Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ, นางสาวภัทราภรณ์ ครโสภา เลขที่ 14…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
สาระสำคัญเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจในเด็ก
เสมหะ
กลไกการสร้างเสมหะ
กระบวนการสร้างสารมูก Mucous
การโบกพัดของ Cilia
กลไกการไอ Cough Reflex
เมื่อเกิดการติดเชื้อ
ต่อมสร้างสารคัดหลั่ง (mucus gland)
จะสร้าง mucous เพิ่มมากขึ้น ทำให้เสมหะมากขึ้น
มีการทำลายเซลล์เยื่อบุหลอดลมเเละทำลาย cilia เพิ่มมากขึ้น
จำนวน cilia ก็จะลดน้อยลง
ผลที่ตามมา
ทำให้เกิดการคั่งค้างของเสมหะในหลอดลมเพิ่มมากขึ้น
เมื่ออากาศเย็นการพัดโบกของ cilia จะไม่มีประสิทธิภาพ
เสมหะมีปริมาณมากเเละเหนียวข้นจะไม่ถูกพัดพาออกจากทางเดินหายใจ
การไออย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกลไกที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการคั่งค้างของเสมหะในหลอดลม
ทำไมต้องเพิ่มน้ำในผู้ป่วยที่มีเสมหะ
ส่งผลให้ cilia ทำหน้าที่พัดโบกได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยขับเสมหะได้ง่ายขึ้น
ให้น้ำเท่าไหร่จึงจะพอ ประเมินได้จากสีของปัสสาวะ เเละอาการปากเเห้ง
ดูเเลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ ช่วยให้ความชุ่มชื้นต่อทางเดินหายใจ ทำให้เสมหะเหนียวน้อยลง ทำให้ขับออกมาได้ง่าย
ลักษณะของเสมหะ
เสมหะเหนียว
เป็นมูกคล้ายเเป้งเปียก อยู่ติดรวมกันเป็นก้อน มีความยืดเเละความหนืดมาก ทำให้ขับออกได้ยาก
เสมหะไม่เหนียว
มีลักษณะเป็นเมือกเหลว มีความยืดเเละความหนืดน้อยไม่รวมตัวกันเป็นก้อน ทำให้ขับออกมาได้ง่าย
การหายใจ
อัตราการหายใจของเด็กเเต่ละวัย
2-12 เดือน ไม่เกิน 50 ครั้ง/นาที
1-5 ปี ไม่เกิน 40 ครั้ง/นาที
ต่ำกว่า 2 เดือน ไม่เกิน 60 ครั้ง/นาที
ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดเเดง มากกว่า 95-100%
ลักษณะการหายใจ
การหายใจมีปีกจมูกบาน (nasal flaring)
เป็นลักษณะของการหายใจลำบาก : ขณะหายใจเข้าปีกจมูกจะบานเพื่อช่วยขยายท่อทางเดินหายใจให้อากาศที่หายใจเข้าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ขณะหายใจมีการยุบลง (retraction)
เป็นการยุบลงของกระดูกหน้าอกช่องระหว่างซี่โครงเเละใต้ซี่โครง
เสียงหายใจผิดปกติ
crepitation sound
เป็นเสียงเเตกกระจายเป็นช่วงๆ เกิดจากที่ลมผ่านท่อทางเดินหายใจที่มีน้ำหรือเสมหะ
พบได้ในภาวะปอดอักเสบ (pneumonia)
rhonchi sound
เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการไหลวนของอากาศผ่านเข้าไปในส่วนของทางเดินหายใจที่ตีบเเคบกว่าปกติ อาจเกิดจากเสมหะอุดตัน เยื่อบุทางเดินหายใจบวม หลอดลมบีบเกร็งจากภาวะภูมิเเพ้
Stridor sound
เกิดจากมีการตีบเเคบของบริเวณกล่องเสียงหรือหลอดลม ได้ยินตอนหายใจเข้าเเละออก มีลักษณะคล้ายเสียงคราง ได้ยินโดยไม่ต้องใช้หูฟัง
