Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 และฉบับที่ 2 พ.ศ 2554, นางสาวฮัสณี…
พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 และฉบับที่ 2 พ.ศ 2554
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่าพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชนพ. ศ. 2550
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ยกเลิกพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชนพ. ศ. 2525
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
โรงเรียนหมายความว่าสถานศึกษาของเอกชนที่จัดการศึกษาไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในระบบหรือโรงเรียนนอกระบบที่ไม่ใช่เป็นสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
โรงเรียนในระบบหมายความว่าโรงเรียนที่จัดการศึกษาโดยกำหนดจุดมุ่งหมายวิธีการศึกษาหลักสูตรระยะเวลาของการศึกษาการวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไข ของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
โรงเรียนนอกระบบหมายความว่าโรงเรียนที่จัดการศึกษาโดยมีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมายรูปแบบวิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลา โครงการศึกษาการวัดและประเมินผลซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา
นักเรียนหมายความว่า ผู้รับการศึกษาในโรงเรียน
ผู้รับใบอนุญาตหมายความว่าผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน
ผู้จัดการหมายความ ว่า ผู้จัดการของโรงเรียนในระบบ
ผู้อำนวยการหมายความว่าผู้อำนวยการของโรงเรียนในระบบ
ผู้บริหารหมายความว่าผู้บริหารของโรงเรียนนอกระบบ
ครูหมายความว่าบุคลากรวิชาชีพต้องทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆในโรงเรียน
ผู้สอนหมายความว่าผู้ทำหน้าที่ด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆในโรงเรียนนอกระบบ
บุคลากรทางการศึกษาหมายความว่าผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอนการนิเทศและการบริหารการศึกษาในโรงเรียน
ผู้อนุญาตหมายความว่าเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนหรือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมอบหมาย
คณะกรรมการหมายความว่าคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ตราสารจัดตั้งหมายความว่าฝนตกตั้งนิติบุคคลของโรงเรียนในระบบ
กองทุนหมายความว่ากองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ
พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายความว่าข้าราชการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
รัฐมนตรีหมายความว่ารัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 5 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่
1 สถานศึกษาที่มีนักเรียนรวมกันไม่เกิน 7 คน
2 สถานศึกษาที่คณะสงฆ์จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาอบรมและสั่งสอนพระธรรมวินัย
3 สถานศึกษาอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวงตามข้อเสนอของคณะกรรมการ
มาตรา 6 ในกรณีมีเหตุจำเป็นรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการจะประกาศให้โรงเรียนใดได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ในเรื่องใดก็ได้
มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้และกำหนดกิจการอื่นตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด 1 คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
มาตรา 8 ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนประกอบด้วย
1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ
2 ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเลขาธิการสภาการศึกษาอำนวยการสำนักงานงบประมาณอธิบดีกรมบัญชีกลางและอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
3 กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนสมาคมเกี่ยวกับโรงเรียนเอกชน 2 คน
4 กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ได้รับคัดเลือกจากผู้รับใบอนุญาตผู้อำนวยการผู้บริหารครู และบุคลากรทางการศึกษาฝ่ายละ 1 คน
5 กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คนในจำนวนนั้นจะต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาพิเศษสำหรับคนพิการ 1 คน
มาตรา 9 ให้กรรมการตามมาตรา 8 (3) (4) และ (5) มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 3 ปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้
มาตรา 10 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 9 กรรมการตามมาตรา 8 (3) (4) และ (5) พ้นจากตำแหน่งเมื่อ
1 ตาย
2 ลาออก
3 รัฐมนตรีให้ออกเพราะมีความประพฤติ เสื่อมเสีย
4 ขาดคุณสมบัติของการเป็นกรรมการในประเภทนั้น
5 เป็นบุคคลล้มละลายคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
6 ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
