Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์ - Coggle Diagram
วิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์
ความรู้ทั่วไป
วิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับการเกิดโรคปัญหา/อธิบายเชิงเหตุผล
เป็นวิทยาการระบาดที่มีวัตถุประงสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยหรือสาเหตุของการเกดิโรคหรือการตายจากโรตต่างๆ
วิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์แบบสังเกต
ศึกษาปัจจัยต่างๆที่สงสัยที่มีอยู่ตามปกติหรือติดตัวประชาชนมา
รูปแบบการศึกษาจากเหตุไปหาผล
รูปแบบการศ฿กษษจากผลย้อนไปหาเหตุ
รูปแบบการศึกษาภาคตัดขวาง
วิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์แบบทดลอง
ศึกษาทางวิทยาการระบาดโดยพิสูจน์ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการเกิดโรคหรือการตาย/ปัจจัยที่ต้องการพิสูจน์ผู้วิจัยต้องเป็นคนกำหนดให้กับกลุ่มที่เข้าร่วมการศึกษา
กลุ่มได้รับสิ่งทดลอง
กลุ่มที่ไม่ได้รับสิ่งทดลอง เรียกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ
เริ่มต้นการทดลองจะต้องไม่มีผลลัพธ์ที่ศึกษาเกิดขึ้นมาก่อน Outcome ที่เกิดขึ้นจะต้องเกิดขึ้นใหม่ในช่วงหลังการให้สิ่งทดลองแล้วเท่านั้น
การเกิดผลข้างเคียง
การตาย (ตาย/ไม่ตาย)
ผลการป่วย (หายป่วย/ไม่หายป่วย)
วิทยาการระบาดเชิงปฏิบัติการ
จัดทำโครงการ/การประเมินผล
วิทยาการระบาดเชิงพรรณนา
วิเคราะห์สถานการณ์สุขภาพ/การตั้งสมมติฐาน
รูปแบบวิทายาการระบาดเชิงวิเคราะห์แบบทดลอง
การทดลองภาคสนาม
เป็นการศคกษาเพื่อทดสอบประสิทธิผลของสิ่งทดลอง แผนงาน โครงการในสภาพพื้นที่และระบบปฏิบัติจริง ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้บางส่วน
การทดลองในชุมชน
โดยมาตรการหรือสิ่งทดลองที่ให้จะให้กับชุมชน
การวัดผลจะวัดรวมทั้งชุมชน
เป็นการศึกษาที่ใช้ชุมชนเป็นหน่วยทดลอง
การทดลองในคลินิก
เป็นการศึกษาที่มุ่งศึกษาผลของการรักษา
ลักษณะการออกแบบการทดลอง
Historical Controlled Trial
มีการทดลองหรือมีมาตรการวิธีใหม่ที่ใช้กับกลุ่มที่เข้าร่วมการศึกษาทุกราย แบบทดลองนี้ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบ
Cross-Over Trial
การศึกษาชนิดนี้นักวิจัยจะใช้ผู้เข้าร่วมการศึกษาชุดเดียวกันเป็นกลุ่มศึกษาและกลุ่มเปรียบเทียบ โดยให้สิ่งทดลองทั้งสองชนิดในช่วงเวลาที่ห่างกันและนำผลองการรักษาทั้งสองชนิดมาเปรียบเทียบกัน
Non-randomized Controlled Trial
การศึกษาแบบกึ่งทดลอง
Factorial experiment
การศึกษาประเภทนี้มักใช้เพื่อต้องการศึกษาผลร่วมกันของสิ่งทดลองอย่างน้อย 2 ชนิดร่วมกันในผลการทดลอง
Randomized Controlled Trial
การศึกษาแบบทดลองต้องมีทั้งกลุ่มทดลอง กลุ่มเปรียบเทียบและมีการสุมตัวอย่างที่ใช้ศึกษาแต่ละรายเพื่อแบ่งกลุ่ม Randomization มีการจัดการอคติในการจัดกลุ่ม
Multicenter study
Randomized controlled trlal ที่ทำการทดลองในสถาบันหลายแห่งโดยสถาบัน รวบรวม ตรวจสอบคุณสมบัติ คัดเลือกและให้สิ่งทดลองแก่ผู้เข้าร่วมการศึกษาซึ่งอยู่ใต้กติกาเดียวกัน แฏิบัติการเดียวกันทุกประการ
กระบวนการ Randomization จะต้องกระทำที่ศูนย์กลางโดยสถาบันที่ร่วมโครงการแต่ละแห่งต้องส่งข้อมูลและข้อมูลจะต้องถูกเก็บเป็นความลับจะเปิดเผยได้ก็ต่อเมื่อบุคคลที่มีหน้าที่เท่านั้น
ข้อแตกต่างระหว่างการศึกษาวิทยาการระบาดแบบทดลองและเชิงสังเกตอยู่ตรงที่การผู้วิจัยสามารถกำหนดสิ่งทดลองให้กับผู้เข้าร่วมได้