Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การพยาบาลมารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด - Coggle Diagram
บทที่ 8 การพยาบาลมารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด
สาเหตุส่งเสริมของภาวะติดเชื้อหลังคลอด
ปัจจัยเสี่ยงทั่วไป
เศรษฐฐานะต่ำ
การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการตั้งครรภ์
การไม่ได้ฝากครรภ์
มีการอักเสบของมดลูก และปากมดลูกมาก่อน
ภาวะทุพโภชนาการ โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดสารอาหาร
ประวัติเป็นโรคเบาหวาน
ภาวะซีด
ปัจจัยที่เกี่ยวกับการคลอด
ระยะเวลาของการคลอดที่ยาวนาน
วิธีการคลอด การคลอดทางช่องคลอด จะมีการติดเชื้อของมดลูกหลังคลอดน้อยกว่าการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องอย่างมาก
การทำหัตถการ
การมีบาดแผลฉีกขาดของช่องทางคลอด จากการคลอดปกติ
จำนวนครั้งของการตรวจภายใน
การล้วงรก
การมีเศษรกและเยื่อหุ้มรกค้างในโพรงมดลูก
ถุงน้ำคร่ำแตกเนิ่นนาน
การติดเชื้อหลังคลอดตามตำแหน่งที่เกิด
การอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometritis , Metritis)
การวินิจฉัย
จะตรวจพบระดับยอดมดลูกโตกว่าที่ควรจะเป็น กดเจ็บที่มดลูกหรือปีก
มดลูกทั้งสองข้าง หรือข้างใดข้างหนึ่งเมื่อตรวจทางช่องคลอด
การเจาะเลือดตรวจพบว่ามีภาวะ leukocytosis ตั้งแต่ 15,000 - 30,000 cell per l ค่า neutrophils สูงขึ้น
มีไข้สูง อุณหภูมิมากกว่า 38.3 องศาเซลเซียส การที่มีไข้หนาวสั่นมักพบร่วมกับภาวะ bacteremia และชีพจรเต้นเร็ว ปวดท้องน้อย น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
การรักษา
ส่วนใหญ่ตอบสนองดีต่อการให้ยาปฏิชีวนะ ยกเว้น มีภาวะแทรกซ้อน เช่น parametrial phlegmons ควรคำนึงถึง ชนิดของยาต้องเลือกให้ตรงกับเชื้อ และขนาดของยาซึ่งอาจต้องเพิ่ม
สาเหตุ
การเจ็บครรภ์คลอดที่ยาวนาน
การผ่าตัดที่มดลูก
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์จริง
การตรวจ Internal electrical monitoring
การตรวจภายใน
กาพยาบาล
จัดให้นอนท่า fow ler’s
ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจได้รับสารน้ าทางหลอดเลือดดำ ร่วมกับ oxytocin
ดูแลให้รับประทานอาหารให้เพียงพอ และมีคุณภาพ
ถ้ามีอาการปวดมดลูกรุนแรง หรือไม่สุขสบายจากการปวดท้อง ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
แนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธุ์ และงดสวนล้างช่องคลอด
ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ อาจต้องแยกหญิงหลังคลอด
ดูแลให้นอนพักผ่อนมากที่สุด
แนะนำการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ และล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
แนะนำและดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาเน้นการรับประทานยาให้ครบถ้วน และสังเกตอาการข้างเคียงที่อาจเป็นได้
การอักเสบของเยื่อบุในอุ้งเชิงกราน (Parametritis , Pelvic cellulitis)
การวินิจฉัย
พบมีไข้สูง 38.9 - 40 องศาเซลเซียส หนาวสั่น มักเป็นเกิน 7 วันขึ้นไป กดเจ็บที่ท้องน้อย อาจเป็นด้านใดด้านหนึ่ง ตรวจภายในพบมดลูกโต และ
เคลื่อนไหวได้น้อย การตรวจทางช่องคลอดร่วมกับการตรวจทางทวารหนักพบparametrium ตึง หนา และกดเจ็บ
