Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล, นางสาวยุวดี ศรีรักษ์…
บทที่ 1
การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
Family Centered Care
สิทธิเด็ก
บุคคลซึ่งมีอายุต่ ากว่า 18 ปีบริบรูณ์แต่
ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะกระทำการใดๆ ได้อย่างอิสระโดยได้รับการรับรองคุ้มครองจากกฎหมาย
สิทธิขั้นพื้นฐานตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
1.สิทธิการมีชีวิตอยู่รอด (Right of Survival)
2.สิทธิในการพัฒนา (Right of Development)
3.สิทธิในการได้รับการคุ้มครอง
4.สิทธิในการมีส่วนร่วม (Right of Participation)
ระยะเฉียบพลันและระยะวิกฤติ
Separation anxiety
ภาวะวิตกกังวลจากการพลัดพราก
พบบ่อยในวัยเด็ก 6 เดือน - 3 ปี โดยมี พฤติกรรมแต่ละวัยแตกต่างกัน
เป็นความรู้สึกไม่มั่นคงหรือกลัวว่าจะได้รับอันตราย เกิดจากการที่เด็กถูกแยกจากบุคคลสำคัญของเด็ก
วัยหัดเดินหรือวัยเตาะแตะ (อายุ 1-3 ปี) มี 3 ระยะ
ระยะประท้วง
ร้องไห้เสียงดัง กรีดเสียงร้อง
การดูแลเด็กในระยะประท้วง
ให้เด็กมีของรักหรือของคุ้นเคยไว้ติดตัว หรือมอบของเล่นประจำตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้าไว้กับเด็ก เพื่อให้เด็กเกิดความมั่นใจว่าบิดามารดาจะต้องกลับมาหา
เมื่อบิดามารดาจะกลับบ้านจะต้องบอกลาเด็กเสมอ
ไม่ควรหลอกเด็กหรือแอบหนีกลับ
ระยะหมดหวัง
เศร้าซึม
การดูแลเด็กในระยะหมดหวัง
ปลอบโยน อยู่ใกล้ชิต กอด โยกกล่อมเด็ก
ระยะปฏิเสธ
การปฏิเสธบิดามารดา
จะสร้างสัมพันธภาพอย่างผิวเผินกับเจ้าหน้าที่พยาบาล
การดูแลเด็กในระยะปฏิเสธ
ให้บิดามารดาได้แสดงบทบาทในการดูแลบุตร
วัยทารก (อายุแรกเกิด-1ปี)
จะมีปฏิกิริยาไม่มากนัก
ร้องกวน จะเกาะติดมารดาตลอดวลา
แนวทางการพยาบาล : ของเล่นที่ชอบ
วัยก่อนเรียน (อายุ 3-6 ปี)
กลัวสูญเสียความสมบูรณ์ของร่างกาย กลัวอวัยวะต่างๆถูกตัดขาด ยังแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับจินตนาการ
แนวทางการพยาบาล : อธิบายเหตุผลต่างๆ ด้วยคำพูดที่เป็นรูปธรรมง่ายๆ
วัยเรียน (อายุ 6-12 ปี)
กลัวร่างกายได้รับบาดเจ็บ เริ่มกลัวความตาย เด็กต้องการคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็น ผลเชิงวิทยาศาสตร์มากขึ้น
แนวทางการพยาบาล : อธิบายให้เด็กฟังเกี่ยวกับโรค การรักษาพยาบาล การดูแลตนเอง อย่างเป็นเหตุเป็นผลในเชิงวิทยาศาสตร์ด้วยข้อความง่ายๆ และเป็นรูปธรรม
วัยรุ่น (อายุ 12-21 ปี)
วัยรุ่นตอนตัน (อายุ 12-14ปี)
จะยินยอมพึ่งพาบิดามารดาโดยไม่มีปัญหา
จะกังวลเกี่ยวกับร่างกาย หน้าที่ของร่างกายและการเคลื่อนไหว
วัยรุ่นตอนกลาง (อายุ 14-18 ปี)
เมื่อต้องพึ่งพาคนอื่นมากขึ้น อาจรู้สึกขัดแย้งในใจ เพราะวัยนี้ต้องการเสรีภาพมาก
วัยรุ่นตอนปลาย (อายุ 18-21 ปี)
ยอมรับความช่วยเหลือจากครอบครัวและทนต่อการต้องพึ่งพาผู้อื่นได้บ้าง
ปัญหาของเด็กกลุ่มนี้ คือ การเป็นโรคที่จะเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพและแบบแผนการดำเนินชีวิต
Pain
ภาวะเจ็บปวด
วัยทารก
มีการตอบสนองต่อ ร่างกายทั้งหมด แขนขา อาจสั่นเกร็ง
แสดงออกทางสีหน้า
วัยหัดเดิน
ร้องเสียงดังเละพูดว่า"เจ็บ ๆ ๆ"
วัยก่อนเรียน
ร้อง สามารถบอกตำแหน่งที่เจ็บปวดได้
อยู่ในระยะเริ่มต้นของ พัฒนาการถดถอยเละ แยกตัว
วัยเรียน
เกรงว่าร่างกายจะบาดเจ็บ อาจต่อรอง หลีกเลี่ยงจาก สถานการณ์การเจ็บปวดได้
สามารถบอกความเจ็บปวดได้
วัยรุ่น
สามารถบอกตำแหน่งที่เจ็บปวด และระดับความรุนแรงได้
เข้าใจสาเหตุและผลของการเจ็บปวด
การดูแลเด็กป่วยที่มีภาวะเจ็บปวด
วัยทารก
ช่วยเหลือโดยอุ้ม – สัมผัส - ทำหัตถการ
วัยเตาะแตะและวัยก่อนเรียน
ช่วยโดยเล่นบทบาทสมมุติ – ครอบครัวมีส่วนร่วมในการทำหัตถการ
วัยเรียน
ช่วยโดย อธิบายทำความเข้าใจ – อยู่คุยขณะทำหัตถการ
วัยรุ่น
ช่วยโดยอธิบายเป็นเหตุผลแบบผู้ใหญ่
เครื่องมือใช้ประเมิน
NIPS
ทารก อายุ 0-1 เดือน
FLACC
เด็กอายุ 1 เดือน - 3 ปีหรือเด็กที่ไม่รู้สึกตัว
CHEOPS
เด็กอายุ 3-6 ปี หรือไม่รู้สึกตัว
FACE scale
เด็กอายุ 3-8 ปี,ผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดีแต่สื่อสารด้วยการให้คะแนนไม่ได้
Numeric rating scale
เด็กอายุ >8 ปี,ผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดีและสามารถให้คะแนนความปวดได้
Behavior pain scale
ผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ที่อยู่ในภาวะวิกฤต
Stress and coping
ความเครียดและการเผชิญกับความเครียด
วัยทารก
สูญเสียความควบคุมจากการที่กิจวัตรประจำวันเปลี่ยนแปลงถูกกำหนดโดยเจ้าหน้าที่แทน
วัยหัดเดิน
ทำให้เด็กสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
วัยก่อนเรียน
ทำให้เด็กรู้สึกเหมือนถูกทำโทษ
วัยเรียน
เด็กมีความเป็นอิสระ เด็กกลัวถูกควบคุม กลัวร่างกายพิการ กลัวตาย กลัวทอดทิ้ง สูญเสียการยอมรับจากเพื่อน
วัยรุ่น
เด็กทุกข์จากความไม่เป็นอิสระ การเจ็บป่วยที่จำกัดร่างกาย
อยู่โรงพยาบาล ทำให้เด็กพึ่งพาและลดความเป็นบุคคล มีผลให้สูญเสียการควบคุม
เด็กอาจตอบสนองด้วยการปฏิเสธ ไม่ร่วมมือ
การจัดการกับความเครียด (Coping)
สนับสนุนให้สมาชิกของครอบครัวช่วยเหลือในกิจกรรมการพยาบาล
เปิดโอกาสให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กป่วย
ให้กำลังใจเด็กและพ่อแม่ อธิบายให้ครอบครัวเข้าใจ
เกี่ยวกับโรคที่เด็กเป็น
ระยะเรื้อรัง และระยะสุดท้าย
ระยะเรื้อรัง
(Chronic stage)
วัยทารก
สร้างความไว้วางใจและเรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัส
วัยเตาะแตะ
พยาบาลควรแนะนำพ่อแม่ให้อิสระแก่เด็กทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล
วัยก่อนเรียน
พยาบาลควรส่งเสริมให้เด็กประสบความสำเร็จตามพัฒนาการ
วัยเรียน
ต้องให้เด็กมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองและการตัดสินใจเพื่อส่งเสริมความรู้สึกควบคุมและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
