การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบประสาทและระบบหายใจ
การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
การบาดเจ็บที่ศีรษะเเละสมอง
การพยาบาลผู้ป่วย Acute Stroke
ชนิดการบาดเจ็บศีรษะเเละสมอง แบ่งตาม
- กลไกการบาดเจ็บแบ่งออกเป็น Blunt และ Penetrating injury
- ความรุนแรง
3.พยาธิสภาะส่วนต่างๆของสมอง
ผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอก
การตายกับการบาดเจ็บที่ศีรษะ
โรคเเทรกซ้อนนอกกะโหลกศีรษะ
สมองบาดเจ็บเบื้องต้น
Talk and die
สาเหตุ
IICP
ความผิดปกติในขบวนการ Metabolism
เยื้อหุ้มสมองอักเสบ
Seizure
Shock
Hydrocephalus
สมองบวม
ก้อนเลือด
การพยาบาลเบื้องต้นในผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินจากการบาดเจ็บศีรษะเเละสมอง
ผู้ป่วยที่มี Glasgo coma score 13-15
ผู้ป่วย Mind brain injury
มักไม่มีอาการผิดปกติทางระบบประสาท
มีแผลฉีกขาดลึกเพียงแค่หนังศีรษะ
ผู้ป่วยอาจมีภาวะ Amnesia
มีความยากในการประเมินอาการ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเมาสุรา
เกิดภาวะ Talk and die ในผู้ป่วยกลุ่มนี้หากพบ loss of conscious นานกว่า 5 นาที เเพทย์จะพริจารณาทำ CT brian เพื่อวินินจฉัยการบาดเจ็บศีรษะเเละสมอง
ผู้ป่วยที่ตื่นเป็นปกติ พยาบาลควรสังเกตอาการอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
เมื่อกลับบ้านควรให้คำเเนะนำและให้คู่มือการดูแลผู้ป่วยภายใน 24 ชั่วโมง
3.จัดคอให้อยู่ในแนวตรง
ผู้ป่วยที่มี Glasgo coma score 3-8
- ในรายที่หลับตลอดเวลา ควรปลุกตื่นทุก 1-2 ชั่วโมง
2.จัดท่าให้นอนหนุนหมอน 3 ใบ/30 องศา
5.รับประทานยาเเก้ปวดทุก 4-6 ชั่วโมง ถ้ามีอาการปวดศีรษะมาก
1.การสังเกตอาการผิดปกติ แล้วนำส่งโรงพยาบาลทันที
เวียนศีรษะ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
อัตราการหายใจเร็วหรือช้ากว่าปกติ
อาการชักเกร็ง/เเขนขาอ่อนเเรง
สายตาพร่ามัวหรือเห็นภาพซ้อน
อาเจียนพุ่ง
บาดแผลบริเวณศีรษะบวมมากขึ้น
สับสน เอะอะ กระสับกระส่าย ซึม ถ่ายอุจจาระปัสสาวะโดยไม่รู้สึกตัว
มีเลือดหรือน้ำไหลออกทางรูจมูก/รูหู
เพื่อลดการไหลกลับของเลือดดำจากสมอง
เพื่อป้องกันการเกิดความดันสมองสูง
เป็นการช่วยตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกตัว
Moderate brain injury
อาการ
ปวดหัวมาก
อาเจียนพุ่ง
อารมณ์เปลี่ยนแปลง
ต้องให้การประเมิน สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
แพทย์จะทำ CT brain และ Admit เพื่อสังเกตอาการ Neurologocal sign อย่างใกล้ชิด และทำ CT brain ซ้ำในช่วง 12-24 ชั่วโมงเเรก
Severe brain injury
อาการ
ระดับความรู้สึกตัวลดลง
มีโอกาสเสียชีวิตสูง