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดโดยให้พวก broad - spectrum antibiotic และจึงเลือกให้เมื่อผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ชี้ชัดว่าติดเชื้อตัวใด
สาเหตุ
มีการติดเชื้อที่ช่องคลอด หรือปากมดลูก ซึ่งทวีความรุนแรง หรือเป็นอยู่นานโดยไม่ได้รับการดูแลรักษา ทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลาม
การพยาบาล
จัดท่าให้นอน Semi - fowler
ดูแลให้ได้รับน้ำ ประมาณวันละ 3,000 - 4,000 มิลลิลิตร
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของอาการอย่างใกล้ชิดได้แก่คลำหน้าท้องเพื่อดูอาการกดเจ็บ ดูผ้าอนามัยและบริเวณฝีเย็บ สี กลิ่น และอาการบวมเลือด สัญญาณชีพ
ให้กำลังใจ พูดคุยเปิดโอกาสให้ซักถาม และอธิบายถึงพยาธิสภาพของโรค
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
แนะนำการปฏิบัติตัว ขณะอยู่โรงพยาบาลและเมื่อกลับบ้าน
การติดเชื้อบริเวณฝีเย็บ (Localizied infection)
การวินิจฉัย
จะมีไข้หลังวันที่ 2 ของการคลอด เจ็บแผลฝีเย็บมาก แผลมี
การอักเสบ บวมแดง บางครั้งเป็นฝีหนอง และแผลจะแยกออกจากกัน อาจมีอาการปัสสาวะลำบาก และปัสสาวะไม่ออกได้
การรักษา
การให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ
ถอดไหมที่เย็บและเปิดแผลทั้งหมด
ใช้ยาชา 1% xylocain jelly ทาที่แผล
ตัดเนื้อเยื่อที่ตายออกทั้งหมด
ทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้ง ด้วย betadine
ให้ hot sitz bath วันละหลายครั้ง ด้วยน้ าผสมเกร็ดด่างทับทิม หรือน้ำเกลือ หรือให้ infrared light
ประเมินลักษณะแผล ถ้าแผลสีชมพูค่อนข้างแดง ให้เย็บฝีเย็บโดยยึดหลักปราศจากเชื้อ
สาเหตุ
เกิดจากการปนเปื้อนของแบคทีเรียขณะคลอด
การพยาบาล
ดูแลให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
กระตุ้นให้ลุกเดินบ่อย ๆ
เมื่อแผลติดดีขึ้น ความเจ็บปวดน้อยลง ให้นั่งแช่ก้นวันละ 2 - 3 ครั้ง
แนะนำให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ เมื่อชุ่ม
ดูแลทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ติดตามประเมินแผลฝีเย็บทุกวัน โดยให้หญิงหลังคลอดนอนตะแคง ดึงแก้มก้นขึ้นไป ตรวจดูอาการแดง บวม จeนวนและชนิดของสิ่งที่ซึมจากแผล
ให้กำลังใจ
การอักเสบของเยื่อบุช่องท้อง (Peritonitis)
การวินิจฉัย
มีอาการท้องอืด กดเจ็บผนังหน้าท้อง หน้าท้อง โป่งตึง ปวดท้อง
ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน มีไข้สูง อุณหภูมิ 39 - 40.5 องศาเซลเซียส ชีพจร 160 ครั้ง/นาที ลำไส้ไม่เคลื่อนไหว อันตรายจะเพิ่มมากขึ้น
การรักษา
งดน้ำและอาหารทางปาก
ให้สารต้านจุลชีพหลายอย่างรวมกัน ให้เหมาะสม
ให้ gastric suction เพื่อลด distension จะทำให้ผู้ป่วยสบายขึ้น
ผ่าตัด ถ้าอาการไม่ดีขึ้นอาจต้องตัดมดลูกล้างเอาหนองออก และแก้ไขการอุดตัน ที่เกิดจากmechnical obstruction
ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำให้เพียงพอ แก้ไขภาวะพร่องของกรด-ด่าง และภาวะซีด ตรวจติดตามและป้องกันภาวะ shock
ให้ยาแก้ปวด
สาเหตุ
แผลผ่าตัดในมดลูกแยก หรือเนื้อเน่าเปื่อย
การอักเสบของเยื่อบุในอุ้งเชิงกราน
มีการอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก
ที่ท่อนำไข่และรังไข่แตก
การพยาบาล
ประเมินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ ถ้ามีท้องอืดควรรายงานแพทย์
ดูแลให้ยาแก้ปวด ตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวินะ และสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
แนะนำและระมัดระวังเทคนิคปราศจากเชื้อ ล้างมือให้สะอาด โดยเฉพาะเมื่อจับต้องผ้าอนามัย เสื้อผ้า เครื่องใช้ต่าง ๆ
ให้นอนท่า semi-fowler เพื่อให้หน้าท้องหย่อนและให้หนองมารวมอยู่ใน cul-de-sac
ให้การพยาบาลตามอาการ แนะนำการปฏิบัติตัวขณะอยู่โรงพยาบาลและกลับบ้าน
ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพ เพื่อประเมินภาวะการติดเชื้อ
ให้กำลังใจ ลดความวิตกกังวล
มดลูกกลับสู่สภาพปกติช้า (Subinvolution of uterus)
การวินิจฉัย
มักวินิจฉัยได้เมื่อมาตรวจหลังคลอด 4 - 6 สัปดาห์ โดยให้ประวัติถึงอาการผิดปกติในระยะคลอดหรือมีภาวะเลือดออกมากหรือตรวจพบ ยอดมดลูกยังสูงกว่าระดับกระดูกหัวหน่าว สัมผัสนุ่ม ระดับยอดมดลูกไม่ลดต่ำลง น้ำคาวปลา สีไม่จางลงภายใน 2 สัปดาห์หลังคลอด อาจมีตกขาว และ
ปวดหลังร่วมด้วยถ้ามีการติดเชื้อ ในโพรงมดลูก
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะถ้ามีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก
ถ้าให้ยาบีบตัวของมดลูกไม่ได้ผล หรือแน่ใจว่าสาเหตุเกิดจากมีรกและเศษเยื่อหุ้มรกค้างในโพรงมดลูกให้ขูดมดลูก
ให้ยาช่วยการบีบตัวของมดลูก นิยมให้ methergin 0.2 มิลลิกรัม รับประทาน วันละ 3 เวลาหลังอาหาร และก่อนนอน นาน 1 - 2 วัน
สาเหตุ
มีการอักเสบติดเชื้อของเยื่อบุโพรงมดลูก
มารดาหลังคลอดที่ไม่ได้เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
มีเศษรก หรือเยื่อหุ้มรกค้างในโพรงมดลูก
ในรายที่มีมดลูกคว่ำหลัง คว่ำหน้า
ความตึงตัวของการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกไม่ดี ได้แก่ มารดาครรภ์หลัง ครรภ์แฝด ครรภ์แฝดน้ำ
ในรายที่มีเนื้องอกของมดลูก
การพยาบาล
คลึงมดลูกให้หดรัดตัวก่อนวัดระดับยอดมดลูก และดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง โดยกระตุ้นให้มีการขับถ่ายปัสสาวะ
แนะนำวิธีที่ท าให้น้ำคาวปลาไหลได้สะดวก เช่น ให้นอนคว่ าใช้หมอนรองใต้ท้องน้อย ลุกเดิน เป็นต้น
ปัญหาหัวนมและเต้านม
หัวนมแตก หรือเป็นแผล
การรักษา
ทายาเพื่อช่วยให้แผลหายดีขึ้น เช่น kamillosan cream , unquentum boric acid,lanolinเป็นต้น
สาเหตุ
การให้บุตรดูดเฉพาะหัวนมโดยไม่ได้ให้เหงือกของทารกกดลงบนลานนม
การให้บุตรดูดนมแต่ละครั้ง เริ่มให้ข้างเดียวกันตลอด จึงท าให้ดูดเป็นเวลานาน
ทารกดูดนมแรงและนานเกินไป ในระยะแรกเริ่มก่อนน้ำนมมา
การดึงหัวนมออกจากปากบุตรไม่ถูกวิธ
Colostrum ที่ถูกบีบออกมา หรือซึมผ่านหัวนมจะแข็งจับปลายหัวนมจนเป็นสะเก็ด การแกะจะทำให้เกิดแผลถลอกขึ้นได
ปล่อยให้หัวนมเปียกชื้นอยู่ตลอด
การพยาบาล
แนะนำให้มารดาอุ้มบุตรให้นมในท่าที่ผ่อนคลาย ประคับประคองศีรษะให้กระชับอกในขณะให้นมบุตร เพื่อลดการดึงรั้งหัวนม
แนะนำมารดาให้ทารกดูดนมข้างที่เจ็บน้อยก่อน จะช่วยให้เกิด letdown reflex และทารกไม่ดูดแรงมาก
หลังการให้ทารกดูดนมแต่ละครั้ง ควรเช็ดหัวนมให้สะอาดเพื่อป้องกัน คราบน้ำนมเกาะ ด้วยสำลีชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว เปิดเต้านมทิ้งไว้ให้แห้งไม่ควรใส่เสื้อหรือยกทรงจนอับอากาศ
