วิตามินที่ละลายในไขมัน (Fat soluble vitamins)
วิตามินเอ (retinol : vitamin A)
วิตามินอี (a-tocopherol : vitamin E)
วิตามินดี (Calciferol : vitamin D)
วิตามินเค
(Coagulation vitamin : vitamin K)
หน้าที่ของวิตามินเอ
ความต้องการวิตามินเอ
โพรวิตามินเอ (Provitamin A)
ภาวการณ์ขาดวิตามินเอ (Deficiency)
ข้อมูลทั่วไป
ภาวะความเป็นพิษของวิตามินเอ
- เป็นสารประกอบพอลิไอโซพรีนอยด์ (polyisoprenoid)
- ส่วนใหญ่เป็นไอโซเมอร์แบบรูปทรานทั้งหมด (all trans-retinol) เรียกว่า A1
อนุพันธ์ ของเรตินอล(retinol)
รูปแอลดีไฮด์ เรียกเรตินาล(ratinal)
รูปกรดคาร์บอกซิริก เรียกกรดเรติโนอิก (ratinoic acid)
ratinoid
- เบตา แคโรทีน (Beta Carotene)
- พบมากในผักและผลไม้โดยเฉพาะที่มีรงควัตถุสีเหลือง ในผักสีเขียวจัด ผักผลไม้สีส้มสีเหลือง เช่น ตำลึง แครอท ชะอม มะละกอ
- จะถูกเปลี่ยนเป็นเรตินาลที่ผนังลำไส้เล็ก
- เบตา แคโรทีน เปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ได้น้อยกว่า 50%
การมองเห็น เกี่ยวข้องกับเซลล์รับภาพจอตา (ratina)
รักษาความคงสภาพของเนื้อเยื่อบุผิว
การเจริญและการเปลี่ยนสภาพของเซลล์ โดยเรตินอล กรดเรติโน-อิก ป้องกันเซลล์เติบโตผิดปกติ ป้องกันการเกิดมะเร็ง
ต้านออกซิเดชัน(antioxidant) บีตา แคโรทีน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดในผู้สูบบุหรี่
- ควบคุมการทำงานของ cone cell สำหรับมองเห็นภาพสีที่แสงสว่าง
- ควบคุมการทำงานของ rod cell สำหรับการมองเห็นในที่มีแสงสลัว
- เรตินอลฟอสเฟต สังเคราะห์เมือกเพื่อให้ความชุ่มชื้น
- เรตินอล และกรดเรติโนอิก ป้องกันการสังเคราะห์เคราทินซึ่งมีผลให้เซลล์แข็ง ไม่ยืดหยุ่น
- เรตินอลพบมากใน ตับ ไข่แดง น้ำมันปลา นม
- ร่างกายต้องการวิตามินเอ(retinol) วันละ 1 มก.
- เกิดในคนที่ภาวะโภชนาการไม่ดี หรือระบบดูดซึมอาหารผิดปกติ (ภาวะทุพโภชนาการ Malnutrition)
- เริ่มแรก สูญเสียความไวต่อแสงสีเขียว และเกิดโรคตาบอดกลางคืน
- ระยะยาว เยื่อบุตาอักเสบ(xerophthalmia) เยื่อตาขาวและกระจกตาแห้ง เลือดออกในตาตาบอด
- เกิดโรคโลหิตจาง (aniamia) เพราะเรตินอล และเรติโนอิกสังเคราะห์โปรตีนทรานสเฟอริน ซึ่งใช้ขนส่งเหล็กในกระแสเลือด
- ได้รับเกิน 10 เท่านานๆ ปวดหัว อาเจียน ผิวแห้ง โรคดับ เด็กทารกแท้ง พุงโร ปวดกระดูก
- บีตาแค-โรทีนสูงเกินสะสมใต้ผิวหนังเป็นสีส้ม หยุดกินหาย
หน้าที่ของวิตามินดี
การขาดวิตามินดี
ข้อมูลทั่วไป
พิษจากการได้รับมากเกินไป
- เป็นสารพวกสเตอรอยด์มี 2 รูปคือ D2 และ D3
- D3 สังเคราะห์จาก 7 - dehydrocholesterol ที่อยู่ใต้ผิวหนัง เมื่อถูกแสงแดด (UVB)
- D2 สังเคราะห์จาก ergostrerol มีมากในอาหารประเภทพืช ไข่ไก่ นม ยีสต์
- ช่วยร่างกายในการสร้างกระดูกและฟัน
- กระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตจากหลอดไต
- ร่วมกับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ในการรักษาระดับแคลเซียมในเลือด