ผู้ป่วยที่มีภาวะ Hypotension โอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ผู้ป่วยที่มีทั้ง Hypotension และ Hypoxia เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 75
Primary Survey
C.Circulation
A.Airway with Cervical spine control
B.Breathing
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บศีรษะ
ต้องป้องกันกระดูกสันหลังส่วนคอไม่ให้มีการเคลื่อนไหว
ต้องทำอย่างรวดเร็วและเเม่นยำ
ผู้ป่วยหมดสติที่สวมหมวกกันน็อก
ขณะถอดหมวกกันน็อกออกคอต้องอยู่ในท่า Neutral positionเสมอ โดยใช้คน 2 คน
ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักเกิดการหยุดหายใจในระยะสั้นๆและHypoxia เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Secondary brain injury มาก
เเพทย์จะทำการใส่ท่อช่วยหายใจ รักษาระดับ Spo2 มากกว่าร้อยละ 98
การทำ Hyperventilation
ผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบประสาทเลวลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ป่วยที่มีอาการของ brain herniation
Hyperventilation
ทำให้pCO2 ลดลง และทำให้เกิด cerebral vasoconstriction ซึ่งจะทำให้ intracarnail volume ลดลง ส่งผลให้ intracarnail pressure ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ
หลีกเลี่ยงการทำaggressive และ prolong hyperventilation ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิดcerebral ischemia สูง
ความดันโลหิตต่ำทำให้การทำงานของสมองเลวลง
สาเหตุ
Scalp laceration
Open fracture
pelvic
hematoma
Multiple injury
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
หลีกเลี่ยงสารละลาย hypotonic
อาจทำให้เกิดภาวะ hyponatremia ซึ่งเป็นสาเหตุ ทำให้สมองบวม
หลีกเลี่ยงสารละลายที่มี glucose
ทำให้เกิด hypoglycemia
ทำให้ความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ CBF ลดลง
ส่งเสริมให้เกิดการสะสม lactic acid ในเนื้อสมองที่ขาดเลือด
สารละลายที่เหมาะสม
Normal saline
Linger lactate
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บศีรษะและสมอง
การพยาบาลในที่เกิดเหตุ
เน้นดูแลระบบหายใจ แก้ไขการอุดตันหลอดลม รักษาภาวะ shock การเคลื่อนย้ายด้วยความระมัดระวัง
ถ้ามีการบาดเจ็บศีรษะอย่างเดียว
รักษาแบบประคับประคอง เพื่อรักษาความดันในกะโหลกศีรษะสูง
การพยาบาลในระยะเร่งด่วน
8.เตรียมพร้อมผู้ป่วยไปรับการตรวจวินิจฉัยทางรังสี
6.ควบคุมภาวะชัก
5.การป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่สมอง
4.การป้องกันภาวะสมองบวม
2.จัดทางเดินหายใจให้โล่ง
3.ห้ามเลือด
1.การประเมินสภาพของผู้ป่วยให้เสร็จภายใน 3-4 นาที