ใช้น้ำนมทา คือบีบน้ำนมออกเล็กน้อยแล้วทาหัวนมและรอบ ๆ แล้วปล่อยให้แห้งจะช่วยให้หายเร็วขึ้น
แนะนำการทำความสะอาดหัวนมและเต้านมด้วยการอาบน้ำธรรมดา ไม่ฟอกสบู่ ไม่เช็ดหัวนมและลานนมด้วยสารระคายเคืองอื่น
ถ้าเป็นรุนแรงอาจให้ทารกดูดนมโดยใช้ nipple shield ครอบหัวนมไว้และให้ทารกดูดหัวนมยางบน nipple shield
ดูแลผิวหนังบริเวณหัวนมและเต้านมให้ชุ่มชื้น ด้วยการทาครีมลาโนริน หรือทาครีมวิตามินซี วิตามินเอ หรือวิตามินดีหลังอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอ
แนะนำวิธีให้นมบุตร โดยให้บุตรอมหัวนมให้มิดและให้ลิ้นอยู่ใต้ลานนม ให้เหงือกกดบริเวณลานนม ในระยะแรกให้นมแต่ละข้างไม่เกิน 3 - 5 นาที หรือ 5 - 10 นาทีในระยะหลัง ไม่ให้บุตรอมหัวนมขณะหลับหรือดูดนมนาน ใช้นิ้วกดคางบุตรเพื่อช่วยให้อ้าปากแล้วจึงดึงหัวนมออกจากปาก
การติดเชื้อของเต้านม (Mastitis)
การวินิจฉัย
บริเวณเต้านมแดง ร้อน แข็งตึงใหญ่ ปวดเต้านมมาก กดเจ็บ มี
การคั่งของน้ านม น้ านมออกน้อยลง มีไข้สูง 38.3 - 40 องศาเซลเซียส
การรักษา
ให้ยาแก้ปวด
ถ้ามีหนองเกิดขึ้นให้ท า incision and drainage
ตรวจดูอาการและอาการแสดง ส่งเพาะเชื้อจากน้ำนมและหัวนม บางครั้ง อาจต้องเพาะเชื้อจากในปากทารกด้วย เพื่อให้ยาปฏิชีวินะตรงตามชนิดของเชื้อ
เมื่อแผลที่หัวนมหายเป็นปกติ ก็เริ่มให้บุตรดูดนม หรือปั๊มน้ำนมได้ และพยายามหลีกเลี่ยงมิให้เกิดอาการบวม
สาเหตุ
เชื้อเข้าทางบาดแผลหรือหัวนมที่แตก โดยมิได้ระมัดระวังเกี่ยวกับเทคนิคปราศจากเชื้อ เช่น ไม่ได้ล้างมือให้สะอาด
ก่อนสัมผัสเต้านม หรือจากการติดเชื้อที่อยู่ภายในจมูก และลำคอทารก
การพยาบาล
ดูดนมข้างที่มีการติดเชื้อ จนกว่าการอักเสบจะหาย
แนะนำการสวมเสื้อชั้นใน หรือพันผ้า (supporting binder) ช่วยพยุงเต้านม ต้องระวังไม่พันผ้าแน่นหรือสวมเสื้อชั้นในคับเกินไป
ลดการกระตุ้นเต้านมและหัวนมบริเวณที่มีการติดเชื้อ ใช้ความร้อนเป่า (อาจใช้ที่เป่าผมเป่าก็ได้)หรืออบเพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำนมดี ลดความเจ็บปวด
ลดความกลัว ความวิตกกังวล ให้กำลังใจ โดยอธิบายให้ทราบถึง การปฏิบัติตน ที่ถูกต้องเมื่อมีภาวะติดเชื้อของเต้านม
แนะนำการทำความสะอาดหัวนมให้เพียงพอ และให้ทารกดูดนมอย่างถูกต้องในข้างที่ปกติ
ภาวะแปรปรวนทางจิตหลังคลอด (Postpartal psychiatric disorder)
โรคประสาทหลังคลอด
สาเหตุ
ขาดสัมพันธภาพกับบิดา มารดา หรือ คู่สมรส
มีความรู้สึกขาดความพึงพอใจในตนเอง
ขาดการประคับประคองจากญาติ คู่สมรส หรือสังคม
มีความเครียดทางจิตใจ
มีความรู้สึกสองฝักสองฝ่ายในการตั้งครรภ์
ประสบการณ์การคลอดลำบาก การบาดเจ็บจากการคลอด หรือมีปัญหาในระยะหลังคลอด
มารดาที่มีประวัติซึมเศร้าหลังคลอด หรือมีภาวะเจ็บป่วยหลังคลอด
มีความเครียดทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
มารดาหลังคลอดครรภ์แรก
มีประสบการณ์จากการคลอดในครรภ์ก่อน ๆ ไม่ดี
อาการและอาการแสดง
มีอารมณ์และความรู้สึก ท้อแท้ สิ้นหวัง มองโลก ในแง่ร้าย หดหู่
หม่นหมอง วิตกกังวล รู้สึกไร้ค่าไม่มีความหมาย ไม่มีคนต้องการ และจะมีอาการแสดงออกทางด้านร่างกายได้แก่ ซึมเศร้าอย่างรุนแรง ร้องไห้ถี่ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ไม่มีสมาธิ ไม่สนใจตนเอง ไม่มีความรู้สึกทางเพศ ควบคุมตนเองไม่ได้ ถ้ารุนแรงจะคิดช้า พูดช้า ไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ ซึ่งอาจทำร้ายทารกของตนเองได้
