Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล, นางสาว ปัณณิกา เผือกผ่อง…
การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ระยะเฉียบพลันและระยะวิกฤติ
ภาวะวิตกกังวลจากการพลัดพราก
ระยะหมดหวัง (despair)
ระยะนี้เด็กจะร้องไห้น้อยลงกิจกรรมต่างๆ
ลดลง ซึม ไม่สนใจ สิ่งแวดล้อม
ปลอบโยน อยู่ใกล้ชิต กอด โยกกล่อมเด็ก
ระยะปฏิเสธ (denial o detachment)เด็กจะแสดงการ
ปฏิเสธบิดามารดาแต่เด็กจะสรา้งสัมพันธภาพอ
แสดงการปฏิเสธบิดามารดา
เด็กจะสรา้งสัมพันธภาพอย่างผิวเผินกับเจ้าหน้าที่พยาบาล
สนับสนุนให้บิดามารดาได้แสดงบทบาทในการดูแลบุตร
ระยะประท้วง (protest)
เด็กจะร้องไหเ้สียงดัง กรีดเสียงร้อง
ยอมรับการร้องไห้และอารมณ์โกรธของเด็ก ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าบิดามารดาจะต้องกลับ โดยใช้คำพูดให้เหมาะกับอายุและขั้นพัฒนาการของเด็ก
วัยก่อนเรียน(3-6 ปี)
กลัวสูญเสียอวยัวะต่างๆ แยกความจรงิกับจินตนาการไม่ออก
อธิบายเหตุผลต่างๆเป็นรูปธรรมง่ายๆ
วัยเรียน (6-12 ปี)
กลัวบาดเจ็บ กลัวความตาย อธิบายใหเ้ด็กฟังเกียวกับโรค การรกัษาพยาบาล การดูแลตนเอง
อยา่งเป็นเหตุเป็นผลในเชิงวิทยาศาสตร์ด้วยข้อความง่าย ๆ และเป็น
รูปธรรม
วัยรุ่น(12-21 ปี)
วัยรุ่น ตอนตัน (อายุ12-14ปี)
เด็กกลุ่มนี้จะกังวล
เกียวกับร่างกาย หน้าที่ของร่างกายและการเคลื่อนไหว
วัยรุ่นตอนกลาง (อายุ14-18 ปี)
จะอดทนต่อความเจ็บปวดและการที่ต้องอยูในโรงพยาบาล
วัยรุ่นตอนปลาย (อายุ18-21 ปี)
จะยอมรบัความช่วยเหลือจากครอบครัวและทนต่อการต้องพึ่งพาผู้อื่น ได้บ้าง กลัวการเป็นโรคทีจะเป็นอุปสรรคต่อการประกอบ อาชพี และแบบแผนการดําเนินชวีติ
การพยาบาล
ให้กำลังใจเด็กและพ่อแม่
อธิบายให้ครอบครัวเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เด็กเป็นอยู่
เปิดโอกาสให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแล ใหเ้ด็กเล่นของเล่นที่ชอบ
ให้ครอบครัวช่วยเหลือการพยาบาล
ภาวะเจ็บปวด
วัยทารก
การตอบสนองต่อร่างกายทั้งหมด แขนขาอาจสั่นเกรง
แสดงออกทางสีหน้า
กดเจ็บ ร้องไห้เสียงดัง
ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
วัยหัดเดิน
กระสับกระส่าย ถูบรเิวณทีปวด
ร้องเสียงดังเละพูดว่า "เจ็บ"
พยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสิ่งหนึ่งเพื่อลดการเจ็บปวด
วัยก่อนเรียน
ร้องไห้ สามารถบอกตำแหน่งที่ปวดได้
อยู่ในระยะเริ่มต้นของพัฒนาการถดถอยเละแยกตัว
วัยเรียน
สามารถบอกความเจ็บปวดได้
เกรงว่าร่างกายจะบาดเจ็บอาจต่อรอง
วัยรุ่น
กล้ามเนื้อแข็งเกร็งมากขึ้นการทํากิจกรรมลดลง