1.1การซักประวัติการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว
1.2ประเมินภาวะอัตรายที่คุกคามชีวิต
1.3ประเมินอาการทางระบบประสาท
การบาดเจ็บเกิดขึ้นอย่างไร โดยอะไร
เกิดเหตุที่ไหน ตั้งเเต่เมื่อใด
หลังได้รับบาดเจ็บเเล้วผู้ป่วยมีอาการอะไรบ้าง
ผู้ป่วยหมดสติหลังเกิดเหตุหรือไม่
ผู้ป่วยมีอาการชักหลังเกิดเหตุหรือไม่
ตรวจดูว่าผู้ป่วยหายใจอยู่หรือไม่
ถ้ายังหายใจการหายใจสะดวกดีหรือไม่
ดูการเคลื่อนไหวของทรวงอก อัตราการหายใจ
ดูเปลือกตา capillary filling time
วัดความดันโลหิต
ผู้ป่วยบ่นปวดศีรษะรุนเเรง ชัก ซึมประเมินภาวะ IICP
ใช้หลักประเมินแบบเร่งด่วน Glasgow comc score
1.4ประเมินภาวะ Cervical spine injury
สอบถามการเจ็บบริเวณคอ ท้ายทอย และตรวจการหมุนศีรษะ ได้ไม่เต็มที่ มีสีหน้าแสดงความเจ็บปว
สังเกตลักษณะบาดแผลบริเวณใบหน้า ความดันโลหิตต่ำโดยไม่มีภาวะ Shock หายใจโดยใช้หน้าท้องหรือกระบังลม
ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยวิธีท่อนซุง
ถ้าได้ยินเสียงหายใจครืดคราด ต้องเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
หากยังพบว่าผู้ป่วยมีอัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ แสดงว่าร่างกายผู้ป่วยได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
เริ่มให้ออกซิเจนทาง mask 6-10 ลิตร/นาที
ช่วยผายปอดดดยใช้ Ambu bag บีบลมเข้าปอด 12- 24 ครั้ง/นาที
ประเมินบาดเเผล
หยุดเลือดที่ออกจากบาดเเผล
กรณีเลือดพุ่งออกจากหลอดเลือดแดง/ดำ ต้องห้ามเลือดให้หยุดทันทีด้วยวิธีพันหรือกดให้แน่น
ถ้าเลือดออกบริเวณศีรษะให้ห้ามเลือดด้วยวิธีการกดหรือใช้ผ้าพันรอบศีรษะให้เเน่น
หลังการห้ามเลือดเเล้วพบว่าความดันโลหิตต่ำ
ให้ Lactate Ringer's solution ทันที แต่ต้องระวังภาวะสมองบวม จากการแทนที่น้ำมาก ถ้าให้สารน้ำจนสามารถรักษาระดับ Systolic ไม่ต่ำกว่า 90 มม.ปรอทและมีจำนวนปัสสาวะ 30-50 cc/hr. นับว่าปริมาณน้ำเพียงพอโดยไม่ทำให้สมองบวม
4.2สาเหตุจากการนอนในท่าที่เหมาะสม การจัดท่านอนที่ทำให้เลือดจากสมองกลับสู่หัวใจ
4.3ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับสารน้ำในปริมาณที่ถูกต้องตามแผนการรักษาของแพทย์
4.1ก๊าซ CO2 คั่ง
4.1.3ดูดเสมหะเเต่ละครั้ง ไม่ให้นานเกิน 10 วินาที
4.1.4ใส่ Oropharyngeal airway เพื่อป้องกันลิ้นตก และสะดวกในการดูดเสมหะในลำคอ
4.1.2ดูดเสมหะในปากและลำคอ ตามความจำเป็น
4.1.1จัดให้ผู้ป่วยนอนตะเเคงในท่ากึ่งคว่ำ
4.2.1จัดผู้ป่วยนอนในท่าศีรษะสูง 15-30 องศา
4.2.2จัดบริเวณคอให้อยู่ในแนวตรง
4.2.3หลีกเลี่ยงการจัดท่างอสะโพกเกิน 90 องศา
4.2.4หลีกเลี่ยงการผูกยึดผู้ป่วย
5.1ใช้ผ้าก๊อซ Sterile ปิดแผลเบาๆที่กะโหลดศีรษะ