พบได้ในกลุ่มอาการเด็กที่เป็น croup ได้เเก่ acute laryngitis,laryngotracheitis เเละ laryngotrachebronchitis
wheezing
เป็นเสียงที่มีความถี่สูงหรือเสียงหวีด ได้ยินชัดในช่วงหายใจออกเกิดจากหลอดลมเล็กๆ หรือหลอดลมฝอยเกิดการบีบเกร็ง เป็นเครื่องเเสดงว่าผู้ป่วยได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด หรือภาวะหลอดลมมีความไวในการตีบตัวมากกว่าปกติ
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบหายใจ
Croup
คือ
เป็นกลุ่มอาการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนบริเวณกล่องเสียงเเละส่วนที่อยู่ใต้ลงมา
สาเหตุ
มีการอักเสบบริเวณฝาปิดกล่องเสียง กล่องเสียง หลอดลมใหญ่ เเละหลอดลมฝอยในปอด
อาการ
ไอเสียงก้อง Barking cough
ไข้ เจ็บคอ หายใจลำบาก Dyspnea
หายใจเข้ามีเสียงฮืด (stridor)
อาการน้ำลายไหล
ถ้าไม่ตอบสนองกับยาพ่นทั่วไป จะพ่น Adrenaline ต้องใส่ Endotracheal tube
Tonsilitis/Pharyngitis
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อเเบคทีเรีย ไวรัส เช่น Beta Hemolytic streptococcus gr.A
อาการ
มีไข้ ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ อาจมีตุ่มใส แผลตื้นที่คอหอย หรือเพดานปาก
คำเเนะนำ
ให้กินยา Antibiotic ให้ครบ 10 วัน เพื่อป้องกัน ไข้รูห์มาติค เเละหัวใจรูห์มาติค หรือกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน AGN
Tonsillectomy
ข้อบ่งชี้
มีไข้ เจ็บคอมากเวลากลืนหรือกลืนลำบาก เป็นเรื้อรังหรือเป็นๆหายๆ รบกวนคุณภาาพชีวิตของผู้ป่วย
มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดอาการนอนกรน หรือมีการหยุดหายใจขณะหลับ
มีการติดเชื้อเรื้อรังหรือเป็นๆหาย
สงสัยว่าเป็นมะเร็งของต่อมทอนซิล
การดูเเลหลังผ่าตัด
จัดให้นอนตะเเคงไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อสะดวกต่อการระบายเสมหะ น้ำลายหรือโลหิตที่คั่งในปาก
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เช่น ชีพจร เด้กเงียบ ซีด มีการกลืนติดต่อกัน บ่งบอกว่ามีเลือดออก
เมื่อเด็กรุ้สึกตัวดี จัดให้เด็กนั่ง 1-2 ชั่วโมง ให้อมน้ำเเข็งก้อนเล็ก รับประทานของเหลวในรายที่ปวดแผลผ่าตัดให้ใช้กระเป๋าน้ำเเข็งวางรอบคอ ถ้าปวดมากให้ยาเเก้ปวด
หลังผ่าตัด
สามากลับบ้านได้หลังผ่าตัด 24-48 ชั่วโมงหากรับประทานอาหารเเละน้ำได้อย่างเพียงพอ ไม่เกิดภาวะเเทรกซ้อน
ผู้ป่วยอาจมีไข้ หรือรู้สึกดึงๆ คล้ายกับมีสิ่งแปลกปลอมบริเวณคอ หรือมีเสียงเปลี่ยน มักหายภายใน 1 สัปดาห์
หลังผ่าตัด 1-2 วันเพดานอ่อนหรือผนังในคออาจบวมมากขึ้นได้ ทำให้หายใจอึดอัด ไม่สะดวก ควรนอนศีรษะสูงโดยหมอนหนุน อมเเละประคบน้ำเเข็งบ่อยๆ ถ้าเป็นมากขึ้นให้มาพบเเพทย์
หลีกเลี่ยงการแปรงฟันเข้าไปในช่องปากลึกเกินไป
อมน้ำเเข็งประมาณ 10 นาที เเล้วจึงเอาออกประมาณ 10 นาทีเเล้วค่อยอมหรือประคบใหม่ ทำเเบบนี้สลับกันไปเรื่อยๆ ถ้าเลือดไม่หยุดไหลให้ไปพบเเพทย์
