาด้วยเกร็ดเลือด
ยาเคมีบำบัดที่ใช้บ่อย
Cytarabine(ARA-C)
=รักษาALL ขัดขวางการสร้างDNA
Methotrexate
=รักษามะเร็ง Acute leukemiaโดยยับยั้งการสร้างDNA และRNA
Mercaptopurine(6-MP)
=รักษาALLโดยยับยั้งการสร้าง Purine ยับยั้งการสร้างกรดนิวคลีอิก
Cyclophosphamide
=รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว จับกับDNAของเซลล์มะเร็งทำให้เพิ่มจำนวนไม่ได้
วิธีการให้ยา
IT ทางช่องไขสันหลัง
IM ทางกล้ามเนื้อ
IVทางหลอดเลือดดำ
ยารักษาภาวะแทรกซ้อนจากการรับยาเคมีบำบัด
Ondasetron(onsia)
=ป้องกันการคลื่นไส้อาเจียน
Bactrim
=ป้องกันติดเชื้อฉวยโอกาส
Mesna
=ป้องกันภาวะเลือดออกในผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ใช้ยาCyclophosphamide
Amikin
=ป้องกันการติดเชื้อ
การดูแลเด็กที่ได้รับยาเคมีบำบัด
ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด
ผลต่อระบบเลือด
2.เม็ดเลือดขาวต่ำ
ประเมินได้จากค่า ANC
เม็ดเลือดขาวต่ำปานกลาง ANC 500-1000 เซลล์/ลบ.มม.
เม็ดเลือดขาวต่ำรุนแรง ANC ต่ำกว่า 500 เซลล์/ลบ.มม.เสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบในกระแสเลือด ,ติดเชื้อรา
เม็ดเลือดขาวต่ำเล็กน้อย ANC 1000-1500 เซลล์/ลบ.มม.
งดให้ยาเคมีบำบัด
การดูแลเด็กที่มี ANC ต่ำต้องแยกเด็กไว้ในห้องแยก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
3.เกร็ดเลือดต่ำ
น้อยกว่า 100,000/mm3 ทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่ายกว่าปกติ
ต่ำกว่า 50,000เซลล์/ลบ.มม.จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเลือดออกง่ายหยุดยาก
ต่ำกว่า 10,000 เซลล์/ลบ.มม. มีโอกาสเกิดเลือดออกในทางเดินอาหารหรือ มีเลือดออกในสมอง
1.เม็ดเลือดแดง
ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดจะมีภาวะซีด (Anemia)
ใช้เลือดเมื่อHb อยู่ที่ 8-10 gm/dl, Hct 24-30 gm/dl
ผลต่อระบบทางเดินอาหาร
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน แผลในปากและคอ ปวดท้องท้องเดิน ท้องผูก
อาการอาเจียนให้ยา Onsia (ondansetron) เข้าทางหลอดเลือดดำ
ป้องกันการติดเชื้อในปาก โดยการให้ผู้ป่วยบ้วนปากด้วย 0.9%NSS
อย่างต่อเนื่องทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร หรืออาจจะทุก 2 ชั่วโมงในรายที่มีแผลในปาก
จะมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำให้กินLowBacterial diet คืออาหารที่สุกสะอาดและปรุงเสร็จใหม่ๆ
ผลต่อระบบผิวหนัง
ทำให้ผมร่วง หลังจากได้ยาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์และจะงอกขึ้นมาใหม่หลังหยุดยา2-3 เดือน
ลักษณะผมที่ขึ้นมาใหม่จะไม่เหมือนเดิม สี ความหนา ความยืดหยุ่น จะเปลี่ยนไป
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ยาบางชนิดก็มีฤทธิ์ทำลายไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ
และนอกจากนี้การตกตะกอนของยาเคมีบำบัดทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ Cystitis
ควรได้รับน้ำที่มากพอทางหลอดเลือดดำและทางปาก
ให้7.5% NaHCO3 เพื่อและต้องปรับ
ปรับให้ปัสสาวะมีฤทธ์เป็นด่าง เพื่อให้การขับยาออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามค่าsp.gr ให้ต่ำกว่า 1.010 , PH ของปัสสาวะสูงกว่า 6.5-7
ยาที่มีผลเสียต่อไต
Cyclophosphamide, Methotrexate, Ifosfamide และStreptozocin
ดูค่า BUN Cr
ผลต่อตับ
ยาเคมีบำบัดบางชนิดมีฤทธิ์ทำลายตับ เช่นMethotrexate, Vincristine