มาตรา 11 ในกรณีที่กรรมการตามมาตรา 8 3 4 หรือ 5 พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่โดยเร็วพื้นแต่วาระการดำรงตำแหน่งเหลืออยู่ไม่ถึง 90 วันจะไม่ดำเนินการแต่งตั้งแทนก็ได้และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่อยู่ในตำแหน่งเพียงทวารวดีที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
มาตรา 12 ให้นำกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับกับการประชุมและการวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการด้วยโดยอนุโลม
มาตรา 13 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
1 เสนอนโยบายเกี่ยวกับการศึกษาเอกชนการพัฒนาและสนับสนุนโรงเรียนครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
2 กำกับดูแลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
3 กำหนดมาตรฐานและแผนพัฒนาหลักสูตรการศึกษาเอกชน
4 กำหนดมาตรการช่วยเหลือส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนครู ผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแห่งชาติตาม (1)
ออกระเบียบเกี่ยวกับการเก็บรักษาเอกสารหลักฐานของโรงเรียน
6 เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงระเบียบและประกาศเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
7 ออกระเบียบเกี่ยวกับการวินิจฉัยการร้องทุกข์และการคุ้มครองการทำงาน
8 ออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์การรับอุทธรณ์วิธีพิจารณาอุทธรณ์และกำหนดเวลาพิจารณาอุทธรณ์
9 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
10 ปฏิบัติงานอื่นตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นกำหนดหรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
มาตรา 14 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการมีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการพนักงานและลูกจ้างได้รับผิดชอบการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
1 รับผิดชอบงานธุรการและสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการ
2 เสนอแนะนโยบายยุทธศาสตร์แผนพัฒนาการศึกษาเอกชนต่อคณะกรรมการ
3 ส่งเสริมสนับสนุนด้านวิชาการ การประกันคุณภาพ การวิจัยและพัฒนาเพื่อประกันคุณภาพการศึกษาเอกชน
4 รับผิดชอบการดำเนินการเกี่ยวกับกองทุน
5 ดำเนินการจัดสรรเงินอุดหนุนการศึกษาเอกชนตามมาตราการที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 13 (4)
6 เป็นศูนย์ส่งเสริมสนับสนุนข้อมูล และทะเบียนกลางทางการศึกษาเอกชนตลอดจนติดตามตรวจสอบ
7 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา 15 เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการจัดการศึกษาเอกชนในจังหวัดหนึ่ง นอกจากกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้มีกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชนเป็นส่วนราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขตใดเขต 1 มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาเอกชนที่อยู่ในจังหวัดนั้น
มาตรา 16 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใดมีกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชนตามมาตรา 15 ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษานั้นมีกรรมการเพิ่มขึ้นอีก 2 คนโดยเป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาต 1 คนและผู้แทนครู 1 คน
หมวด 2 โรงเรียนในระบบ
ส่วนที่ 1 การจัดตั้งและเปิด ดำเนินการ
มาตรา 17 ประเภทและระดับของโรงเรียนในระบบ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 18 การจัดตั้งโรงเรียนในระบบต้องได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต
มาตรา 19 ตราสารจัดตั้งตามมาตรา 18 วรรค 2 อย่างน้อยต้องมี รายการดังต่อไปนี้
1 วัตถุประสงค์
2 ชื่อ ประเภท ระดับ ของโรงเรียนในระบบ
3 รายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่ตั้งและแผนผังแสดงบริเวณอาคารของโรงเรียนในระบบ
4 เงินทุนและทรัพย์สินที่ใช้ในการจัดตั้ง
5 รายการอื่นตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้และที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 20 รายละเอียดเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนในระบบมาตรา 18 วรรค 2 อย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้
1 โครงการและแผนการดำเนินงาน
2 หลักสูตรวิธีการเรียนการสอนและการวัดและประเมินผลการศึกษา
3 อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น
4 คุณสมบัติอัตราเงินเดือน ค่าสอน ค่าชดเชยค่าตอบแทนหลักเกณฑ์การจ้างและเบิกจ้างและสวัสดิการของครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา 21 ผู้ขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบที่เป็นบุคคลธรรมดาต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
