Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อหลังคลอด (puerperal infecition), นางสาวอุสนา รัญจวนจิตร์ เลขที่…
การติดเชื้อหลังคลอด (puerperal infecition)
ความหมาย
การติดเชื้อแบคทีเรียของระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรีภายหลังคลอด มักเกิดในช่วง 28 วันหลังคลอด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในช่วงหลังคลอด และ การติดเชื้ออื่น นอกระบบอวัยวะสืบพันธุ์อาจพบได้บ่อย ซึ่งต้องวินิจฉัยแยกโลก เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis) ไตและกรวยไตอักเสบ(pyelonephritis) ปอดอักเสบ (pneumonia) เต้านมอักเสบ (mastitis) เป็นต้น
สาเหตุ
สาเหตุโดยตรง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งปกติไม่ทำให้เกิดพยาธิสภาพนอกจาก ร่างกายอ่อนแอหรือมีแผลบอบช้ำ หรืออาจเกิดจาก เชื้อแบคทีเรียจากนอกร่างกายซึ่งถูกนำเข้าสู่ร่างกายใน ระหว่างรอคลอดและระยะคลอด โดยผ่านทางการตรวจช่องคลอด
การบาดเจ็บจากการคลอดร่วมกับการเปิดของช่องทางคลอด ทำให้เกิดเชื้อโรคเข้าไปในเยื่อบุมดลูก เชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้และช่องทางคลอด ส่วนเชื้อแบคทีเรียนอกร่างกายที่เข้าไป ในช่องทางคลอด มากมาจากระบบทางเดินหายใจ โดยการปนเปื้อนของน้ำมูก น้ำลาย หรือเชื้อที่แพร่กระจาย ในอากาศ
ชนิดของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อหลังคลอด
Aerobic bacterial infection
Beta hemolytic streptococci group A พบในจมูกและลำคอของคนทั่วไป เชื้อชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นมีความรุนแรงมาก เพราะจะเข้ากระแสเลือดเกิดการติดเชื้อของระบบไหลเวียนโลหิต
Staphylococcus aureus ปกติจะพบในช่องคลอดไม่ค่อยเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ นอกจากหลายที่มีการอักเสบเฉพาะที่เป็นฝี(stiches abscess) บริเวณช่องคลอดและฝีเย็บ
E. coli พบในลำไส้ส่วนปลายมักเกิดการติดเชื้อในมดลูกทำให้น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
Protesus neia และ Klebsiella อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อหลังคลอดมาเกิดจากเชื้อหลายๆ ตัวรวมกันมากกว่าเกิดจากตัวใดตัวหนึ่ง
Anaerobic bacterial infection
Clostridium welchii พบในช่องคลอด ลำไส้ส่วนปลายหรือในเนื้อเยื่อที่บอบช้ำหรือเนื้อตาย ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงมาก เกิด septicemia ทำให้มีเลือดแตกโลหิตจาง โดยเฉพาะถ้าเกิดร่วมกับการติดเชื้อชนิดอื่น และเชื้อ Bacteroides การติดเชื้อจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆแพร่กระจายได้อย่างกว้างขวาง โดยลุกลามเข้าไปในเนื้อเยื่อบริเวณที่มีการบอบช้ำ ทำให้เกิด pelvic cellulitis
พยาธิสรีรภาพ
การติดเชื้อเฉพาะที่การติดเชื้อมักจำกัดอยู่เฉพาะตำแหน่งที่เป็นเท่านั้น
การติดเชื้อแผลฝีเย็บ ปากช่องคลอด และปากมดลูก
การติดเชื้อแผลฝีเย็บและปากช่องคลอด เมื่อแผลมีการอักเสบเกิดขึ้น เริ่มต้นด้วยขอบแผลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง เนื้อเยื่อบุ ขอบแผลเน่า มีน้ำเหลืองไหลออกมาจากแผลแล้วกลายเป็นหนอง แผลแยกออก
การติดเชื้อที่ช่องคลอด อาจจะติดเชื้อโดยตรงหรือแพร่กระจายมาจากแผลฝีเย็บ เยื่อบุช่องคลอดจะบวมแดง เนื้อเน่าหลุดออก อาจเกิดหลอดน้ำเหลืองอักเสบและแพร่กระจายได้ แต่ส่วนมากเป็นเฉพาะที่
การติดเชื้อที่ปากมดลูก พบได้บ่อยเพราะปากมดลูกฉีกขาดง่าย บางรายอาจมีการฉีกขาเรียกเข้าไปถึงฐานของ broad ligament ซึ่งอาจเป็น จุดตั้งต้น ของการมีหลอดน้ำเหลืองอักเสบ parametratritis และ bacteremia ได้
อาการและอาการแสดง ของการติดเชื้อแผลฝีเย็บ ปากช่องคลอด และปากมดลูก ซึ่งไม่ค่อยรุนแรงมักมีอาการปัสสาวะลำบาก ร่วมด้วย
การรักษา ดูแลรักษาเหมือนแต่ศัลยกรรมทั่วไป ถอดไหมออก เปิดแผลให้หนองระบายได้ดีให้hot sitzbaths และอบไฟ จะช่วยบรรเทาอาการปวด ในระยะเฉียบพลันของการติดเชื้อ ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะและยาระงับปวดตามแผนการรักษา
การติดเชื้อของเยื่อบุมดลูกหรือการติดเชื้อของมดลูก (metritis)
เป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุดด้วยแบคทีเรียเฉพาะตัวที่เยื่อบุมดลูก (decidue) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่รบเกาะ ซึ่งอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 -3 ชั่วโมง ถึง 2 - 3 วันหลังคลอดอาการติดเชื้อจำเพาะอยู่แต่บริเวณผิว ก็จะหลุดออกมาเองภายใน 2-3 วันการติดเชื้อนี้เกือบทั้งหมดลุกลามเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อมดลูก(myometritis)
อาการและอาการแสดง ขึ้นกับความรุนแรงของการติดเชื้อ อาการมักจะเริ่มต้นใน 48 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
