Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา ระบบทางเดินหายใจ :wind_blowing_face:, image, image…

- - - - stridor sound
        
        มีลักษณะคล้ายเสียงคราง
        
        เกิดจากมีการตีบแคบของบริเวณกล่องเสียงหรือหลอดลม ได้ยินตอนหายใจเข้าและออก
        
        พบได้บ่อยในกลุ่มอาการของเด็กที่เป็น croup ,acute laryngitis,laryngotracheitis และ laryngotrachebronchitis
      - crepitation sound
        
        เกิดจากการที่ลมผ่านท่อทางเดินหายใจที่มีน้ำหรือเสมหะ
        
        เสียงคล้ายคนขยี้ผม
        
        พบได้ในภาวะปอดอักเสบ(pneumonia)
      - rhonchi sound
        
        มีการไหล วนของอากาศผ่านเข้าไปในส่วนของทางเดินหายใจที่ตีบแคบกว่าปกติ
        
        ภาวะภูมิแพ้
      - wheezing
        
        เสียงหวีด ได้ยินชัดในช่วงหายใจออก
        
        เกิดจากหลอดลมเล็ก ๆ หรือ หลอดลมฝอยเกิดการบีบเกร็ง
        
        พบในผู้ป่วย bronchial asthma ,bronchial hyperreactivity
    - - หายใจเร็วกว่าปกติ(tachypnea)
      - หายใจลำบาก(dypnea)
        
        การหายใจมีปีกจมูกบาน (nasal flaring) ขณะหายใจเข้ามีการบานออกของปีกจมูกทั้งสองข้าง
        
        ขณะหายใจเข้ามีการยุบลง(retraction) ของกระดูกหน้าอก ช่องระหว่างซี่โครง และใต้ซี่โครง
      - หายใจช้ากว่าปกติ(bradypnea)
- - - - อากาศเย็น การพัดโพกของ cilia จะไม่มีประสิทธิภาพ
      - เสมหะมีปริมาณมากและเหนียวข้นจะไม่ถูกพัดพาออกจากทางเดินหายใจ
  - - - เพิ่มความชุ่มชื้นต่อทางเดินหายใจ
      - เสมหะเหนียวน้อยลงขับออกได้ดี
      - Cilia ทำหน้าที่ในการพัดโบกได้ดีขึ้น
  - - - เสมหะเป็นมูกคล้ายแป้งเปียก อยู่ติดรวมกันเป็นก้อน มีความยืดและความหนืดมาก
      - ผู้ป่วยไอขับออกมาได้ยาก
      - ดูแลให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
    - - เสมหะมีลักษณะเป็นเมือกเหลว มีความยืดและความหนืดน้อยไม่รวมตัวกันเป็นก้อน
      - ผู้ป่วยไอขับออกมาได้ง่าย
- - - - ปัญหาพร่องออกซิเจน กับ ผู้ป่วย Croup
        
        มีการอุดกลั้นทางเดินหายใจ เฉียบพลัน จากการอักเสบ
        
        ฝาปิดกล่องเสียง(acute epiglottitis)
        
        กล่องเสียง
        
        หลอดลมใหญ่ และหลอดลมฝอยในปอด (Laryngotracheobronchitis)
      - พยาบาลจะทราบได้อย่างไร ว่าผู้ป่วยเด็กรายนี้ น่าจะป่วยด้วยโรค Croup
        
        inspiratory stridor หายใจเข้ามีเสียงฮืด
        
        ไอเสียงก้อง Barking cough
    - - กลไกการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลให้เด็กเกิดอาการหอบ
        
        เมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้น เยื่อบุผนังหลอดลม มีปฏิกริยาตอบสนองต่อสารภูมิแพ้มากกว่าปกติ
        
        หลอดลมหดเกร็งตัว(Brochospasm)
        
        หลอดลมตีบแคบลง (Stenosis) เยื่อบุภายในหลอดลมบวม
        
        สร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก (Hypersecretion) ทาให้ช่องทางเดินอากาศในหลอดลมแคบลง
      - เมื่อเด็กเกิดอาการหอบ ฟังปอดได้ยินเสียง Wheezing ชัดเจน สิ่งแรกที่ต้องทำ
        
        ให้ผู้ป่วยได้รับยาขยายหลอดลม อันดับแรกก่อนเสมอ :star:
        
        ดูแลให้ได้รับออกซิเจน ให้นอนพักเพื่อลด activity
        
        ไม่ใช้วิธีการเคาะปอดในเด็กที่เป็น Asthma ที่กาลังหอบ เพราะจะทำให้หลอดลมเกิดการหดเกร็งมากขึ้น
      - การป้องกันไม่ให้เด็กเกิดอาการหอบซ้ำๆ
        
        ควรหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น ก่อภูมิแพ้
        
        รับประทานอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยลดการอักเสบและการตีบตันบริเวณ ทางเดินหายใจ เช่น ผักผลไม้สด เมล็ดธัญพืช เนื้อปลา และดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ
        