ควรรับประทานอาหารอ่อนที่เย็น หรือไอติม นอกจากนั้นควรกลั้วคอ ทำความสะอาดบ่อยๆ เเละแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
หลังผ่าตัดประมาณ 2-4 สัปดาห์ แผลจะหายเป็นปกติ
ไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
คือ
เป็นการอักเสบของโพรงอากาศข้างจมูก
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เเบคทีเรีย เชื้อรา เมื่อติดเชื้อเเล้วจะทำให้เกิดอาการบวมของเยื่อบุในโพรงอากาศ เเละส่งผลให้เกิดภาวะอุดตันช่องระบายของโพรงอากาศข้างจมูก ทำให้เกิดการคั่งของสารคัดหลั่ง
ระยะของโรค
Acute sinusitis ระยะของโรคไม่เกิน 12 สัปดาห์
Chronic sinusitis อาจต่อเนื่องเกิน 12 สัปดาห์
อาการ
มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ร่วมกับมีอาการไอ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ปวดบริเวณหน้าผาก เเละหัวคิ้วมาก
การวินิจฉัย
X-ray paranasal sinus ควรทำในเด็กที่อายุเกิน 6 ปี เพราะถ้าทำในเด็กอายุน้อย จะทำให้แปลผลผิดพลาด
CT scan ได้ผลดีกว่าวิธีอื่น
ตรวจด้วยการส่องไฟผ่าน จะพบว่าไซนัสที่มีการอักเสบจะมีลักษณะมัว
การดูเเลรักษา
ให้ยาเเก้ปวด ลดไข้ เพื่อลดไข้ เเละบรรเทาอาการปวดศีรษะ
ให้ยาเเก้เเพ้ เฉพาะในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง
ให้ยา antibiotic ตามแผนการรักษา
ให้นา Sterooid เพื่อลดอาการบวม ลดการคั่งของเลือดที่จมูก ทำให้รู้เปิดของโพรงไซนัสสามารถระบายสารคัดหลั่งได้ดีขึ้น
การล้างจมูก
เป็นการทำความสะอาดโพรงจมูก ช่วยชะล้างมูก คราบมูก หรือหนองบริเวณโพรงจมูก ทำให้โพรงจมูกสะอาด ป้องกันกานลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกเเละไซนัสไปสู่ปอด
ล้างจมูกก่อนพ่นยา จะทำให้ยาพ่นมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ล้างจมูกวันละ 2-3 ครั้ง โดยใช้น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% NSS เพื่อช่วยลดความเหนียวของน้ำมูกเเละทำให้เชื้อโรคไม่เจริยเติบโต
หอบหืด (Asthma)
คือ
เป็นภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ซึ่งมีผลทำให้เยื่อบุผนังหลอดลม มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารภูมิเเพ้มากกว่าปกติ
พยาธิสภาพ
2.ทำให้หลอดลมตีบเเคบลง (Stenosis) เยื่อบุภายในหลอดลมบวมขึ้น
3.สร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก (Hypersecretion) ทำให้ช่องทางเดินอากาศในหลอดลมเเคบลง ทำให้เกิดอาการหอบขึ้น
1.ทำให้หลอดลมหดเกร็งตัว (Brochospasm)
การดูเเล
ให้ผู้ป่วยได้รับบาขยายหลอดลม ได้รับออกซิเจน ให้พักเพื่อลด activity
ให้ยาลดอาการบวม เช่น Dexa ซึ่งเป็นยา Steroid
ถ้ามีเสมหะมากจะไม่ใช้วิธีเคาะปอดในเด็กที่เป็น Asthma ที่กำลังหอบ เพราะจะทำให้หลอดลมมีการหดเกร็งมากขึ้น
อาการ
เป็นหวัด ไอ มีเสมหะ ถ้าไอมากขึ้นเรื่อยๆจะมีเสียง Wheezing ในช่วงหายใจออก เมื่อขาดออกซิเจนจะเกิดอาการหอบมาก ปากซีดเขียว ใจสั่น
ความรุนเเรง