อาการตัวตาเหลือง , อ่อนเพลีย, ปวดชายโครงด้านขวา, ท้องโตขึ้นหรือเท้าบวม
ติดตามโดยการเจาะเลือดดูการทำงานของตับเป็นระยะ
หลังได้ยาเคมีบำบัด
จะได้รับยาป้องกันการติดเชื้อปอด BactrimCotrimoxazole
ต้องรับประทานอยู่ประจำทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ขณะรับการรักษาด้วยเคมีบำบัด
หลังจบการรักษาจะต้องรับประทานต่อไปอีก 6 เดือน
การวางแผนการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
1.การดูแลผู้ป่วยหลังได้รับยาเคมีบำบัดผ่านเข้าทางช่องไขสันหลัง( Intrathecal:IT)
ให้ยาเข้าไปฆ่าเซลมะเร็งที่อยู่ในระบบประสาทส่วนกลาง
ยาที่ใช้บ่อย MTX
หลังให้ยาจัดท่านอนราบ6-8 ชม. ป้องกันการเกิด Herniation ของสมอง
วิธีการทำ
นำน้ำไขสันหลังออกเท่ากับจำนวนยาที่ใส่เข้าไป นับหยด 15 หยด /1 cc เพื่อให้เกิดความสมดุล
ส่งน้ำไขสันหลังไปตรวจ
เพื่อดูค่าถ้า
Ptn สูง, sugar
ต่ำ
อาจมีการ
ลุกลามของมะเร็งไปที่สมอง
ดู
sugarCSF
เรียบเทียบกับ
sugar CBC
เพื่อ
ดูการติดเชื้อ
ตรวจ cell count cell diferenceหา PMN , Neutrophil ถ้า
PMN
สูง
แสดงว่ามีการ
ติดเชื้อในระบบประสาท
เพื่อหาความผิดปกติของเซล
การดูแลป้องกันการเกิดแผลในปาก
ให้บ้วนปากด้วย 0.9%NSS อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ไม่แปรงฟันถ้าเกร็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 cell/cu.mm
ถ้าแผลลุกลาม
ให้ยาชา Xylocaine Viscus
ครั้งละ 1 ml.ให้ผู้ป่วยอมไว้ ประมาณ 2-3 นาทีและบ้วนทิ้ง
ให้ก่อนกินข้าว
ให้ยาฆ่าเชื้อราในปาก Nystatin oral suspention
อมยาไว้ในปาก 2-3 นาทีแล้วกลืนไม่ต้องกินน้ำตาม
ให้ทีหลังตัวอื่นๆ
3.รับประทานอาหารที่สุกใหม่
แคลอรีและโปรตีนสูง
งดอาหารที่ลวก ย่าง รวมทั้งผักสด ผลไม้ที่มีเปลือกบาง หรือกินผลไม้กระป๋องแทนผลไม้สด
ดื่มนมที่ผลิตด้วยวิธีสเตอริไลส์ และ UHT
4.การดูแลปัญหาซีด
ให้เลือด
ขณะให้เลือด ประเมิน V/S อย่างต่อเนื่องทุก 15นาที 4 ครั้ง หลังจากนั้นทุก 1⁄2 ชั่วโมงจนกว่าจะ Stable
หลังให้เลือด หมดแล้ว 4ชั่วโมง แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนและธาตุเหล็กสูง
ก่อนให้เลือดจะให้ยา Pre-med คือ PCM CPMและ lasix ต้องดูแลให้เลือดหมดโดยใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง หลังจากนั้นติดตามค่าHct
ให้เลือดที่ติดต่อกัน ต้องเฝ้าระวังภาวะชักจากความดันสูง HCC syndrome
5.การดูแลป้องกันเลือดออกง่ายหยุดยาก
ให้ Platlet concentration
ให้หยดแบบ free flow
ก่อนให้จะให้ Pre-med คือ PCM CPM และ lasix
ให้หมดภายใน 1⁄2 -1 ชั่วโมงเพราะมี half life สั่น
ขณะให้จะต้องติดตาม V/S อย่างต่อเนื่อง
ภาวะที่ต้องเฝ้าระวัง
Tumorlysis Syndrome : TLS
เกิดจากการสลายของเซลล์มะเร็งจำนวนมากอย่างรวดเร็วเป็นผลจากการได้รับยาเคมีบำบัดครั้งแรก
ทำให้เกิดความผิดปกติของ electrolyte
2.ภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง
มักพบในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังการได้รับการรักษาโรคมะเร็ง
โดยเป็นสาเหตุที่เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำตามมาส่งให้เกิดการชักเกร็ง
หัวใจเต้นผิดจังหวะและชักได้และเกิดการตกตะกอนในรูปผลึกแคลเซียมฟอสเฟตในร่างกาย
calcium phosphorusproduct มากกว่า 58 mg/dL ไตวายเฉียบพลันได้
ภาวะ TLS ที่เกิดขึ้นเองมักไม่พบภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง เกิดจากการนำฟอสเฟตกลับไปโดยใช้เซลล์มะเร็งใหม่
