Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.6 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อและ 3.7…
3.6 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อและ 3.7 การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ
3.6 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อ
fracture with major arterial hemorrhage
ลักษณะของการบาดเจ็บหลอดเลือดแดงเรียกว่า Hard signs ได้แก่ Pulsatile bleeding บริเวณบาดแผล hematoma มีขนาดใหญ่ขึ้น คลำได้thrill ฟังได้bruit และ 6Ps ได้แก่ Pain, Pallor,Poikilothermia, Paresthesia, Paralysis, Pulselessness
การช่วยเหลือเบื้องต้น
พยาบาลควรทำ Direct pressure บริเวณบาดแผลเพื่อหยุดเลือด
Fluid resuscitation ในรายที่กระดูกผิดรูปให้ทำการจัดกระดูกให้เข้าที่แล้วทำการ Splint
ได้แก่การฉีกขาดของหลอดเลือด อาจเป็นการบาดเจ็บแบบ
Blunt trauma หรือ Penetrating wound ทำให้มีการเสียเลือดจำนวนมากและเกิด Hypovolemicshock ได้
crush syndrome
อาการที่พบ
พบ Hemoglobin ได้ผลบวก เมื่อเกิดภาวะ
Rhabdomyolysis
ผู้ป่วยจะมีอาการของ Hypovolemia, Metabolic acidosis, Hyperkalemia,Hypocalcemia และ DIC ได้
Dark urine
การช่วยเหลือเบื้องต้น
1,ให้ Osmotic diuretic เพื่อ
รักษาระดับ Tubular volume และ Urine flow
แพทย์จะพิจารณาให้ Sodium bicarbonate เพื่อช่วย
ลด Myoglobin ที่ไปทำลาย Tubular system
3.ประเมิน Urine output
ให้ได้ 100 cc./ชั่วโมง จนกว่าปัสสาวะจะใส (clear myoglobinuria)
ป็นภาวะที่มีการบาดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ
บริเวณ thigh และ calf muscle ำให้เซลกล้ามเนื้อขาดเลือดและตายแล้วปล่อย Myoglobin เกิดภาวะ
Rhabdomyolysis พบอาการตั้งแต่ Creatinin kinase สูง เกิด Renal failure และ Disseminatedintravascular coagulopathy (DIC) เสียชีวิตได้
Major pelvic disruption with hemorrhage
การตรวจร่างกาย
ดู จะพบ Progressive flank พบ Scrotum และ Perineum บวม มีแผลฉีกขาดบริเวณ
Perineum และ Pelvic
คลำ พบกระดูก Pelvic แตก PR examination พบ high-riding prostate gland และ
มีเลือดออกบริเวณ Urethral meatus
การเคลื่อนไหว จะพบขาข้างที่ผิดปกติจะสั้น
ระบบไหลเวียนจะพบความดันโลหิตต่ำ
การช่วยเหลือเบื้องต้น
ได้แก่การ Control bleeding โดยการทำ Stabilization pelvic ring
Fluid resuscitation อาจต้อง consult แพทย์ศัลยกรรมเฉพาะ
ผู้ป่วย Pelvic fracture ร่วมกับภาวะ
Hypovolemic shock ต้องคำนึงถึงภาวะ unstable pelvic fracture จากการฉีกขาดของอวัยวะภายใน
อาจมีการบาดเจ็บของเส้นเลือด เส้นประสาทร่วมด้วย
การพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บกระดูกและข้อ
Secondary survey
การตรวจร่างกาย การตรวจผู้ป่วยอุบัติเหตุจะมี 3 ขึ้นตอน
2.2 การตรวจคร่าวๆ เพื่อ Screening test
2.3 การตรวจอย่างละเอียด Secondary survey
2.1การตรวจและรักษา Life threatening และ Resuscitation
3 การเอกซเรย์
การซักประวัติ จากผู้ป่วย ผู้นำส่ง ผู้ประสบเหตุ
1.2 ระยะเวลา เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการรักษา
1.3 สถานที่ เช่นอุบัติเหตุในน้ำสกปรก
1.1 สาเหตุการเกิดเช่น รถยนต์ชน
1.4 การรักษาเบื้องต้น เช่น การใส่ Splint
Definitive care
Recognition เป็นการตรวจประเมินกระดูกหัก ข้อเคลื่อน และการบาดเจ็บอื่น
Reduction เป็นการจัดกระดูกให้เข้าที่ให้ใกล้เคียงกับภาวะปกติมากที่สุด
Retention เป็นการประคับประคองให้กระดูกอยู่นิ่งกับที
Rehabilitation เป็นการฟื้นฟูสมรรถภาพของส่วนที่บาดเจ็บ
Reconstruction เป็นการแก้ไขซ่อมแซมส่วนที่สูญเสียจากการบาดเจ็บ
Refer เป็นการส่งต่อไปรักษาที่เหมาะสม
Primary survey และ Resuscitation
ในผู้ป่วยที่กระดูกผิดรูป หรือ fracture ให้ทำการ splint ให้เหมาะสม เพื่อลดอาการปวด และ
พิจารณาให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ และออกซิเจนด้วย
พยาบาลควรทำการ Immobilization
เพื่อจัดกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งที่ปกติ
การ Control bleeding ดีที่สุดคือ Direct
pressure ด้วย Sterile pressure dressing
ในผู้ป่วยที่มีปัญหาการบาดเจ็บข้อกระดูก ให้ทำการ Splint ให้ปวดน้อยที่สุด