ขั้นปานกลาง ตื่นกลางคืนบ่อยๆ วิ่งเล่นซนไม่ค่อยได้ ขณะเล่นมักไอหรือมีเสียงวี้ดไปด้วย
ขั้นรุนเเรง กระสับกระส่ายจนนอนไม่ได้ เล่นซนไม่ได้ เหนื่อยหหอบจนพูดหรือกินอาหารไม่ได้ รอบริมฝีปากเป็นสีเขียว ต้องส่งโรงพยาบาล
เล็กน้อย เริ่มไอ เเละมีเสียงวี้ด เเต่ยังเล่นซนได้ตามปกติ ทานอาหารได้ตามปกติ เเละนอนได้ตามปกติ
การรักษา
ลดอาการของเด็ก ให้เด็กได้ทำกิจกรรมตามปกติ
พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
ยาที่ใช้
ยาขยายหลอดลม มีทั้งชนิดพ่นเเละรับประทาน
ยาชนิดพ่นจะให้ผลได้เร็ว ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น เพราะไปขยายกล้ามเนื้อเล็ก ซึ่งอยู่ภายในหลอดลมที่หดเกร็ง จะใช้เมื่อเกิดอาการหอบ เช่น ventolin บางรายได้รับยาพ่นกลุ่ม Corticosteroid ต้องดูเเลให้บ้วนปากหลังพ่นยาทุกครั้งเพื่อป้องกันเชื้อราในปาก
ยาลดการบวม เเละการอักเสบของหลอดลม
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
หมอน ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ใช้ที่นอนจากใยสังเคราะห์หรือฟองน้ำ
ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน
ไม่ควรมีตุ๊กตาที่มีขนในห้องนอน ไม่ใช้พรมในห้องนอน ควรเช็ดฝุ่นทุกวัน
ออกกำลังกาย ถ้าควบคุมโรคหอบหืดได้ดี จะไม่มีปัญหาในการออกกำลังกาย
ตัวไรฝุ่น ฝุ่น มักอาศัยอยู่ที่เตียงนอน หมอน พรม จึงควรทำไปตาก หรือผึ่งเเดดบ่อยๆ
หลีกเลี่ยงอากาศเย็น เนื่องจากอากาศเย็นจะมีผลต่อการพัดโบกของ Cilia
ควันบุหรี่ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดได้
หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis)
สาเหตุ
เกิดจากการอักเสบเเละอุดกลั้นของหลอดลม เชื้อที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อย คือ RSV
พบในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต อายุประมาณ 6 เดือนเป็นช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุด เด็กโตอาการน้อยกว่าเด็กเล็ก
กลไก
เชื้อไวรัสทำลายเนื้อเยื่อของหลอดลมฝอยทำให้เกิดอาการอักเสบ บวม เเละมีการคั่งของเสมหะเกิดการอุดกั้นของหลอดลมฝอย ผลที่ตามมาคือ เกิด Atelectasis
อาการ
เริ่มจากไข้หวัดเพียงเล็กน้อย มีน้ำมูกใส จาม เบื่ออาหาร ต่อมาเริ่มไอ ร้องกวน หายใจเร็ว หอบ หายใจมีปีกจมูกบาน ดูดนมหรือน้ำได้น้อยลง หรือไม่ดูดเลย
การรักษา
รักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ ยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบ ยาขยายหลอดลม
การดูเเลให้เด็กได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ได้รับน้ำ ดูเเลไข้
ดูเเลปัญหาการติดเชื้อ ดูเเลเสริมสร้างภูมิต้านทานให้อาหารที่มีประโยชน์
ปอดบวม (Pneumonia)
เกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกใช้ตัดสิน Pneumonia
เด็กอายุ 2 เดือนถึง 1 ปี อัตราการหายใจที่มากกว่า 50 ครั้ง/นาที