1 สัญชาติไทย
2 มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
3 สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
4 มีความประพฤติเรียบร้อยไม่บกพร่องในศีลธรรมอันดี
5 เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
6 ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
7 ไม่เคยถูกออกจากราชการโดยมีความผิดเว้นแต่ได้ถูกออกจากราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ
8 ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนเว้นแต่ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ
9 ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
10 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและได้ผลโทษมาแล้วไม่ถึง 5 ปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบเว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
มาตรา 22 ผู้ขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบที่เป็นนิติบุคคลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
1 มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา เว้นแต่นิติบุคคลที่ขอจัดตั้งนั้นเป็นองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ
2 นิติบุคคลที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนต้องมีจำนวนคู่หรือทุนเป็นของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนคู่หรือทุนทั้งหมดและจะต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด
3 นิติบุคคลเป็นมูลนิธิจะต้องมีกรรมการที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบริหารทั้งหมด
4 นิติบุคคลที่เป็นสมาคมหรือสหกรณ์จะต้องมีกรรมการที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดและสมาชิกของสมาคมหรือสหกรณ์ต้องมีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
5 ผู้จัดการของนิติบุคคลหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 21
มาตรา 23 ผู้ขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบต้องมีหลักฐานแสดงได้ว่าเมื่อได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบแล้วโรงเรียนจะได้รับการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินและสิทธิเหนือพื้นดินหรือสิทธิเก็บกินที่มีกำหนดเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปีหรือสิทธิการเช่าที่มีสัญญาเช่าไม่น้อยกว่า 10 ปี
มาตรา 24 เมื่อได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบแล้วให้ลงทะเบียนในระบบเป็นนิติบุคคลนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตและให้ผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้แทนของนิติบุคคล
มาตรา 25 เมื่อโรงเรียนในระบบเป็นนิติบุคคลตามมาตรา 24 แล้วให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการดังต่อไปนี้
1 โอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินสิทธิเหนือพื้นดินสิทธิเก็บกินและสิทธิการเช่าที่โหลดจากภาระผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ในคำขอรับใบอนุญาตให้แก่โรงเรียนในระบบภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต
2 ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา 18 วรรคสองและที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตเพราะในส่วนที่ต้องดำเนินการก่อนเปิดดำเนินกิจการโรงเรียนในระบบให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่ผู้อนุญาตกำหนด
3 โอนเงินและทรัพย์สินอื่นซึ่งเป็นทุนนอกจากที่ดินให้แก่โรงเรียนในระบบภายในเวลาที่ผู้อนุญาตกำหนด
4 ดำเนินการให้มีคณะกรรมการบริหารตามมาตรา 30 ให้ครบถ้วนภายในเวลาที่ผู้อนุญาตกำหนด
มาตรา 26 เมื่อผู้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการตามมาตรา 25 แล้วและพร้อมที่จะเปิดดำเนินกิจการโรงเรียนในระบบให้แจ้งให้ผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนวันเปิดดำเนินกิจการ
มาตรา 27 การโอนกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินให้แก่โรงเรียนในระบบเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาให้ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งปวงตามประมวลกฎหมายที่ดินและภาษีอากรตามที่จะได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามประมวลรัษฎากรกำหนดไว้
มาตรา 28 ชื่อของโรงเรียนในระบบต้องใช้อักษรไทยขนาดใหญ่พอสมควรติดไว้ที่บริเวณโรงเรียนในระบบณที่ซึ่งเห็นได้ง่ายเลยต้องมีคำว่าโรงเรียน ประกอบชื่อด้วย ในกรณีที่มีอักษรต่างประเทศกำกับต้องไม่มีขนาดใหญ่กว่าอักษรไทย
มาตรา 29 โรงเรียนในระบบอาจจะต่างสาขาได้การจัดตั้งการขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา 30 ให้โรงเรียนในระบบมีคณะกรรมการบริหารประกอบด้วยผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู และผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 1 คนแต่ไม่เกิน 3 คนเป็นกรรมการ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตเป็นบุคคลเดียวกับผู้จัดการหรือผู้อำนวยการหรือบุคคลเดียวกันทั้ง 3 ตำแหน่งให้ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นอีก 1 หรือ 2 คนแล้วแต่กรณี