สามารถบอกตําแหน่งทีเจ็บปวด
และระดับความรุนแรงได้
ความเครียดและการ
เผชิญ กับความเครียด
ให้กำลังใจเด็กและพ่อแม่
อธิบายใหค้ รอบครัวเข้าใจเกียวกับโรคที่เด็กเป็นอยู่และแนวทางการรกัษาของแพทย์ในขอบเขตทีสามารถบอกได้
เปิดโอกาสใหค้ รอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กป่วย สนับสนนุให้เด็กได้เล่นของเล่นทีสนใจตามวัยและไม่เป็นอันตราย
สนับสนุน ให้สมาชิกของครอบครัวช่วยเหลือในกิจกรรมการพยาบาล
ระยะเรื้อรัง
วัยทารกสร้างความไว้ว่างใจและเรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัส
วัยเตาะแตะ พยาบาลควรแนะนําพ่อแม่ให้อิสระ
แก่เด็กทั้งทีบ้านและโรงพยาบาล
วัยก่อนเรียนพยาบาลควรส่งเสริม ใหเ้ด็กประสบความสําเรจ็ตามพัฒนาการ
เพื่อความมั่นใจของเด็ก
เด็กทีส่วนร่วมในการดูแลตน ตัดสินใจ และควบคุมการเรียนรู้
วัยรุ่น พยาบาลช่วยใเหลือความเป็นตัวเองโดยให้วัยรุ่นมีส่วนร่วมในการ
รักษาพยาบาลร่วมให้คำยินยอมในการรกัษา
การลดความรู้สึกที่แตกต่างและส่งเสริมการมีกิจกรรมทีปกติ
ระยะสุดท้าย
ระยะตกใจและปฏิเสธ
ช่วยเหลือระยะนี้โดยการใหเ้วลา และสร้างสัมพันธภาพ รับฟังความทุกข์
ระยะโกรธ
ช่วยเหลือโดยการรับฟัง
เปิดโอกาสใหเ้ด็กหรือพ่อแม่ได้ระบายความโกรธ
ระยะต่อรอง
ช่วยเหลือโดยการสนับสนุน ในสิ่งทีอยากทําให้ข้อมูลที่เป็นจริง
ช่วยเหลือโดยการวางแผนการดูแลเด็ก
ช่วยเหลือโดยการนั่งเงียบๆ เป็นเพื่อน
ระยะซึมเศร้า
ช่วยเหลือโดยการวางแผนการดูแลเด็ก
ภาพลักษณะ
เป็นการรับรู้ของบุคคลต่อลักษณะภายนอกของตนเมื่อเจ็บป่วยร่างกายจะ
เปลียนแปลงรูปร่างลักษณะภายนอก จึงมีผลต่อความรู้สึกของเด็ก
ความตาย
วัยทารก แรกเกิด - 2 ปี
มีเข้าใจความตาย
วัยหัดเดิน 1 - 3 ปี
การสูญเสียผู้ดูแล กลัวการพลัดพราก
วยัก่อนเรยีน 3 - 5 ปี
การนอนหลับ ตายแล้วฟื้น
วัยเรียน 6 - 9 ปี
เข้าใจว่าตาย กลัวไม่ฟื้นกลับมา
วัยรุ่น 9 - 12 ปี
เข้าใจว่า ตาย แต่ไม่เข้าใจว่า เกิดในคนแก่
อาจโกรธหรือรู้สึกผิดอย่างรุนแรง
Family Centered Care/สิทธิเด็ก
การดูแลโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
พยาบาลผู้ดูแลเด็กป่วยต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาให้ความรู้
แก่บิดามารดา
ส่งเสริมการปรับตัวของเด็กกับพีน้องบิดา
สิทธิเด็ก หมายถึง บุคคลซึ่งมีอายุตำ่กว่า 18 ปี บริบูรณ์แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
สิทธิการมีชีวิตอยู่รอด
สิทธิในการพัฒนา
.สิทธิในการได้รบัการคุ้มครอง
สิทธิในการมีส่วนร่วม
นางสาว ปัณณิกา เผือกผ่อง รหัสนักศึกษา 612901056