เด็กอายุ 1-5 ปีอัตราการหายใจที่มากกว่า 40 ครั้ง/นาที
เด็กเเรกเกิด อัตราการหายใจที่มากกว่า 60 ครั้ง/นาที
การรักษา
ดูเเลเรื่องไข้ Clear airway suction เพื่อให้การเเลกเปลี่ยนออกซิเจนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูเเลเเก้ไขปัญหาพร่องออกซิเจน ให้ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ ยาฆ่าเชื้อ
ดูเเลให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อให้เสมหะอ่อนตัว ขับออกได้ง่าย เเละช่วยลดไข้
อาการ
มีไข้ ไอ หอบ ดูดน้ำเเละนมน้อยลง ซึม
สาเหตุ
สำลักสิ่งแปลกปลอม ติดเชื้อเเบคทีเรีย ไวรัส
การพยาบาล
สอนการไออย่างถูกวิธี กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ
รายที่เสมหะอยู่ลึกให้ Postural drainage โดยการเคาะปอดเเละ suction เพื่อป้องกันภาวะปอดเเฟบ
ปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจเป็นปัญหาสำคัญจำเป็นต้องดูเเลเเก้ไข
จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง หรือนอนทับข้างที่มีพยาธิสภาพเพื่อให้ปอดข้างที่ดีขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูเเลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
การดูเเลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
การระบายเสมหะ
การเคาะ (Percussion)
ใช้ผ้ารองบนส่วนที่จะเคาะ การเคาะเเต่ละท่าควรใช้เวลาประมาณ 1 นาที
ขณะเคาะหากผู้ป่วยไอควรหยุดเคาะ ให้ใช้การสั่นสะเทือนเเทน
ใช้อุ้งมือไม่ควรใช้ฝ่ามือ โดยทำมือให้เป็นลักษณะคุ้ม นิ้วเเต่ละนิ้วชิดกัน เคาะบริเวณทรวงอกส่วนที่ได้รับการจัดท่า
ควรเคาะก่อนรับประทานอาหาร หรือขณะท้องว่าง หรือหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการสำลักเเละอาเจียน
การสั่นสะเทือน (Vibration)
ใช้มือวางราบพร้อมทั้งเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต้นเเขน เเละหัวไหล่ในจังหวะการหายใจเข้าเต็มที่ เเละกำลังหายใจออก
การจัดท่าผู้ป่วย (Postural drainage)
เป็นวิธีที่อาศัยเเรงโน้มถ่วงของโลกเป็นหลัก โดยจัดให้ส่วนของปอดที่ต้องการระบายอยู่เหนือหลอดลม เเละปาก ทำให้เสมหะไหลออกจากหลอดลมเล็กเข้าสู่หลอดลมใหญ่
อยู่ด้านหน้า Anterior ให้จัดท่านอนหงาย
อยู่ส่วนด้านหลัง Posterior ให้นอนคว่ำ
อยู่ด้านซ้ายให้จัดท่านอนตะเเคงขวา ถ้าอยู่ด้านขวาให้จัดท่านอนตะเเคงซ้าย
อยู่ส่วนบนนอนหัวสูง อยู่ส่วนล่างนอนหัวต่ำ
การสอนไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective cough)
ฝึกการไอให้มีประสิทธิภาพ โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเต็มที่ช้าๆ กลั้นไว้สักครู่ เเละไออกมาโดยเร็วเเละเเรง
การพ่นยาในเด็ก
ประโยชน์ที่ได้รับ
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไอ ขับเสมหะได้ง่ายขึ้น
ให้ความชุ่มชื่นเเก่อากาศหรือก๊าซที่หายใจเข้า
ง่ายต่อการระบายออกจากปอด
เป็นหนทางในการบริหารยาทางระบบหายใจ
ทำให้เสมหะเหนียวอ่อนตัวลง
