Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อหลังช่องคลอด (puerperal infecition) - Coggle Diagram
การติดเชื้อหลังช่องคลอด (puerperal infecition)
การติดเชื้อแบคทีเรียของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ สตรีภายหลังคลอด มักเกิดในช่วง 28 วันหลังคลอด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในช่วงหลังคลอด และ การติดเชื้ออื่น
มดลูกเข้าอู่ช้า
เป็นภาวะที่กระบวนการกลับคืนสู่สภาพเดิมของมดลูกใช้เวลานาน 1 ปีหรือกระบวนการนั้นหยุดไปก่อนที่มดลูกจะกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์
อาการและอาการแสดง
น้ำคาวปลาออกนานหรือมากกว่าปกติ น้ำคาวปลาเป็นสีแดง (persistent red lochia) มีกลิ่นเหม็น (foul lochia) อุณหภูมิร่างกายสูงและอาจเกิดการตกเลือดระยะหลัง
การพยาบาล
การพยาบาลเพื่อป้องกันมดลูกเข้าอู่
ส่งเสริมให้น้ำคาวปลาไหลสะดวก เช่น กระตุ้นให้ลุกจากเตียงโดยเร็ว ให้ลูกเดินบ่อยๆ ให้นอน คว่ำเป็นต้น
ส่งเสริมให้เลี้ยงทารกด้วยน้ำนมมารดา
การทำคลอดรก ตรวจให้แน่ใจว่ารกคลอดครบ
เมื่อเกิดภาวะมดลูกเข้าอู่ช้าในระยะหลังคลอด
ถ้ามีอาการกดเจ็บ อุณหภูมิสูง และน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ให้สงสัยว่าเยื่อบุมดลูกอักเสบ ควร ส่งเพาะเชื้อเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากเชื้อใด sensitivity ให้สารน้ำทางหลอดเลือดด า ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
กรณีที่มีเศษรกค้าง จำเป็นต้องขูดมดลูกเพื่อเอาเศษรกออก
ถ้าไม่มีอาการกดเจ็บที่มดลูก น้ำคาวปลาไม่มีกลิ่นเหม็น มีเลือดออกน้อย ยากระตุ้นการหดรัด ตัวของมดลูกตามแผนการรักษา หลังให้แล้วประเมินขนาดของมดลูก
สาเหตุ
สาเหตุโดยตรง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งปกติไม่ท าให้เกิดพยาธิสภาพนอกจาก ร่างกายอ่อนแอหรือมีแผลบอบช้ า หรืออาจเกิดจาก เชื้อแบคทีเรียจากนอกร่างกายซึ่งถูกน าเข้าสู่ร่างกายใน ระหว่างรอคลอดและระยะคลอด โดยผ่านทางการตรวจช่องคลอด
สาเหตุส่งเสริม
ภาวะทุพโภชนาการ
การตรวจทางช่องคลอดบ่อยๆ
การตรวจสอบเสียงหัวใจทารกผ่านทางช่องคลอด (internal fetal heart monitoring)
ระยะเจ็บครรภ์และระยะคลอดยาวนาน
การทำคลอดโดยสูติศาสตร์หัถการหรือการคลอดยาก
ทำการล้วงรก
การมีไข้หลังคลอด (puerperal fever) คือ ภาวะที่ท าให้สตรีหลังคลอด มีอุณหภูมิ ร่างกายตั้งแต่ 38 ขึ้นไป ติดต่อกันอย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน ในช่วง 2 ถึง 10 วันแรกหลังคลอด ซึ่งไม่นับ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
พยาธิสรีรภาพ
การติดเชื้อเฉพาะที่
การติดเชื้อมักจำกัดอยู่เฉพาะตำแหน่งที่เป็นเท่านั้น
แผลฝีเย็บ ปากช่องคลอด ช่องคลอด และปากมดลูก
การติดเชื้อลุกลามไปนอกมดลูก :กระจายตาม หลอดเลือดดำ peritonitis
อาการและอาการแสดง
38.5 - 40 °C (104 °F) แต่ ถ้ามีหนองข้างอยู่ในฝีเย็บ หรือไข้อาจมีอาการไข้สูงและหนาวสั่น