3.7 การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ (Drowning)
ปัจจัยที่มีผลต่อพยาธิสภาพของผู้จมน้ำ
อุณหภูมิของร่างกายหลังจมน้ำ
ช่วงเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ
สภาพผู้ป่วยก่อนจมน้ำ ได้แก
1.1 อายุ
1.2 การสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ก่อนจทน้ำ
1.3 Diving reflexes
1.4 สุขภาพผู้จมน้ำ
1.5 การรับประทานอาหารที่ที่อิ่มใหม่ๆ
1.6 การมึนเมาจากสุรา
1.7 ความรู้ในการว่ายน้ำ
การช่วยฟื้นคืนชีพได้เร็วและถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
• CPR ภายใน 10 นาที โอกาสรอด 90%
• CPR ภายใน 5 นาที โอกาสรอด 96%
การเปลี่ยนแปลงพยาธิสรีรภาพ
การเปลี่ยนแปลงระบบประสาท การจมน้ำทำให้เกิด cerebral hypoxia เกิดภาวะสมองบวมตามมา
การเปลี่ยนแปลงระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินหายใจและปอด มีภาวะ Pulmonary congestion
1.1 ผู้ป่วยมีการสูดสำลักสารน้ำเข้าไปจะเกิดพยาธิสรีรภาพกับปอดอย่างรุนแรง
1.1.2 Toxicity
1.1.3 Particles และ micro-organism
1.1.1 Tonicity ของสารน้ำ
Hypertonic solution ได้แก่การจมน้ำทะเล
Hypotonic solution ได้แก้การจมน้ำจืด Pulmonary edema ในน้ำจืด
การเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่และกรดด่างในเลือด
4.1 acidosis จาก เยื่อบุถุงลมอักเสบ , ถุงลมขาด
PO2 metabolic acidosis
PCO2 respiratory acidosis
4.2 น้ำจืดเกิด hyponatremia, hypochloremia, hyperkalemia
น้ำเค็มเกิด hypernatremia, hyperchloremia, hypermagnesemia
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในร่างกาย
T 37 - 35 องศา หนาวสั่น ทรงตัวไม่อยู่
T 35 - 32 องศา สับสน หัวใจเต้นเร็ว
T 32 - 28 องศา เกร็ง หัวใจเต้นช้า หายใจช้า
T 28 - 25 องศา หมดสติ หัวใจเต้นผิดปกติ
T 25 - 21 องศา หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น
อาการ
จ บางคนหัวใจอาจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้)ร่วมด้วย
ถ้าไม่ถึงกับหมดสติ
ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย
มีอาการหมดสติ และหยุดหายใจ
ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันเลือด
ต่ำ หรือภาวะช็อก
พยาธิสภาพที่เกิดขึ้นภายหลังการจมน้ำ แบ่งได้ 2 ลักษณะ
1.น้ำจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า เลือด(พลาสมา)
ทำให้ปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia) มีผลทำให้ระดับเกลือแร่(เช่น โซเดียม โพแทสเซียม) ในเลือดลดลง
ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวายได้
มีน้ำอยู่ในปอดจำนวนมากก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที
เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้อีกด้วยส่วนน้ำทะเลจะมีความเข้มข้นมากกว่าเลือด
2.น้ำทะเลที่สำลักอยู่ในปอด จะดูดซึมน้ำเลือด (พลาสมา)
ระบบไหลเวียนมีปริมาตรลดลง (hypovolemic) และระดับเกลือแร่ใน
เลือดเพิ่มสูงขึ้น
ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติหัวใจวายหรือเกิดภาวะช็อก
จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ทำให้เกิดภาวะ
ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema)
คนที่จมน้ำมักตาย
เนื่องจากขาดอากาศหายใจมากกว่า การเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ และปริมาตรของเลือด
การปฐมพยาบาล
ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำการนวดหัวใจทันท
ควรส่งผู้ป่วยที่จมน้ำไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทุกรายในรายที่
หมดสติและหยุดหายใจ ควรผายปอด ด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทางและอย่าหยุดการช่วยเหลือ
ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปาก ช่วยหายใจทันทีอย่ามัวเสียเวลาในการพยายามเอาน้ำออก
จากปอดของผู้ป่วย
ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง และศีรษะหงายไปข้างหลัง เพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น อย่าให้ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำทางปาก
1 กรณีที่คนจมน้ำรู้สึกตัวดี สำลักน้ำไม่มาก
กระตุ้นให้หายใจลึกๆ
ปลอบโยนให้คลายความตกใจ
ดูแลร่างกายให้อบอุ่น
แนะน้าให้ไปพบแพทย์เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้