และแคลเซียมต่ำ
มีอาการ
กล้ามเนื้อตะคริว ชักเกร็ง ชัก ไตวายและหัวใจเต้นผิดจังหวะ
3.ภาวะกรดยูริกในเลือดสูง
มักพบในช่วง 48 – 72 ชั่วโมงหลังการได้รับการรักษาโรคมะเร็ง
ตกตะกอนของผลึกกรดยูริกท่อไต ,เหนี่ยวนำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันจากกลไกอื่นอีกด้วย
มีอาการ
ง่วงซึม อาการและอาการแสดงของภาวะทางเดินปัสสาวะอุดตัน ไตวาย
1.ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
พบในช่วง 12-24 ชั่วโมงหลังการได้รับการรักษาโรคมะเร็ง
ความผิดปกติแรกที่พบ มีความร้ายแรงสูงสุด
มีอาการ
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา หัวใจเต้นผิดจังหวะเสียชีวติ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิด TLS
ผู้ป่วยได้รับรังสีรักษา
เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีปริมาณเซลล์มะเร็งจำนวนมากและเป็นมะเร็งชนิดที่มีความไวต่อเคมีบำบัด
เกิดภายใน 72 ชั่วโมง ภายหลังการรักษาด้วยเคมีบำบัดในผู้ป่วย leukemia และ lymphoma
ภาวะ Febrile neutropenia
ผู้ป่วยมีจำนวนของเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลน้อยกว่า 500 เซลล์/ลบ.มม.,มีANC น้อยกว่า 1000 เซลล์/ลบ.มม. แต่มีแนวโน้มว่าจะลดลงจนน้อยกว่า 500 เซลล์/ลบ.มม.
สาเหตุ
โรคมะเร็งเองในผู้ป่วยลิวคีเมีย
เซลล์มะเร็งในกระแสเลือดมากมีผลให้จำนวนเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลในเลือดลดลง
เด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือมะเร็งต่อมน้ าเหลืองมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรามากกว่าเด็กที่เป็นมะเร็งชนิดก้อน
รักษาด้วยยาเคมีบำบัดซึ่งมีฤทธิ์กดการทำงานของไขกระดูก
การฉายรังสีที่มีปริมาณสูง
อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ
แสองอาการน้อยทำให้วินิจฉัยได้ยากเพราะว่าจำนวนเม็ดเลือดขาวมีไม่เพียงพอในการเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการ
อักเสบเช่นบวมแดงหรือมีหนองบ่อยครั้งที่ไข้เป็นอาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่แสดงว่ามีการติดเชื้อ
การรักษา
การใช้ยาต้านเชื้อรา
ใช้ในเป็นนานกว่า 5 วันและไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น
ได้แก่ amphotericin B
ผลข้างเคียงของยา
ผลกระทบมากที่สุด คือ พิษต่อไต ทำให้ creatinine ใน
เลือดสูงขึ้น และเกิดโรคไตผิดปกติในการขับกรด
มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้/อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ ชัก ระดับโปตัสเซียมและแมกนีเซียมในเลือดต่ำ และอาการแพ้ยาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
การใช้ granulocyte colony-stimulating factor(G-CSF)
ช่วยให้มีการผลิตเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิล ได้เร็วกว่าที่ร่างกายจะผลิตได้เอง
ให้หลังจากวันสุดท้ายในแต่ละรอบของการให้ยาเคมีบำบัดที่มีฤทธิ์กดไขกระดูกผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง
ผลข้างเคียงของยา
อาการปวดกระดูก เริ่มต้นใน2-3 วันหลังจากการให้ยา
เป็นปฏิกิริยาการตอบสนองต่อการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิล
อ้างอิง : กัลยา ศรีมหันต์. (2563). บทที่ 10 การพยาบาลเด็กที่ปัญหาเซลเจริญผิดปกติ. 20 มิ.ย. 63.
https://classroom.google.com/w/NzMzNjU4Njc4NDla/t/all
.
นางสาววิยะดา ลินลา 36/2 เลขที่27 612001107