มักมีอาการปัสสาวะลำบาก ร่วมด้วย ท่าระบายหนองได้ดีจะไม่มีอาการรุนแรง
การรักษา
ดูแลรักษาเหมือนแต่ศัลยกรรมทั่วไป ถอดไหมออก เปิดแผลให้หนองระบายได้ดี ให้ hot sitz baths และอบไฟ จะช่วยบรรเทาอาการปวด ในระยะเฉียบพลันของการติดเชื้อ ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะและ ยาระงับปวดตามแผนการรักษา
การติดเชื้อของมดลูก (metritis)
อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 - 3 ชั่วโมง ถึง 2 - 3 วันหลังคลอด
การติดเชื้อนี้เกือบทั้งหมดลุกลามเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อมดลูก (myometritis)
อาการและอาการแสดง
มีไข้ หนาวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัว เบื่ออาหาร ปวดท้อง และหน้าท้องแข็งเกร็ง กดเจ็บ บริเวณมดลูกมีหนองและน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
หัวใจเต้นเร็ว มดลูกเข้าอู่ช้า (Subinvolution)
ไข้เกิดขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดได้
การรักษา
ampicillin โดยเริ่มให้ยา ทางหลอดเลือดดา 4 - 8 กรัมต่อวันจนไม่มีไข ้24 - 48 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดรับประทานระทาน 4 - 5 วันและรักษาตามอาการ
การพยาบาล
จัด ให้มารดานอนในท่า Fowler’s position
ให้ยาบรรเทาปวดตามแนวทางการรักษาของแพทย์
สังเกตอาการแสดงอื่นๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ท้องอืดมากขึ้น ลำไส้ไม่มีเสียงการทำงานและปวด ท้องรุนแรงมากขึ้น
ดูแลให้มารดาได้รับความสุขสบาย
แนะนำมารดาเกี่ยวกับอาหาร
การติดเชื้อของแผล (Wound infection )
สาเหตุ
มีรูปร่างอ้วน
เป็นโรคเบาหวาน
ใช้ยาสเตียรอยด์
มีภูมิต้านทานต่ำ
มีภาวะซีด
มีก้อนเลือดคั่งที่ มีการติดเชื้อของเยื่ออุ้มเด็ก
อาการและอาการแสดง
มีอาการปวด บวม แดงร้อนของแผลที่อักเสบหรือมีแผลแยก
ของแผลนูนขึ้นมาซึ่งข้างในมักมีหนอง
ถ้าส่งหนองตรวจจะพบทั้งเชื้อแบคทีเรียชนิด Aerobic และ anaerobic bacteria
การพยาบาล
คำแนะนำการดูแลเกี่ยวกับการแช่ก้น การดูแลความสะอาดของแผลและการเปลี่ยนผ้าอนามัยที่ถูกวิธ
การล้างมือด้วยเทคนิควิธีที่ถูกต้อง
การติดเชื้อของแผลหลังคลอดอาจทำให้มารดาต้องกลับเข้ามารักษาในโรงพยาบาลอีกครั้งซึ่งทำให้ มารดาต้องการความช่วยเหลือกำลังใจและต้องการคำแนะนำต่างๆ
่ส่วนใหญ่มารดาที่มีการติดเชื้อที่แผลสามารถเลี้ยงดูทารกได้ไม่จำเป็นต้องแยกทารกออกไปเพียงแต่ ต้องแนะนำมารดาระมัดระวังไม่ให้ทารกสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากบริเวณที่มีการติดเชื้อนอกจากนั้นควรอธิบาย มารดาให้เข้าใจเกี่ยวกับฤทธิ์ข้างเคียงของยาที่ที่ได้รับที่อาจเกิดขึ้นตลอดทั้งประเมินการดูแลตนเอง
การติดเชื้อของหลอดเลือดดำ
มักเกิดขึ้นในวันที่ 14-15 หลังคลอด เกิดขึ้นจากมีการกระจายของเชื้อเข้าสู่ ระบบหลอดเลือด และพัฒนาเป็นการอักเสบของหลอดเลือดดำ
