Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.7 การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ(Drowning) - Coggle Diagram
3.7 การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ(Drowning)
•พบได้บ่อย มีความรุนแรง
•เกิดขึ้นกับเด็กเล็ก
•เกิดจากอุบัติเหตุ
•มักจะตายภายใน5-10นาที
-ขาดอากาศหายใจ เพราะสำลักน้ำ
-ภาวะเกร็งของกล่องเสียง ทำให้หายไม่ออก
•ตายจากภาวะแทรกซ้อนในภายหลัง
-ปอดอักเสบ
-เลือดเป็นกรด
-ปอดปวมน้ำ
-ปอดไม่ทำงาน
พยาธิสภาพ 2 ลักษณะ
น้ำจืด มีความเข้มข้นน้อยกว่า เลือด ที่ปอดถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด เลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม hypervolemia มีผลให้เกลือแร่ในเลือดลดลง ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
น้ำทะเล มีความเข้มข้นมากกว่าเลือดที่ปอด ดูดซึมเลือดเข้าในปอด เกิดภาวะปอดบวมน้ำ ระบบไหลเวียนมีปริมาตรลดลง เกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
•ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
•หัวใจหาย
•ภาวะช็อก
*
คนที่จมน้ำมักตาย จากขาดอากาศหายใจ เปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่
อาการ
•หมดสติ
•หยุดหายใจ
•หัวใจอาจหยุดเต้น
-ถ้าไม่หมดสติ
•ปวดศีรษะ
•เจ็บหน้าอก
•อาเจียน
•กระวนกระวาย
•ไอมีฟองเลือด
2.อุณภูมิของร่างกายหลังจมน้ำ
•สุดสำลักน้ำเข้าปอดทำให้อุณภูมิร่างกายลดลงอย่างเร็ว
•เผาผลาญลดลง brain anoxia
3.ช่วงเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ
4.การช่วยฟื้นคืนชีพได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
1.ปัจจัยที่มีผลต่อพยาธิสภาพของผู้จมน้ำ
•สภาพผู้ป่วยก่อนจมน้ำ
การเปลี่ยนแปลงพยาธิสภาพ
1.ระบบทางเดินหายใจและปอด มีภาวะ Pulmonary congestion
-ผู้ป่วยมีการสูดสำลักสารน้ำเข้าไป
1.1.1 Tonicity ของสารน้ำ
Hypotonic solution การจมน้ำจืด เกิดภาวะ Atelectasis
Hypertonic solution การจมน้ำทะเล Pulmonary edema ทำให้เกิดภาวะ hypoxia เกิด pulmonary damage
อุณภูมิของร่างกายหลังจมน้ำ
การสูดสาลักน้ำเข้าปอดจะทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงพยาธิสรีภาพ
•ทางเดินหายใจและปอดมีภาวะ Pulmonary congestion
•การสูดสำลักสารน้ำเข้าไป
-1.1.1 Tonicity ของสารน้ำ
*Hypotonic solutionการจมน้ำจืด Pulmonary edemaในน้ำจืด การสูดสำลักน้ำจืดทำให้ surfacetension ลดลง เกิดภาวะ Atelectasis
Hypertonic solution การจมน้ำทะเล Pulmonaryedema ทำให้เกิดภาวะ hypoxia ถุงลมแตก pulmonary damage เกิด lung compliance ลดลงและ pneumonitis
3.การเปลี่ยนแปลงระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจน้ำจืด
มีความข้นน้อยกว่า
น้ำจืดที่ปอด ดูดซึมเข้ากระแสเลือด > ปริมาณของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มเติมจากเดิม > มีผลทำให้ระดับเกลือแร่ สนเลือดลดลง >ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย > เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
•การเปลี่ยนแปลงระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจน้ำทะเล
น้ำเค็มที่ปอดจำนวนมาก >กระแสเลือดเข้าในปอด >เกิดภาวะปอดบวมน้ำ >ระบบไหลเวียนมีปริมาณลดลง ระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น > ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
1.2 ผู้ป่วยที่ไม่มีการสำลักน้ำ
• neurogenic pulmonary edema ภาวะสมองขาดออกซิเจน > ไปกระตุ้น hypothalamus และ ระบบประสาท Sympathetic > ทำให้ peripheral vasoconstriction เกิด blood flow ที่ปอดเพิ่ม
2.การเปลี่ยนแปลงระบบประสาท
• cerebral hypoxia
•ภาวะสมองบวม
•ภาวะ circuratory arrest
**
ทำให้ cerebral perfusion ลดลง เกิด Ischemic brain
4.การเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่และกรดด่างในเลือด
4.1 acidosis จากเยื่อบุถุงลมอักเสบ,ถุงลมขาด
4.2 น้ำจืดเกิด hyponatremia, hypochloremia, hyperkalemia
น้ำเค็มเกิด hypernatremia, hyperchloremia, hypermagnesemia
5.การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิในร่างกาย
•อุณหภูมิร่างกายต่ำ
T 28-25 องศา หมดสติ หัวใจเต้นผิดปกติ
T25-21 องศาหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น
การปฐมการพยาบาล
คนจมน้ำรู้สึกตัวดี สำลักน้ำไม่มาก
กระตุ้นให้หายใจลึกๆ
-ปลอบโยนให้คลายความตกใจ
-ดูแลร่างกายให้อบอุ่น
-ให้ไปพบแพทย์อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน
2.ผู้ป่วยหยุดหานใจเมื่อขี้นบนฝั่ง ให้ผายปอดด้วยการเป่าปาก
•มีน้ำอยู่เต็มท้องจับผู้ป่วยนอนคว่ำแล้วใช้มือ2ข้างวางใจตีท้องยกท้องขึ้นจะช่วยไล่น้ำออกจากท้องให้ไหลออกทางปากได้
3.ถ้าคลำชีพจรไม่ได้หรือหัวใจหยุดเต้น ทำการนวดหัวใจทันที
4.ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง ช่วยเหลือจนหายใจได้ เพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก
•ใช้ผ้าห่มเพื่อให้เกิดความอบอุ่น
•อย่าให้กินอาหารและดื่มน้ำทางปาก
5.ควรส่งผู้ป่วยที่จมน้ำไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด ไปพักรักษาตัวที่ รพ.ทุกราย
•หมดสติและหยุดหายใจ ควนผายปอด ด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง อย่าเพิ่งรู้สึกหมดหวังแล้วหยุดให้การช่วยเหลือ