ข้อปฏิบัติในการพ่นยาเเบบละออง Neubulizer
ถ้าไม่เห็นละอองยา หรือละอองยาออกไม่หนาเเน่นท่าที่ควรต้องสำรวจเครื่องพ่นยาทำงานหรือไม่ ช่วงรอยต่อหลุดหรือไม่
ออกซิเจนเปิด 6-8 ลิตร/นาที
เคาะกระเปาะพ่นยาเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้ยาตกค้างในกระเปาะมากเกินไป พ่นจนกว่ายาจะหมดใช้เวลา 10 นาที
ใช้มือประคองกระเปาะพ่นยาไว้ เพื่อให้อุณหภูมิคงที่ ทำให้ขนาด particle สม่ำเสมอ
ไม่ควรให้เด็กร้อง เพราะปริมาณยาจะเข้าสู้ปอดน้อยลง
face mask
เป็นเเบบหน้ากากครอบบริเวณจมูกเเละปาก มีสายรัดศีรษะเพื่อให้หน้ากากยึดเเละเเนบสนิทกับใบหน้า
เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องใช้ออกซิเจนในระดับปานกลาง ความเข้มข้นประมาณ 35-50% เปิดประมาณ 5-10 ลิตร/นาที ไม่ควรน้อยกว่า 5 ลิตร/นาที เพื่อป้องกันการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ใน mask ที่เกิดขึ้นในขณะที่ผู้ป่วยหายใจออก
Oxygen hood/Box
มีลักษณะเป็นกล่องพลาสติก วางครอบศีรษะเด็ก เหมาะกับทารกเเรกเกิดหรือเด็กเล็ก ความเข้มข้นประมาณ 30-70% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของ Hood/Box ควรเปิดอย่างน้อย 7 ลิตร/นาที เพื่อป้องกันการคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ถ้าเป็นของทารกที่ใช้ Hood เล็ก การเปิดออกซิเจนไม่จำเป็นต้องเปิดมาก สามารถเปิด 3-5 ลิตร/นาที ไม่ควรน้อยกว่า 3 ลิตร/นาที เพราะป้องกันการคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
หลักการให้คำเเนะนำในการดูเเลเด็ก
การให้ออกซิเจนให้เลือกตามความเหมาะสมกับเด็ก ตามแผนการรักษาของเเพทย์ เพื่อป้องกันภาวะเเทรกซ้อน
ถ้าบวมก็ให้ยาลดบวม ถ้าอักเสบติดเชื้อก็ให้ยา ATB ถ้าตีบก็ให้ยาขยาย ถ้ามีเสมหะก็เอาเสมหะออก หรือลดไม่ให้สร้างมากขึ้น จึงจะให้ออกซิเจนลงไปได้ถึง
การดูเเลเด็กที่มีปัญหาพร่องออกซิเจน หลักสำคัญคือต้องเเก้ไขเส้นทางผ่านของออกซิเจน เพื่อให้ออกซิเจนลงไปถึงจุดที่มีการเเลกเปลี่ยนก๊าซให้ได้ ผู้ป่วยเเละญาติต้องสังเกตอาการ ดูเเลเช็ดตัวเมื่อมีไข้ รักษาความสะอาด
Nasal cannula
ไม่ควรปรับการไหลของออกซิเจนที่สูงเกินไป เพราะจะทำให้เยื่อจมูกเเห้ง เเละเกิดการระคายเคืองได้
ข้อดี คือ ประหยัด ยึดติดกับผู้ป่วยได้ง่าย สามารถให้นม เเละอาหารกับผู้ป่วยได้ โดยไม่ต้องหยุดให้ออกซิเจน
ให้ออกซิเจนที่ต้องการความเข้มข้นไม่สูงมาก เด็กเล็กปรับไม่เกิน 2 ลิตร/นาที เด็กโตปรับที่ 2 ลิตร/นาที
ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีน้ำมูกมาก เยื่อบุจมูกบวม หรือผนังจมูกเอียง
นางสาวภัทราภรณ์ ครโสภา เลขที่ 14 รุ่น 36/2
อ้างอิง : กัลยา ศรีมหันต์. (2563). บทที่ 8 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ รุ่น 36 Online. สืบค้นวันที่ 5 มิถุยายน 2563, จาก
https://drive.google.com/file/d/1QvXr-g1xeXUqGM8SwOFVn69eDMqnIu8-/view