5.2ห้ามใช้สำลี ก๊อชอุดในรูจมูกที่น้ำซึม เพราะจะเป็นตัวนำเชื้อโรค
เพื่อลดการใช้ออกซิเจนของสมอง
7.ควบคุมการอาเจียน
เพื่อป้องกันการสำลัก
การจัดท่านอนราบขณะเคลื่อนย้ายให้ลดระดับศีรษะลงทีละน้อย เพื่อป้องกัน IICP
การจำเเนกตามความรุนแรง
2.Cord contusion
3.Ischemic condition
- Cord concussion
4.Cord transection
ไขสันหลังได้รับกระทบกระเทือน และหยุดการทำงานชั่วคราว<24ชั่วโมง
ไขสันหลังฟกช้ำ แตกหัก
ไขสันหลังขาดเลือดจากการกด เบียด หลอดเลือดที่มาเลี้ยงไขสันหลัง
ไขสันหลังฉีกขาดทุกชั้น การบาดเจ็บที่รุนเเรงสุด
Spinal shock
เกิดเมื่อได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลังใหม่ๆ
ส่วนมากหายภายในระยะเวลาเป็นวันหรือไม่เกินกี่สัปดาห์
Complete cord injury
หมายถึงไม่มีการทำงานของระบบประสาทสั่งงานหรือประสาทรับความรู้สึกบริเวณทวารหนัก
ปัจจุบันใช้Sacral sparingdrfinition เป็นตัวบ่งชี้Complete cord injury
Incomplete cord injury
การหลงเหลือการทำงานของประสาทสั่งงานหรือประสาทรับความรู้สึกบริเวณทวารและรอบทวาร
การพยาบาลผู้ป่วยที่บาดเจ็บกระดูกสันหลัง
เป้าหมายเเรกในการดูแลผู้ป่วยขณะบาดเจ็บไขสันหลัง
การรักษาชีวิต
ป้องกันการทำลายสันหลังเพิ่ม
เน้นการตรวจประเมิน เพื่อทราบผลกระทบและการเคลื่อนย้ายที่ถูกต้อง
การพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุ
ให้สงสัยว่ามีการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังไว้ก่อน
ก่อนเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ต้องจัดท่ากระดูกสันหลังให้นิ่ง เคลื่อนย้ายระมัดระวัง
1.การประเมินสภาพผู้ป่วย
1.1ซักประวัติ
1.2ตรวจร่างกายทั่วไป
ผิวหนังสีชมพู แห้ง อุ่น ความดันโลหิตต่ำชีพจรช้าลงแสดงว่าเกิดภาวะNeurogenic shock ควรคลำแนวกระดูกสันหลัง ตั้งแต่ Occiput ถึงก้นกบขณะตรวจจัดท่าให้ผู้ป่วยอยู่ในแนวตรงเสมอ
1.3การตรวจหาการบาดเจ็บส่วนอื่นๆ
1.4 การประเมินสภาพจิตใจ
2.การประเมินการหายใจ
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยใช้วิธี Jaw thrust maneuver ห้ามใช้วิธี Head tilt chin lift
หากผู้ป่วยใช้กล้ามเนื้อกระบังลมหายใจเพียงอย่างเดียวให้ตระหนักถึงการมีกระดุกสันหลังส่วนคอที่สูงกว่าC4หักต้องรับรายงานเเพทย์
ในภาวะฉุกเฉิน
เฝ้าระวังการหายใจอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกิด Hypoxia ได้ง่ายต้องใส่ ET-Tube เพื่อป้องกันปอดเเฟบ และปอดบวม
การใส่ท่อช่วยหายใจต้องระวังไม่ให้ต้องแหงนหรือก้มคอผู้ป่วย
3.ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพ ทุก 1/2-1 ชั่วโมง