- ทำให้ร่างกายขาดแคลเซียมและฟอสฟอรัสในการสร้างกระดูก
- เกิดโรคกระดูกอ่อน(กระดูกพรุน)ในเด็ก และกระดูกเปราะ(กระดูกน่วม)ในผู้ใหญ่
- เสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เต้านม ต่อมลูกหมาก
- ร่างกายขาด Mg หรือ Ca ทำให้ดูดซึมวิตามินดี ได้น้อยลง
โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rckets) คือภาวะที่มีความบกพร่องในการสะสมแร่ธาตุหรือการสะสมแคลเซียมในกระดูก
- ทำให้มีการสลายแคลเซียมจากกระดูก และดูดซึมแคลเซียมจากอาหารเพิ่ม
- ทำให้แคลเซียมในเลือดสูง ปัสสาวะมาก กระหายน้ำ สะสมตามเนื้อเยื่ออ่อน ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ไตทำงานลดลง
- ทารก ทางเดินอาหารผิดปกติกระดูกเปราะ เติบโตช้า ปัญญาอ่อน
เป็นสารพวกแอลกอฮอล์ไม่อิ่มตัว
ไวต่อการถูกออกซิไดส์ จึงป้องกันสารอื่นไม่ให้ถูก ออกซิไดส์
มีหลายรูป รูปที่ออกฤทธิ์ได้ดีในร่างกายคือ a-tocopherol
ดูดซึมได้ดีในลำไส้เล็ก
มีมากในน้ำมันวีทเจอร์ม(wheat germ oil) น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันรำ น้ำมันเมล็ดฝ้ายในพืชสีเขียวมีแต่ไม่มาก
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidant) และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์และจะทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolysis)
อาหารที่มีวิตามินเค
การขาดวิตามินเค
ข้อมูลทั่วไป
- เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด จำเป็นสำหรับการสร้างโปรทรอมบิน (prothrombin)
- เป็นน้ำมันสีเหลือง ทนความร้อน ทนต่อความเป็นกรด แต่ไม่ทนต่อกรดแก่ ต่างที่ผสมแอลกอฮอล์ ไม่ทนต่อแสงสว่าง
- น้ำมันทอดซ้ำ มีผลทำให้วิตามินเคสลายตัว
ที่สำคัญมี 3ชนิด คือ
- K1 (phylloquinone)
- K2 (menoquinone)
- K3 (mendadione)
พบในผักสีเขียว
แบคทีเรียในลำไส้สังเคราะห์ได้ มีประสิทธิภาพในการทำงานร้อยละ 75 ของวิตามิน K1
สังเคราะห์ขึ้นใช้สำหรับรักษาคนไข้ที่ไม่สามารถใช้วิตามินเคที่สร้างขึ้นที่ลำไส้ได้ เนื่องจากขาดน้ำดี หรือน้ำย่อยที่จำเป็นสำหรับการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน มีประสิทธิภาพกว่า K1 3 เท่า มีสมบัติละลายน้ำได้ เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้ว จะเปลี่ยนเป็นเมนาควิโนนที่ตับ
- พืชผักที่มีใบสีเขียว ผักกระเฉด ผักโขม กะหล่ำปลี หญ้าอัลฟัลฟ่า บร็อคโคลี่หน่อไม้ฝรั่ง และสาหร่ายทะเล
- น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดคำฝอย น้ำมันตับปลา
- ตับหมู ไข่แดง
- นม และผลิตภัณฑ์จากนม (dairy product) เช่น เนย (butter) เนยแข็ง (cheese) โยเกิร์ต
- ทำให้โพรทรอมบินเฟกเตอร์และโปรตีนช่วยการแข็งตัวของเลือดปริมาณต่ำมีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้า เกิดโรคเลือดไหลไม่หยุด
- ผู้ใหญ่ไม่ค่อยพบ นอกจากใช้ยาบางชนิด เช่น ยาซัลฟากัวนิดีน หรือตับอักเสบ
- ทารกเกิดใหม่พบบ่อย เพราะแบคทีเรียในลำไส้น้อย ในนมมีน้อย