Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะสุขภาพฟันและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธ์ชั้นป…
ภาวะสุขภาพฟันและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ในเขตตำบลแม่ยาว อำเภอเชียงราย จังหวัดเชียงราย
ปัญหาสุขภาพของช่องปากถือเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งทางสาธารณสุขในระดับประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในเด็กระดับประถมศึกษา ปัจจัยที่ส่งผลให้เด็กมีสภาวะฟันผุเนื่องมาจากพฤติกรรมการชอบบริโภคอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลในปริมาณที่ไม่เหมาะสม เด็กส่วนใหญ่ชอบบริโภคขนมหวานร่วมไปถึงน้ำหวาน น้ำอัดลม และขนมกรุปกรอบ รวมถึงการมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในช่องปากของเด็กที่ไม่ถูกต้อง จึงทำให้เกิดมีสภาวะฟันผุเพิ่มขึ้น
วิธีดำเนินการวิจัย
การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง โดยประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 จำนวน 249 คน แบ่งเป็น 9 ชาติพันธุ์ใน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
-
ผลการวิจัย
พบว่า ภาวะสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ ฟันผุ จำนวน 217 คน(ร้อยละ 87.15) และฟันที่ถูกถอน 77 คน(ร้อยละ 30.92) โดยค่าดัชนีฟันแท้ที่ผุ ถอน อุด จะเท่ากับ 0.01 ซี่/คน และฟันน้ำนมผุ อุด ถอน จะเท่ากับ1.54 ซี่/คน
ดังนั้นภาวะสุขภาพฟันก็จะสอดคล้องกับกิจกรรมอนามัยโรงเรียนในระดับปฐมศึกษาข้อที่ 9 คือ โภชนาการในโรงเรียนและนักเรียนแปรงฟันหลังรับประทานอาหารกลางวัน
สรุป
ภาวะสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2โรงเรียนในเขตตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่า มีภาวะฟันผุถึงร้อยละ 87.15 ซึ่งจากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากจะเห็นได้ว่าฟันน้ำนมมักจะมีปัญหามากที่สุดอาจเนื่องมาจากพฤติกรรมของเด็กที่ดูดนมก่อนนอนและไม่ได้รับการแปรงฟัน และผู้ปกครองเองอาจจะขาดความใส่ใจในการดูแลฟันของเด็กโดยเฉพาะเด็กนักเรียนชาติพันธุ์
วัตถุประสงค์
- เพื่อศึกษาภาวะสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ในเขตตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย.
2.เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ในเขตตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
พฤติกรรมการดูแลฟัน พบว่า พฤติกรรมการรักษาสุขภาพฟันโดยรวมอยู่ในระดับดี (µ=2.16) แต่เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าพฤติกรรมการรักษาสุขภาพฟันมากที่สุดคือการใช้แปรงสีฟันในการแปรงฟัน (µ= 2.94) รองลงมาคือการแปรงฟันด้วยตนเอง (µ = 2.93) ส่วนพฤติกรรมการรักษาสุขภาพฟันที่ต่ำที่สุดคือการแปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ (µ = 1.26) รองลงมาคือการแปรงฟันอย่างน้อยครั้งละ 2-3 นาที (µ= 1.49) ส่วนพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่โดยภาพรวมอยู่ในระดับพอใช้ (µ= 1.82) และเมื่อ) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าพฤติกรรมบริโภคอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุดการดื่มนมรสจืด (µ = 2.49) รองลงมาคือรับประทานขนมไทยเช่นทองหยิบทองหยอดฝอยทอง (µ = 2.25) ส่วนพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่ต่ำที่สุดคือการรับประทานขนมกรุบกรอบเช่นเลย์เทสโต้คอนเน่ (µ = 1.30) รองลงมาคือรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล
อ้างอิง : กฤติยา แหนบคำ.(2560).ภาวะสุขภาพฟันและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธ์ชั้นประถมศึกษาปีที่1-2 ในเขตตำบลแม่ยาว อำเภอเชียงราย จังหวัดเชียงราย.วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีปีที่ 6.
-