ผู้ป่วยจะเกิดภาวะช็อกของไขสันหลังได้ถ้าตรวจพบ Systolicสูง ประมาณ 80 มม.ปรอท ถ้าตรวจพบความดันต่ำกว่านี้ รีบรายงานเเพทย์
เเพทย์จะให้ยากระตุ้นหลอดเลือดหดตัว ไม่จำเป็นต้องให้สารน้ำทดเเทน
4.การพลิกตัวและการเคลื่อนย้าย
ต้องให้แนวกระดูกสันหลังผู้ป่วยตรงใช้ผู้ช่วย 3-4 คน ยกผู้ป่วยเสมือนเป็นท่อนไม้(Log roll and lift)
5.การให้ยา
ให้ยาตามแผนการรักษา
Atropine
ใช้รักษาอัตราการเต้นของหัวใจ
Dopamine
รักษาความดันโลหิตให้สูงกว่า80-90 มม.ปรอท
Methylprednisolone
ช่วยให้มีการฟื้นตัวของระบบประสาท
ช่วยลดบวมของไขสันหลัง
6.ผู้ป่วยที่ท้องอืด ดูแลให้งดน้ำและอาหาร ทางปาก
7.ใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ ติดตามบันทึกจำนวน สีลักษณะ และใช้เทคนิคปราศจากเชื้อดูแผู้ป่วย
8.ติดตามเฝ้าระวังการตกเลือด ความรู้สติ สัญญาณชีพ การเต้นของหัวใจ เเละO2 sat
9.เตรียมส่งผู้ป่วยตรวจรังสี โดยใช้ Cervical Hard Collar พันยึดรอบคอไม่ให้เอียง
10.เตรียมผ่าตัดตามแผนการรักษาตามข้อบ่งชี้
10.3กระดูกสันหลังหักแบบเปิด
10.4มีเศษกระดูกหลุดออกและทิ่มแทงเข้าไปในโพรงไขสันหลัง
10.2ความพร่องของระบบประสาทเพิ่มมากขึ้น
10.5มีแผลทะลุสู่โพรงสันหลัง และมีการทำลายไขสันหลัง มีการตกเลือด
10.1 มีเเรงกดไขสันหลังจากภายนอก
ชนิดของโรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
1.โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด(Ischemic Stroke)
2.โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง(Hemorrhagic Storke)
เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดจนทำให้เลือดไปเลี่ยงสมองไม่เพียงพอ
Thrombptic Stroke
Embolic Stroke
ผลจากหลอดเลือดเเดงแข็ง ที่เกิดจากไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
เกิดการการอุดตันของหลอดเลือด
เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองเเตก ทำให้เลือดรั่วไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อสมอง
2.ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงได้
1.ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนเเปลงไม่ได้
อายุซพบในอายุ>65 ปี
เพศ: ชาย>หญิง
เบาหวาน
ไขมันในเลือดสูง
ความดันโลหิตสูง
การสูบบุหรี่
โรคหัวใจ
อาการบ่งชี้โรคหลอดเลือดสมอง
สัญญาณเตือน อาจพบเพียง 1 อาการ
1.การอ่อนเเรงของหน้า แขน หรือขาซีกเดียว
2.สับสน พูดลำบาก
3.การมองเห็นลดลง 1 หรือทั้ง2 ข้าง
4.มีปัญหาด้านการเดิน
FAST
F:Face เวลายิ้มพบว่ามีมุมปากข้างหนึ่งตก
A:Arms ยกเเขนไม่ขึ้น1ข้าง
S:Speech มีปัญหาด้านการพูดแม้ประโยคง่ายๆ
T:Time ผู้มีอาการต้องรีบไปโรงพยาบาลภายใน 3 ชั่วโมง
แนวทางการพยาบาลเบื้องต้นเมื่อผู้ป่วยมมาถึงห้องฉุกเฉิน