การรักษา
การใช้กลุ่มช่วยในการรักษา หรือให้คู่สมรสบุคคลในครอบครัวมีส่วนร่วม
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
การรักษาทางจิต แบบรายบุคคล หรือรายกลุ่ม
สนับสนุนและสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองให้แก่หญิงหลังคลอด
โดยการให้ยา
การพยาบาล
ส่งเสริมให้กำลังใจให้มารดารู้สึกว่าเป็นบุคคลสำคัญในการดูแลทารก โดยให้ การช่วยเหลือมารดาในการดูแลทารก เมื่อพบว่ามารดามีความยุ่งยากในการดูแลบุตร และให้มารดามีส่วนร่วมด้วย ให้คำชมเชยเมื่อ
มารดาสามารถปฏิบัติหรือดูแลทารกได้ถูกต้อง
แนะนำสามี และญาติ ให้กำลังใจแก่มารดา ให้ความสนใจ เอาใจใส่ประคับประคอง
ดูแลช่วยเหลือและให้ค าแนะน าการปฏิบัติตนในระยะหลังคลอด และการเลี้ยงดูบุตร
จัดกลุ่มสอนเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรหลังคลอด บทบาทการเป็นบิดามารดา การเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในระยะหลังคลอด
อธิบายให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายแจะจิตใจหลังคลอด
อธิบายให้ทราบถึงอาการแสดงของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
ให้มารดาได้รับความสุขสบายด้านร่างกาย บรรเทาอาการเจ็บปวด
สังเกตอาการดูแลอย่างใกล้ชิด ในรายที่มีอาการรุนแรงเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายจากการทำร้ายบุตร โดยสนใจคำพูดของมารดาที่แสดงออก
ดูแลให้มารดาหลังคลอดได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
รายงานแพทย์เพื่อส่งต่อเมื่อมีอาการแสดงรุนแรง
ให้โอกาสหญิงหลังคลอดได้ซักถาม และมีส่วนร่วมในการเตรียมตัวเพื่อเป็นมารดาที่สมบูรณ์ และการเลี้ยงบุตรที่สมบูรณ์
โรคจิตหลังคลอด
อาการและอาการแสดง
อาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอาการรุนแรงทันที ได้แก่ รู้สึกยุ่งยากใจ กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย สับสน ไม่มีเหตุผล สมาธิสั้น ความจำเสีย ตัดสินใจไม่ได้ หลงผิด และหวาดระแวง ประสาทหลอน
การรักษา
การรักษาทางจิต ได้แก่ การทำจิตบำบัด
การรักษาโดยการแก้ไขสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การให้มีการสนับสนุนทางสังคม
การรักษาทางกาย ได้แก่ การให้ยา antipsychotics และยา sedative , การช็อคไฟฟ้า
สาเหตุ
มารดาที่มีภาวะเครียดจากการตั้งครรภ์
มารดาที่มีบุคลิกภาพแปรปรวนอยู่ก่อนการตั้งครรภ์
มีประวัติเป็น manic-depressive
มีประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัวด้วยโรคทางจิตเวช
มารดาที่มีประวัติเป็นโรคจิตหลังคลอด
มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ตลอดระยะการตั้งครรภ์ และ การเปลี่ยนแปลงของรอบประจำเดือน
การพยาบาล
ส่งเสริมให้มารดาของหญิงหลังคลอด ในการดูแลใกล้ชิด โดยแสดงบทบาทการเป็นมารดา และให้ก าลังใจ
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
อธิบายให้สามีและญาติเข้าใจและทราบถึงวิธีการรักษา ตลอดจนให้คำแนะนำถึง การปฏิบัติต่อมารดา เพื่อขอความร่วมมือ
สังเกตอาการที่อาจรุนแรงมากขึ้น ให้ความสนใจทุกกิจกรรมและคำพูด