การรักษา โดยทั่วไปแล้วรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ การใช้ยาปฏิชีวนะชนิด broad spectrum
การแพร่กระจายไปยังหลอดเลือดดำ
ทำให้เกิด pelvic thrombophletis, femoral thrombophletis, pyemia จาก infected emboli หลุดไปตามกระแสโลหิต
อาการและอาการแสดง septic pelvic thrombophletis เป็นภาวะที่วินิจฉัยได้ยากส่วนมากจะ ส่งไปในรายที่ไข้สูงลอยทั้งที่ให้ยาปฏิชีวนะอย่างเพียงพอ
ภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อหลังคลอด
การติดเชื้อหลังคลอด ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนแก่มารดาและทารก เช่น การติดเชื้อสู่ทารก มดลูกเข้า อู่ช้า(subinvplution) การตกเลือด การเป็นหมัน โรคไตเรื้อรัง หลอดเลือดของปอดอุดตัน มีภาวะช็อกจากการ ติดเชื้อ มีการจับตัวของลิ่มเลือด และทำให้เกิดการเสียชีวิตของสตรีหลังคลอดได้
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติเพื่อกระจายเสียงของการติดเชื้อในระยะหลังคลอด เช่น ภาวะสุขภาพ ภาวะ โภชนาการของสตรีตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ และปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระยะคลอด เช่น การแตกของถุงน้ำคร่ำ ระยะและชนิดของการคลอด เป็นต้น
การตรวจร่างกาย ที่อาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อในระยะหลังคลอด ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย ภาวะซีด อุณหภูมิของร่างกายสูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ใน 10 วันแรกหลังคลอด ชีพจรต่ำกว่า 100 ครั้ง/นาที
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ ได้แก่ การตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) พบว่าจำนวน เม็ดเลือดขาวเพิ่มสูงขึ้น การย้อมสีกรัม (gram stain) เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้น การเพาะเชื้อจากปากมดลูกและ น้ำคาวปลาเพื่อหาเชื้อที่เป็นเหตุ การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อช่วยในการตรวจหาก้อนหนอง
การพยาบาลสตรีที่มีการติดเชื้อหลังคลอด
การพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังคลอด
1.1 แนะนำการปฏิบัติตัวระหว่างการตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพแข็งแรง มารับบริการฝากครรภ์ตามนัด เพื่อได้รับการดูแลและการแก้ไขภาวะผิดปกติได้ทันท่วงที
1.2 ควรดูแลให้ผู้คลอดได้พักผ่อน และได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
1.3 บุคลากรสุขภาพในช่องคลอดควรผูกผ้าปิดปากปิดจมูกและใช้อุปกรณ์ที่สะอาดปราศจากเชื้อ
1.4 ระมัดระวังป้องกันการบาดเจ็บและชอกช้ำของช่องทางคลอด
1.5 ทันทีหลังคลอด ควรเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน และสิ่งอื่น ที่ปนเปื้อนเลือด ปัสสาวะ หรือ อุจจาระ
1.6 กระตุ้นให้ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังเปลี่ยนผ้าอนามัยและการขับถ่าย
1.7 แนะนำการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ที่ถูกวิธี ป้องกันการนำเชื้อ E.coli จากทวารหนักไปอู่ แท้ฝีเย็บหรือเข้าไปในช่องคลอด
1.8 กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
1.9 รักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาด
การพยาบาลขณะมีการติดเชื้อหลังคลอด
การพยาบาลทั่วไป
1) แยกมารดาที่ติดเชื้อออกจากมารดาหลังคลอดทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น และดูแลโดยใช้หลักการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
2) ประเมินสัญญาณชีพและสังเกตอาการ เพื่อประเมินภาวะช็อคจากการติดเชื้อ
3) ดูแลให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดูแลความสุขสบายและเช็ดตัวเพื่อลดไข้
4) ดูแลให้ได้รับสารอาหารที่มีพลังงานสูง วิตามินและโปรตีน และสารน้ำอย่างเพียงพอ
5) ดูแลความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อม
6) ดูแลการได้รับยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวดลดไข้และยาอื่นๆ ตามแผนการรักษาของแพทย์
7) ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคและการรักษาพยาบาล
การพยาบาลเฉพาะ กรณีที่มีการอักเสบที่บริเวณฝีเย็บและปากช่องคลอด
1) ชำระล้างบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและฝีเย็บด้วยน้ำยาเชื้ออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และ เน้นใช้สบู่และน้ำยาล้างภายหลังการขับถ่ายทุกครั้ง รวมทั้งการเปลี่ยนผ้าอนามัยเมื่อเปียกชุ่ม จะช่วยป้องกัน การติดเชื้อได้
2) ให้ hot sitz bath ด้วยน้ำลายด่างทับทิม วันละ 2 - 3 ครั้งๆ ละ 10 - 15 นาที และอบแผล ฝีเย็บด้วย infra red light วันละ 2 - 3 ครั้งๆ ละ 3 - 5 นาที เพื่อช่วยลดการอักเสบติดเชื้อและแผลหายเร็วขึ้น
นางสาวอุสนา รัญจวนจิตร์ เลขที่ 121 รหัส 602601123