        การว่ายน้ำ ช่วยในการรักษาโรคหอบหืดในเด็กได้ การว่ายน้ำจะไม่กระตุ้นให้เกิดอาการหอบต่างจากกีฬาอื่นๆ โดนนอกจากจะช่วยลดอาการของโรคหอบหืด การว่ายน้ำยังช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ เช่นการเพิ่มความจุของปอด, ช่วยในการพัฒนาเทคนิคการหายใจ และช่วยเพิ่มความฟิตของร่างกายทั่วๆ ไปได้
      - วิธีการใช้ และการทำความสะอาดBabyhaler
        
        ต้องล้างทำความสะอาดบ่อยๆ แต่ไม่จำเป็นต้องทุกครั้งหลังใช้ ล้างด้วยน้ำยาล้างจานตากให้แห้ง
        
        ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดถูให้แห้ง เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตที่ผนังของ Spacer เวลาพ่นยา ยาจะไปเกาะกับผนังของ Spacer ยาจะเข้าผู้ป่วยน้อยลง
        
        พ่นยาทิ้ง 1 ครั้ง เพื่อให้ยาจับผนังของ Spacer ก่อน เพื่อให้การพ่นครั้งต่อๆไป ยาก็จะเข้าผู้ป่วย
    - - Bronchitis /Bronchiolitis มีความแตกต่างกันอย่างไร
        
        Bronchitis เกิดที่หลอดลม
        
        Bronchiolitis เกิดที่ หลอดลมฝอย
      - การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ช่วยให้อาการของโรคดีขึ้นเพราะเหตุใด
        
        เพิ่มความชุ่มชื้นต่อทางเดินหายใจ
        
        เสมหะเหนียวน้อยลงขับออกได้ดี
        
        Cilia ทำหน้าที่ในการพัดโบกได้ดีขึ้น
      - ทำไมปัญหาติดเชื้อ และปัญหาพร่องออกซิเจนจึงเป็นปัญหาสำคัญ
        
        มีการอักเสบและอุดกลั้นของหลอดลม เกิดการคั่งค้างของเสมหะ เกิดการตีบแคบของหลอดลม
        
        เมื่อเกิดการตีบแคบ ของหลอดลม เกิดการพร่องออกซิเจน ทำให้เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
      - การให้ออกซิเจนในเด็กโรคนี้ทำไมต้องให้ออกซิเจนที่มีความชื้นสูง
        
        ทำให้ทางเดินหายใจไม่แห้ง เสมหะอ่อนตัว สามารถขับออกได้ง่าย
    - - สาเหตุ สำลักสิ่งแปลกปลอม ติดเชื้อ แบคทีเรีย ไวรัส
      - เกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกใช้ตัดสิน Pneumonia
        
        อัตราการหายใจ
        
        ฟังปอดได้ยินเสียง Crepitation
        
        Chest X-ray พบน้ำและเสมหะจำนวนมาก
      - การพยาบาล
        
        สอนการไออย่างถูกวิธี กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ
        
        การระบายเสมหะ
        
        การจัดท่าผู้ป่วย (Postural drainage)
        
        จัดให้ส่วนของปอดที่ต้องการระบาย อยู่เหนือกว่าหลอดลม และปาก
        
        ทำให้เสมหะไหลออกจากหลอดลมเล็กสู่หลอดลมใหญ่
        
        ถูกขับออกโดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยไอ suction ออกมา
        
        จัดท่านอนเพื่อช่วยระบายเสมหะ
        
        Anterior ให้จัดท่านอนหงาย Posterior ให้จัดนอนคว่ำ
        
        อยู่ด้านซ้ายให้จัดท่านอนตะแคงขวา ถ้าอยู่ด้านขวาให้นอนตะแคงซ้าย
        
        อยู่ส่วนบนนอนหัวสูง อยู่ส่วนล่างนอนหัวต่ำ
        
        การเคาะ (Percussion)
        
        cupped hand เคาะบริเวณทรวงอกส่วนที่ได้รับการจัดท่า
        
        ใช้ผ้ารองบนส่วนที่จะเคาะ การเคาะแต่ละท่าควรใช้เวลาประมาณ 1 นาที
        
        เคาะก่อนรับประทานอาหาร หรือขณะท้องว่าง หรือหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักและอาเจียน
        
        การสั่นสะเทือน (Vibration)
        
        ใช้มือวางราบพร้อมทั้งเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน และหัวไหล่ ในจังหวะการหายใจเข้าเต็มที่ และกำลังหายใจออก
        
        การสอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective cough)
        
        ฝึกการไอให้มีประสิทธิภาพ โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเต็มที่ช้ำๆ กลั้นไว้สักครู่ และไอออกมาโดยเร็วและแรง
        
        จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง หรือนอนทับข้างที่มีพยาธิสภาพเพื่อให้ปอดข้างที่ดีขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
  - - - ผลของการติดเชื้อBeta Hemolytic streptococcus gr. A และไม่ได้รับประทานยาครบ 10 วันคือ
        
        ถ้าเชื้อไปที่หัวใจ ไข้รูห์มาติค และหัวใจรูห์มาติค
        
        ถ้าเชื้อไปที่ไต กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน AGN
      - หมอใช้เกณฑ์อะไรเป็นตัวพิจารณาตัดต่อมทอนซิลให้กับเด็ก
        
        การติดเชื้อเรื้อรัง (chronic tonsillitis)หรือเป็นๆหายๆ
        
        รบกวนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ต้องหยุดเรียนบ่อยๆ เช่น มีไข้ เจ็บคอ กลืนอาหารลำบาก
        
        มีการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดอาการนอนกรน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
        
        ในรายที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งของต่อมทอนซิล
      - ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญหลังผ่าตัดต่อมทอนซิลคืออะไร จะต้องเฝ้าระวังหรือดูแลเด็กอย่างไร
        
        ระวังเรื่องของการ bleeding
        
        นอนพัก ศีรษะสูง
        
        วัด vital sign ภาวะซีด
        
        อมน้ำแข็งในปาก ประคบบริเวณหน้าผากหรือ คอด้วย cold pack เพื่อให้เลือดหยุด
        ควร อมน้าแข็ง หรือ ควรประคบ ประมาณ 10 นาที แล้วจึงเอาออกประมาณ 10 นาที สลับกันไป
        
        ภาวะพร่องออกซิเจน จากผนังในคอบวม
        
        นอนศีรษะสูง หมอนหนุน
        
        อมและประคบน้ำแข็งบ่อยๆ ลดอาการบวมบริเวณที่ทำการผ่าตัด
        
        วัด vital sign
        
        การดูแลเพื่อลดอาการปวดหลังผ่าตัด
        
        อมน้าแข็งก้อนเล็กๆ
        
        รับประทานของเหลว
        
        ในรายที่ปวดแผลผ่าตัดให้ใช้กระเป๋าน้าแข็งวางรอบคอ ถ้าปวดมากให้ ยาแก้ปวด
    - - Sinusitis ชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ดูแลต่างกันอย่างไร
        
        เหมือนกัน
        
        ให้ยา antibiotic ตามแผนการรักษา
        
        ให้ยาแก้ปวด ลดไข้ เพื่อลดไข้ และบรรเทาอาการปวดศีรษะ
        
        ต่างกัน
        
        ให้ยาแก้แพ้ ให้ใช้เฉพาะในรายที่ไซนัสอักเสบเรื้อรังที่มีสาเหตุ ชักนำมาจากโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เท่านั้น
        
        ไม่แนะนำให้ใช้ ยาแก้แพ้ในผู้ป่วยเฉียบพลันเพราะจะทำให้จมูกและไซนัสแห้ง
      - การล้างจมูก ช่วยให้อาการของโรคดีขึ้นได้อย่างไร
        
        เพื่อให้หนองในโพรงไซนัสไหลถ่ายเทออกมาให้หมด
        
        ลดอาการปวด
        
        ป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสไปสู่ปอด
        
        เพิ่มความชุ่มชื้น
        
        บรรเทาอาการคัดแน่นจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น
      - วิธีล้างจมูกล้างอย่างไร และใช้น้ำอะไรล้าง เพราะเหตุใด
        
        ใช้น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% NSS เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยลดความเหนียวของน้ำมูกและทำให้เชื้อโรคไม่เจริญเติบโต
        
        ล้างจมูกวันละ 2-3 ครั้ง
        
        วิธี/ขั้นตอน ล้างจมูก
        
        อ้าปาก หายใจเข้าลึกๆ และกลั้นหายใจไว้ ดันน้ำเกลือเข้าโพรงจมูก
        
        โน้มตัวลงข้างหน้า
        
        ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน เพราะอาจเกิดการสำลักได้
        
        แนะนำ ให้ล้างจมูกก่อนการพ่นยา เพิ่มการดูดซึมยาได้ดี
      - X-ray paranasalsinus ทาไมไม่นิยมทำในเด็กเล็ก
        
        เพราะ ไซนัส บางแห่งยังเจริญไม่เต็มที่ ทำให้การแปลผลผิดพลาด
- - - - ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 30%-70%
      - เป็นกล่องพลาสติก วางครอบศีรษะเด็ก
      - ควรเปิดออกซิเจนอย่างน้อย 7 lit/min เพื่อป้องกันการคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
    - - เปิดออกซิเจนไม่จาเป็นต้องมาก สามารถเปิด 3-5 lit/min
      - ไม่ควรลด flow rate ลงเหลือน้อยกว่า 3 lit/min เพื่อป้องกันการคั่งของกาซคาร์บอนไดออกไซด์