ส่งเสริมและกระตุ้นให้เข้ากลุ่มจิตบำบัด เมื่อมีความพร้อม
ในรายที่มีประวัติซึมเศร้า หรือภาวะโรคจิตหลังคลอด หรืออาการรุนแรง ควรส่งต่อเพื่อให้คำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ทางสุขภาพจิต และติดตามเยี่ยมทุก 2 - 6 สัปดาห์
รับฟังหญิงหลังคลอดให้ระบายความรู้สึก และปัญหาที่มีเพื่อประเมินความรู้สึกที่เป็นจริงและให้ความเห็นอกเห็นใจ
การดูแลต่อที่บ้าน ควรให้ความช่วยเหลือ ประคับประคองด้านจิตใจ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะของโรค การรักษา และเป็นที่ปรึกษาในการดูแลทารก
ให้ความเป็นกันเอง ความใกล้ชิด
แนะนำแหล่งให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ สถานบริการด้านสาธารณสุขในชุมชน
ดูแลให้ได้รับความต้องการพื้นฐานประจ ำวัน ได้แก่ สุขภาพอนามัย ความสะอาด ให้ได้รับอาหารเพียงพอ โดยส่งเสริมกระตุ้นให้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง
ติดตามเยี่ยมหลังคลอด ตามความต้องการของหญิงหลังคลอด และปัญหา เน้นการมาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง
อารมณ์เศร้าหลังคลอด
อาการและอาการแสดง
ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ มีความรู้สึกวิตกกังวลท้อแท้ ตื่นเต้น ความรู้สึกไว เงียบขรึมมีอารมณ์เศร้าเหงา สับสน อารมณ์รุนแรง สีหน้าไม่สุขสบาย อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อาการจะเป็นอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังคลอดและจะหายเองหรืออาจมีอาการรุนแรงขึ้น ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม
การพยาบาล
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลบุตร และตนเองในระยะหลังคลอด เพื่อให้หญิงหลังคลอดสามารถปรับตัวทางจิตใจและอารมณ์และเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คอยสังเกตและบันทึกอาการด้านอารมณ์ของมารดาหลังคลอด
ส่งเสริมให้บุคคลในครอบครัวโดยเฉพาะคู่สมรสช่วยให้กำลังใจ ประคับประคอง ช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ ในระยะหลังคลอด
สาเหตุ
การตั้งครรภ์และการคลอด โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์แรก หรือมีภาวะแทรกซ้อน ในระยะตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกายจากการคลอด การเสียเลือด ความเจ็บปวด ทำให้เกิดภาวะ
ร่างกายอ่อนเพลีย
ความเครียดจากสังคมและสิ่งแวดล้อม เกิดจากความตระหนักกับความรู้สึก ของคนอื่น
ความเครียดทางจิตใจในระยะหลังคลอด ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในบทบาท การเป็นมารดา ภรรยาหรือความรู้สึกสูญเสีย ความขัดแย้งในการดำเนินชีวิตประจำวัน และการตั้งครรภ์ที่ไม่ต้องการ
หญิงหลังคลอดที่มีแนวโน้มในการเกิดภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด
หญิงที่มีวุฒิภาวะไม่สมบูรณ์ (Immaturity)
หญิงที่มีความวิตกกังวลสูง (The anxious)
หญิงที่มีความเป็นคนเจ้าระเบียบ (Perfectionist)
การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนของต่อมไร้ท่อ จากการมีฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน ลดลงอย่างรวดเร็วในระยะหลังคลอด ร่วมกับการมีระดับของ estradiol cortisol และ prolactin ที่เพิ่มขึ้น