มาตรา 31 ให้คณะกรรมการบริหารของโรงเรียนในระบบมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
1 ระเบียบและข้อบังคับต่างๆของโรงเรียนในระบบ
2 ให้ความเห็นชอบนโยบาย และแผนพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในระบบ
3 ให้คำแนะนำการบริหารและจัดการโรงเรียนในระบบด้านบุคลากร งบประมาณ วิชาการ กิจกรรมนักเรียน อาคารสถานที่และความสัมพันธ์กับชุมชน
4 กำกับดูแลให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนในระบบ
5 ติดตามเปิดสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการ
6 ให้ความเห็นชอบการกู้ยืมเงินครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันเกินร้อยละ 25 ของมูลค่าของทรัพย์สินที่โรงเรียนในระบบมีอยู่ขณะนั้น
7 ให้ความเห็นชอบ การกำหนดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนในระบบ
8 ให้ความเห็นชอบรายงานประจำปีงบการเงินประจำปีและการแต่งตั้งผู้ สอบบัญชี
9 พิจารณาคำร้องทุกข์ของครู ผู้ปกครองและนักเรียน
10 ดำเนินการอื่นตามที่กฎหมายระบุให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
มาตรา 32 การกำหนดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนในระบบให้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ค่าตอบแทนครูที่มีความรู้และความสามารถที่ดีและค่าใช้จ่ายอื่นซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการขยายกิจการและผลตอบแทน
มาตรา 33 ในกรณีที่กรรมการเห็นว่าการกำหนดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นตามมาตรา 32 ของโรงเรียนในระบบมีลักษณะเป็นการแสวงหากำไรเกินควรและโรงเรียนในระบบดังกล่าวไม่สามารถแสดงได้ว่ามิได้เป็นการแสวงหากำไรเกินควร คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ลดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นดังกล่าวลงตามที่เห็นสมควรได้
มาตรา 34 ในกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นที่โรงเรียนในระบบกำหนดตามมาตรา 32 เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควรจะสั่งให้โรงเรียนในระบบและค่าธรรมเนียมดังกล่าวรวมตามที่เห็นสมควรก็ได้
มาตรา 35 โรงเรียนในระบบใดไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาหรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาต่ำกว่าอัตราที่เพิ่งเรียกเก็บตามที่คำนวณได้ตามมาตรา 32 เพราะเหตุเป็นโรงเรียนการกุศลหรือเพื่อให้ผู้ยากไร้ได้รับการศึกษา ให้กระทรวงศึกษาธิการอุดหนุนทางการเงินและให้ความช่วยเหลือด้านอื่นเพื่อให้โรงเรียนในระบบดังกล่าวสามารถดำเนินการต่อไปได้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา 36 คณะกรรมการบริหารต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อย 1 ครั้งในแต่ละภาคการศึกษาปกติ การประชุมของคณะกรรมการบริหารให้นำความในมาตรา 12 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 37 ให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งผู้อำนวยการคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการโรงเรียนในระบบ และแจ้งให้ผู้อนุญาตทราบพร้อมกับส่งหลักฐานการแต่งตั้งผู้อำนวยการภายใน 1 เดือนนับแต่วันแต่งตั้ง
มาตรา 38 ภายใต้บังคับมาตรา 37 วรรค 3 ผู้รับใบอนุญาตจัดแต่งตั้งรองผู้อำนวยการคนหนึ่งหรือหลายคนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการมอบหมายก็ได้
มาตรา 39 ผู้อำนวยการมีหน้าที่และความรับผิดชอบดังต่อไปนี้
1 ดูแลรับผิดชอบงานด้านวิชาการของโรงเรียนในระบบ
2 แต่งตั้งและถอดถอน ครู บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่โรงเรียนในระบบตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
3 ครอบคลุมปกครองครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนของโรงเรียนในระบบ
4 จะทำทะเบียนครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ นักเรียนและเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวกับการให้การศึกษาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
5 จัดทำหลักฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการศึกษาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
6 ปฏิบัติหน้าที่อื่นอันเกี่ยวกับวิชาการตามระเบียบและข้อบังคับของทางราชการ รวมทั้ง ตราสารจัดตั้ง นโยบาย ระเบียบและข้อบังคับของโรงเรียนและหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 40 ให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งผู้จัดการคนหนึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบดังต่อไปนี้
นางสาวฮัสณี อุเซน 6220160470 เลขที่ 26