2.ซักประวัติอาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล FAST อาการมากกว่า 1 ใน 5 อาการ
3.ประเมินสภาพทั่วไป
1.จัดให้มีทีมพยาบาล/เจ้าหน้าที่คัดกรอง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินภายใน 3 นาที
4.รายงานแพทย์ทันทีในกรณีต่อไปนี้
เวลาที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการมีความสำคัญมากในการประเมิน
กรณีไม่ทราบเวลา Stroke onset ที่แน่นอนให้ปนะเมินเเละใช้แนวทางการรักษาตามcare map/pathway
พิจารณาBasic life support/ Advanced life support
อาการเเสดงทางระบบประสาท
Vital signs
ประเมินความรุนแรงของโรคสมองตีบหรืออุดตัน โดยแพทย์ พยบาบาล
สัญญาณชีพและอาการแสดงทางระบบประสาทผิดปกติ(ต้องรายงานภายใน 4 นาที)
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการผิดปกติ เช่น ระดับน้ำตาลในเลือด<50 mg/dL หรือ ระดับน้ำตาลในเลือด > 400 mg/dL
2.SpO2<94% หรือผู้ป่วยที่มีภาวะ cyanosis
1.SBP >185 mmHg - DBP > 110 mmHg
3.ระดับความรู้สึกตัว GCS<10 คะเเนน
5.ส่งตรวจวินิจฉัยตามเเผนการรักษา
ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ส่งตรวจพิเศษCT brain non contract ในการให้ยาละลายลิ่มเลือดดำภายใน 4.5 ชั่วโมง หลังมีอาการ
สาเหตุ
Penetrating injury
Blunt injury
ส่วนใหญ่เกิดจากการถูกยิงเเละถูกแทง มักมีบาดแผลภายนอก
อุบัติเหตุการจราจรและตกจากที่สูง อาจไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บ
ลักษณะและอาการแสดง
1.Fracture of the Ribs
อาจหักเพียง 1 หรือหลายซี่
อาการ
ปวดบริเวณที่หัก และหายใจลำบาก
การตรวจร่างกาย
กดเจ็บบริเวณที่หัก
ต้องตระหนักเสมอว่าผู้ป่วยที่มี Fracture of the Ribs ต้องประเมินภาวะ internal injury แลัภาวะ Shock เสมอ
2.ภาวะอกรวน(Flail Chest)
กระดูกซี่โครงหักอย่างน้อย 2 แห่ง
ขณะหายใจเข้าจะทำให้บริเวณที่หักยุบ ขณะหายใจออกบริเวณที่หักจะยกสูงกว่าส่วนอื่น
การหายใจมีออกซิเจนลดลงประเมินจาก
1.อาการFractured Ribs
2.การหายใจลำบาก
3.การเคลื่อนไหวของทรวงอกแบบ Paradoxical
ต้องตระหนักเสมอว่าผู้ป่วย Flail Chest มักเกิดร่วมกับ Pneumothorax เสมอ
3.Penetrating Chest Wounds
ผนังทรวงอกทะลุฉีกขาด เกิดจากถูกยิงหรือถูกแทงทำให้เกิดภาวะปอดแฟบ O2 ลดลง การระบาย CO2 ลดลง เกิดภาวะShock และเสียชีวิตได้
3.1Tension Pneumothorax
เกิดจากมีลมรั่วเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอด และลมไม่สามารถออกสู่ภายนอกได้
หากไม่ได้รับการแก้ไข จะมีผลทำให้ปอดแฟบ เกิด mediastinum shift เกิด Hypotension ได้
3.2Massive Hemathorax
เกิดเลือดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอดมากว่า 1,500 ml.