พยาบาลจะต้องตอบคำถามอย่างเข้าใจ เพื่อให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีและเห็นคุณค่าในตนเอง
วัยรุ่น
ให้วัยรุ่นมีส่วนร่วมในการรักษาพยาบาลร่วมให้คำยินยอมในการรักษา และกำหนดแผนการพยาบาลร่วมกัน
การส่งเสริมการเผชิญความเครียด
การลดความรู้สึกที่แตกต่างและส่งเสริมการมีกิจกรรมที่ปกติ
ระยะสุดท้าย (End stage)
ปฏิกิริยาตอบสนองด้านอารมณ์ตามแนวคิด ของ คูเบอร์ รอสส์
(Kubler-Ross) เป็น 5 ระยะ
1) ระยะตกใจและปฏิเสธ(Shock & denial)
มักเริ่มด้วยตกใจ ไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้รับทราบ งง พูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ใจสั่น
ช่วยเหลือโดยการให้เวลาและสร้างสัมพันธภาพ รับฟังความทุกข์ หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ปฏิเสธมากขึ้น
2) ระยะโกรธ (Anger)
โกรธตัวเอง บุคคลรอบข้าง โยนความผิด กล่าวโทษคนอื่นหงุดหงิด แสดงอาการไม่พอใจ หรืออาจนิ่งเฉย
ช่วยเหลือโดยการรับฟัง เปิดโอกาสให้ระบายความโกรธ ไม่ควรอธิบายเหตุผลหรือแก้ต่างแทน
มีท่าทีที่สงบ ไม่โต้ตอบ การนั่งเป็น เพื่อนหรือสัมผัส จะช่วยลดอารมณ์โกรธได้
3) ระยะต่อรอง (Bargaining)
เริ่มยอมรับและตระหนักถึงความจริงที่หลีกหนีไม่ได้ หาที่พึ่งทางใจ พึ่งไสยศาสตร์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ช่วยเหลือโดยการสนับสนุนในสิ่งที่อยากทำ ให้ข้อมูลที่เป็นจริง
4) ระยะซึมเศร้า (Depression)
แสดงอาการเสียใจ ร้องไห้ ไม่สนใจดูแลตนเอง หมดหวัง ชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว
ช่วยเหลือโดยการนั่งเงียบๆ เป็นเพื่อน สัมผัสด้วยความอ่อนโยนแทนการพูด รับฟังสิ่งที่เป็นทุกข์ กังวลใจ
5) ระยะยอมรับ (Acceptance)
ยอมรับความจริงในธรรมชาติแห่งชีวิต เป็นการยอมรับการสูญเสียโดยสมบูรณ์ ไม่เศร้าโศก หรือกลัวสิ่งใดอีก
ช่วยเหลือโดยการวางแผนการดูแลเด็ก
เป้าหมายการดูแลเมื่อเด็กเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต
การดูแลให้เด็กตายอย่างสงบโดยไม่มีอาการปวด
เป็นการดูแลที่คงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ภาพลักษณ์ (Body image)
เป็นการรับรู้ของบุคคลต่อลักษณะภายนอกของตน
เมื่อเจ็บป่วยร่างกายจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะภายนอก
ความตาย (Death & Dying)
วัยทารก
ไม่สามารถรับรู้หรือมีความเข้าใจเกี่ยวกับความตาย
วัยหัดเดิน
เด็กจะมีความวิตกกังวลกับการพลัดพรากจากบิดา มารดา
การสูญเสียผู้ดูแลเท่านั้น มองหาความ ปลอดภัย มีพฤติกรรม ถดถอย
วัยก่อนเรียน
ตายแล้วฟื้นได้
คิดว่า ความตายเป็นการจากไป เป็นการนอนหลับ
วัยเรียน
เข้าใจว่า ความตายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และไม่สามารถฟื้น กลับได้
วัยรุ่น
ความตายเป็นการจากไปอย่างถาวรและ หลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กไม่ค่อยยอมรับการจบชีวิต ลงโดยเฉพาะการสิ้นสุดของชีวิตตนเอง
นางสาวยุวดี ศรีรักษ์ รหัสนักศึกษา 612901068