พบบ่อยในมารดาที่มีการติดเชื้อของแผล ต่ำแหน่งที่รกเกาะก่อน แล้วกระจายลุกลามไปที่หลอดเลือดบริเวณรังไข่ มดลูก หรือหลอดเลือดบริเวณ ท้องน้อย (Hypogastric vein)
สาเหตุ
มีการขยายตัวของหลอดเลือดดำส่วนปลาย เนื่องจากถูกศีรษะทารกกดระหว่างการตั้งครรภ์และ การคลอด
มารดาถูกจำกัดกิจกรรมในขณะคลอด
มีการเพิ่มขึ้นของไฟบริโนเจน ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดการแข็งตัวของเลือด
การพยาบาล
ประเมินสภาพร่างกายบริเวณที่เกิดการอักเสบของหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องโดยการคลำชีพจร บริเวณผิว (Peripheral pulses)
วัดเส้นรอบวงของบริเวณขาทั้งสองข้างดูอาการมีเลือดออก
ประเมิน Homan’s sign
ติดตามและประเมินอาการหลอดเลือดดำในปอดอุดตันประกอบด้วย อาการเจ็บหน้าอก ไอ หายใจ หอบ และหายใจเร็ว
เจาะเลือดเพื่อหาค่า Prothrombin หรือ Partial thromboplastin
ประเมินความเข้าใจของมารดาและครอบครัวเกี่ยวกับปัญหาในการเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงของ การฟื้นฟูสภาพร่างกาย
กระตุ้นให้มารดาหลังคลอดพลิกตะแคงตัวบ่อยๆแต่ไม่ควรพับเข่าเพราะจะทำให้เลือดคั่งบริเวณปลาย เท้าและไม่ควรนวดบริเวณที่มีการอักเสบของหลอดเลือดเพราะจะทำให้ก้อนเลือดที่แข็งตัวเข้าไป ภายในหลอดเลือด (Dislodge)
เมื่อมารดาหลังคลอดจะมีการลุกขึ้นจากเตียงควรสวมถุงน่องชนิดผ้ายืดก่อนลุกจากเตียง
เต้านมอักเสบ (mastitis)
อาการและอาการแสดง
อาการเริ่มต้นคัดตึงเต้านมอย่างรุนแรง ต่อมาปวดเต้านมมาก ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขจะมีอาการหนาวสั่น มีไข้สูงอย่างรวดเร็ว อาจสูงถึง 38.3 - 40 °C ชีพจรเร็ว มีการคั่งของน้ านม น้ านมไหลออกน้อยลง บริเวณเต้า นมแดงร้อน แข็งตึง ขยายใหญ่ กดเจ็บ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ มีอาการหนาวสั่น ในรายที่มีอาการลุกลาม เกิดการอักเสบจะมีหนองกออกจากเต้านม
การพยาบาล
การพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เต้านม
ทำความสะอาดเต้านมและหัวนม เช็ดคราบที่ติดหัวนมออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการ ใช้สบู่หรือสารอื่นที่ทำให้หัวนมแห้ง
สวมเสื้อพยุงเต้านมไว้ให้พอดี
ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสเต้านม
ขณะดูดนมให้ปากทารกอยู่บนลานนมให้มากที่สุด ถ้าจะให้ทารกปล่อยหัวนมให้กดปลายคาง ทารกให้เสียก่อน แล้วจึงค่อยดึงหัวนม
การพยาบาลเพื่อช่วยเหลือขณะมีการอักเสบติดเชื้อ
กรณีเต้านมอักเสบให้ทารกดูดนมต่อไปได้
ให้ยาปฏิชีวนะและยาบรรเทาอาการปวดตามแผนการรักษา
ลดการกระตุ้นเต้านมและหัวนมบริเวณที่มีการติดเชื้อ
สวมเสื้อชั้นในหรือพันผ้าเพื่อพยุงเต้านม (supporting binding)
ในรายที่แพทย์เปิดแผลเพื่อระบายหนองออก ให้ทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้ง
แนะนำการรักษาความสะอาดร่างกาย การส่งเสริมสุขภาพเพื่อให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติ โดยเร็ว