อาจพบ Neck vein จากHypovolemia
เคาะทึบที่ปอด(Dullness)
3.3Cardiac temponade
เกิดจากเลือดเข้าไปอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ
การบีบตัวของหัวใจลดลง ทำให้Cardiac filling ลดลง
อาการ
High CVP
ความดันโลหิตต่ำ
เสียงหัวใจเบาลง
พบEKGแบบ PEA
ภาวะรุนเเรงที่เกิดจากการบาดเจ็บทรวงอก
2.Hypercapnia
3.Metabolic acidosis
1.Tissue hypoxia
ภาวะสำคัญที่ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ทันที
เป้าหมายการรักษาที่สำคัญที่สุด คือการป้องกันและเเก้ไขภาวะ Hypoxiaอย่างเร็วที่สุด
การเกิดCO2 คั่ง
ส่งผลให้เกิดภาวะสมองพร่องออกซิเจน และระดับความรู้สึกตัวลดลง
จากการเพิ่ม Lactic acid ในร่างกายที่มาจากTissue hypoperfusion จากภาวะShock
การพยาบาลเบื้องต้นในผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินจากการบาดเจ็บทรวงอก
Primary survey
B:Breathing
C:Circulation
A:Airway
เริ่มจากการฟังเสียงหายใจและค้นหาสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้อุดกั้นทางเดินหายใจ
การบาดเจ็บของกล่องเสียง(Laryngeal injury)
ฟังเสียงหายใจพบ Stridor
เสียงเเหบ
ไอเป็นเลือด
ตรวจร่างกาย
พบ subcutanous emphysema บริเวณคอ
คลำพบ Crepitation ที่ Thyroid cartilage
อาการสำคัญ
การหายใจเร็ว
การหายใจสั้น
หากพบ CYANOSOS แสดงว่าผู้ป่วยเกิดภาวะ Hypoxia
คลำชีพจร ประเมินอัตรา ความเร็ว ความเเรง จังหวะ ความสม่ำเสมอ
ผู้ป่วย Hypovolemia อาจคลำชีพจรที่ Radial และ Dorsalis pedis ไม่ได้
ผิวหนังเย็น ซีด เหงื่อออก
ประเมินความโป่งพองของ neck vein
neck vein แฟบ ในภาวะ Hypovolemia
neck vein โป่งจาก
Cardiac temponade
Tension pneumothorax
Traumatic diaphragmatic injury
ผู้ป่วยบาดเจ็บควรได้รับการตรวจ EKG เพราะอาจเกิด Arrhythmia จากการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจได้
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณทรวงอก
1.การดูแลรักษาเบื้องต้น
1.2ดูแลการไหลเวียน
1.3วัดสัญญาณชีพ
1.1ทางเดินหายใจและการหายใจ
ช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก
ให้ออกซิเจน
กรณีหายใจเองไม่ได้ให้ใส่ท่อช่วยหายใจ
Shock ควรให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
เพื่อดูอาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
2.early interventions
เพื่อป้องกัน แก้ไขภาวะ Hypoxia เนื่องจากเป็นอาการที่รุนแรงที่สุด
3.Immediately life-threatenning injury
3.1กระดูกซี่โครงหักเเบบธรรมดา
ใช้ผ้าพับให้มีความกว้าง 2 นิ้ว พันบริเวณทรวงอกจนถึงส่วนล่างสุดของซี่โครง ก่อนผูกปมให้ผู้บาดเจ็บหายใจออกให้เต็มที่ก่อน
กรณีซี่โครงหักหลายซี่ในจุดเดียวกัน
ให้นอนทับด้านที่บาดเจ็บ เพื่อให้ปอดข้างที่ดีทำงานได้เต็มที่
กรณีไม่มีการบาดเจ็บอื่นร่วมด้วยหรือไม่รู้สึกตัว
ให้ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในท่านั่ง
3.2กรณีตรวจพบ Flail chest
ไม่ให้บริเวณที่หักเกิดการเคลือนไหว
อาจใช้หมอนรองบริเวณที่หัก
ใช้ผ้าพันรอบทรวงอก
3.3กรณีตรวจพบ Penetrating Chest Wounds
ให้รีบปิดแผลอย่างเร็วที่สุด
ป้องกันไม่ให้มีอากาศเข้าไปในchest cavity มากขึ้น
วัสดุ ที่ใช้ปิดแผล เช่น Vaseline gauze, plastic wrap
การปิดแผลแล้วผู้ป่วยหายใจได้ยากมากขึ้น
ให้เปิดรูมุมด้านหนึ่งของวัสดุที่ปิดแผล
หลังจากนั้นให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย
กรณีที่มีมีดปักอยู่
ห้ามดึงมีดออกให้ปิดแผลให้หนาแน่น
ให้รับนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
กรณีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บทรวงอกแต่รู้สึกตัวดี
ให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย
จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่านั่ง เพื่อให้หายใจสะดวกมากขึ้น