Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ ๖ การบริหารการพยาบาล - Coggle Diagram
บทที่ ๖ การบริหารการพยาบาล
๑. ขอบเขตและความรับผิดชอบของผู้บริหารทางการพยาบาลในบทบริการสุขภาพระดับต่างๆ
การบริหารงานในบทบริการปฐมภูมิ
โดยมีปัจจัยต่างๆ ในการบริหารงานได้แก่ คน เงิน ทรัพยากร และวิธีการ
การวางแผน (Planning)
๑.๑ กำหนดจุดมุ่งหมายขององค์กร
๑.๒ วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและประเมินศักยภาพขององค์การ
๑.๓ การจัดทำแผนกำหนดทางเลือกและเกณฑ์ปฏิบัติ ซึ่งอาจจะเป็นโครงการหรือกิจกรรมโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และนโยบาย
๑.๔ ปฏิบัติตามแผน
๑.๕ ประเมินผลและทบทวนแผน การประเมินผลงานพยาบาลชุมชนควรประเมินทั้งความเพียงพอประสิทธิผล ประสิทธิภาพและความเหมาะสม
การจัดองค์กร (Organizing)
๒.๑ วัตถุประสงค์ขององค์กรหรือจุดมุ่งหมายขององค์กร ในการก่อตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานขององค์กร
๒.๒ โครงสร้างขององค์กรต้องมีการกำหนดโครงสร้างเพื่อให้ทราบว่ามีการแบ่งงานกันอย่างไรมีการจัดกลุ่มงาน การบังคับบัญชา การประสานงานภายในองค์กร
๒.๓ กระบวนการปฏิบัติงานเป็นการกำหนดระเบียบแบบแผนวิธีปฏิบัติงานในองค์กร
๒.๔ บุคคลต้องมีการกำหนดมอบหมายงานภารกิจในแต่ละบุคคล และกำหนดการประสานงานที่เหมาะสม
การนำหรือการอำนวยการ (Directing)
มีการสั่งการ มอบหมายงานต่างๆโดยทั่วไปใช้หลักการทฤษฎีภาวะผู้นำ แรงจูงใจหรือการนำการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้
การควบคุม (Controlling)
๔.๑ การกำหนดเป้าหมายในการควบคุมกำกับงาน โดยมีการกำหนดอย่างชัดเจน มีการใช้เครื่องมือในการควบคุมกำกับงาน เช่น การใช้แผนผังกำหนดระยะเวลาการทำงานการใช้งบประมาณ ถ้างานไม่
สำเร็จตามแผนจะไม่สามารถเบิกงบประมาณได้หรือการใช้ตัวบุคคลควบคุมกำกับโดยตรง
๔.๒ การพัฒนามาตรฐานในการปฏิบัติงานโดยการสร้างมาตรฐานก่อนปฏิบัติงาน
๔.๓ การวัดผลงานและเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐาน
๔.๔ การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องนอกจากนี้ยังมีการนิเทศงาน
๑. การรายงานการปฏิบัติงาน (Anecdotal note)
๒. การตรวจสอบรายการ ( Checklists)
๓. การประเมินค่า (Rating scales)
๔. การจัดลำดับ (Raking scales)
๕. การประเมินโดยเพื่อน (Peer review)
การบริหารงานในบทบริการทุติยภูมิและตติยภูมิ
๑. ผู้บริหารระดับสูง (Top level administration)
ได้แก่ ผู้อำนวยการพยาบาล หรือหัวหน้าฝ่ายการ
พยาบาล หรือหัวหน้ากลุ่มการพยาบาล
๒. ผู้บริหารระดับกลาง (Middle level administration)
ได้แก่ ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล (Subdirector of nursing or Associate director of nursing) และหัวหน้าแผนกการพยาบาล (Head department)
๓. ผู้บริหารระดับต้น (First level administration)
ได้แก่ ผู้ตรวจการพยาบาล (Supervisor nurse) และ
หัวหน้าหอผู้ป่วย (Head nurse หรือ Nurse manager)
ระบบบริการสาธารณสุขในประเทศไทย ระดับการให้บริการสุขภาพ
ระดับปฐมภูมิ (Primary care level)
เป็นบริการที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนและชุมชนมากที่สุด มีการรักษาดูแลในภาวะที่ไม่ซับซ้อนจึงเน้นที่ความครอบคลุมมีการบริการผสมผสานทั้งในด้านการรักษาพยาบาลการส่งเสริมสุขภาพการป้องกันควบคุมโรคฟื้นฟูสภาพจัดบริการปฐมภูมิในเขตพื้นที่ชนบทโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลศูนย์สุขภาพชุมชนสำหรับในเขตเมืองอาจเป็นศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครหรือศูนย์แพทย์ชุมชน
ระดับทุติยภูมิ (Secondary care level)
เป็นบริการที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในระดับที่
สูงขึ้นเน้นการบริการรักษาพยาบาลโรคที่ยากซับซ้อนมากขึ้นได้แก่โรงพยาบาลชุมชนในระดับอำเภอโรงพยาบาลทั่วไปในระดับจังหวัดและโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม
ระดับตติยภูมิ (Tertiary care level) และศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง (Tertiary Care and Excellent Center)
เป็นการบริการที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงมีความสลับซับซ้อนมากมีบุคลากรทางการแพทย์ในสาขาเฉพาะทางสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นโรงพยาบาลศูนย์สถาบันเฉพาะทางต่างๆหรือหรือสังกัดมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลเฉพาะโรคต่างๆ ที่ต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยเฉพาะ
๒. บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารการพยาบาล
บทบาทหน้าที่ของหัวหน้าเวร หัวหน้าทีม และสมาชิกทีม
ทีมการพยาบาล
หมายถึง พยาบาลวิชาชีพ/ พยาบาลเทคนิค/ พนักงานช่วยเหลือคนไข้ ที่ขึ้นปฏิบัติงานตามตารางการปฏิบัติงาน (ตารางเวร) ที่จัดไว้แต่ละหอผู้ป่วย
วัตถุประสงค์ของการทำงานเป็นทีมการพยาบาล
๑. เพื่อปรับปรุงบริการพยาบาลให้ดียิ่งขึ้น
๒. ช่วยพัฒนาความรู้และทักษะของสมาชิกทีม
๓. ช่วยแบ่งเบางานที่ไม่จำเป็นต้องให้พยาบาลรับผิดชอบและแก้ปัญหาจำนวนเจ้าหน้าที่น้อย
๔. เพื่อฝึกฝนให้เป็นผู้นำที่ดี
หัวหน้าเวร (Nurse In charge)
๑. สามารถวางแผนปฏิบัติการพยาบาลและตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
๒. นำประชุมปรึกษากับทีมงาน กำหนดแผนการพยาบาล
๓. วางแผนและมอบหมายงานให้หัวหน้าทีม
๔. ตัดสินแก้ปัญหาทางการพยาบาลในแต่ละสถานการณ์ และรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ
๕. ประสานงานกับทีมสุขภาพ ได้แก่ แพทย์, นักกายภาพบำบัด, เภสัชกร เป็นต้น
๖. กำหนดระบบและกระบวนการดำเนินงานนิเทศและประเมินผลงาน
๗. บริหารบุคคลในสายงานพยาบาล, บริหารทรัพยากรในการดำเนินการพยาบาล
๘. บันทึกและรายงานการปฏิบัติการพยาบาล
หัวหน้าทีม (Nurse Leader)
๑. ร่วมประชุมปรึกษาทางการพยาบาลของผู้ป่วยในทีม
๒. ปฏิบัติตามแผนการพยาบาลที่วางไว้
๓. ประสานงานกับหัวหน้าเวร
๔. ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย
๕. ปรึกษาและร่วมแก้ปัญหาทางการพยาบาลกับหัวหน้าเวร
๖. รายงานการทำงานกับหัวหน้าเวร
๗. ดูแลเครื่องมือและจัดเก็บการบำรุงรักษา
๘. บันทึกและรายงานการปฏิบัติการพยาบาล
สมาชิกทีม (Member)
๑. ประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
๒. ให้การพยาบาลเฉพาะโรคได้ทุกระดับปัญหา และทุกระดับความรุนแรงของโรค
๓. ตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรคขั้นต้น
๔. การสนับสนุนการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วย/ผู้ใช้บริการ
๕. การสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ป่วย/ผู้ใช้บริการ
๖. วางแผนและดำเนินการส่งเสริมสุขภาพ
๗. สังเกต บันทึก สรุป รายงานการเปลี่ยนแปลง
บทบาทหน้าที่ของหัวหน้าพยาบาล ผู้ตรวจการ และหัวหน้าหอผู้ป่วย
บทบาทหน้าที่รับผิดชอบของหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล / หัวหน้ากลุ่มการพยาบาล
๑. รับนโยบายจากผู้อำนวยการ
๒. กำหนดปรัชญา นโยบาย วิสัยทัศน์พันธกิจและเป้าหมายทางการพยาบาล
๓. เป็นผู้นำในการจัดทำแผนกลยุทธ์แผนงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน
แผนปฏิบัติการของกลุ่มการพยาบาล
๔. กำหนดมาตรฐานบริการพยาบาลในภาพรวม
๕. กำหนดเกณฑ์ในการสรรหา/คัดเลือกบุคลากร
๖. กำหนดขอบเขตงานหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณภาพของบุคลากรทุกระดับ
๗. ควบคุม กำกับประเมินผลและวิเคราะห์ระบบการพยาบาลของหน่วยงาน
๘. ประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ
๙. เป็นที่ปรึกษาทางการพยาบาล
๑๐. นิเทศงานการพยาบาลทั้งในและนอกโรงพยาบาล
๑๑. จัดหา ควบคุมพัสดุครุภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์และทางการพยาบาลให้เพียงพอ
๑๒. จัดหาและจัดสรรอัตรากำลังให้กับหน่วยงานต่างๆ
๑๓. ปฐมนิเทศเจ้าหน้าที่ใหม่และผู้มาฝึกงานการพยาบาลในโรงพยาบาล
๑๔. ควบคุมระบบบริหารงานเกี่ยวกับการบริหารอัตรากำลัง การบริหารอุปกรณ์ การบริหารอาคารสถานที่
๑๕. ส่งเสริมและริเริ่มการรักษา ค้นคว้าวิจัยทางการพยาบาล
๑๖. จัดสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่ทางการพยาบาลทุกระดับ
บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลเวรตรวจการ
๑. ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพยาบาลนอกเวลาราชการ
๒. ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาและช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการ
ให้บริการพยาบาลการจัดอัตรากำลังในกรณีฉุกเฉินและอื่น ๆ
๓. ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยร่วมกับหัวหน้าเวร
๔. บริหารจัดการเรื่องอาคารสถานที่เครื่องมืออุปกรณ์ให้สะอาดเพียงพอและพร้อมใช้
๕. บริหารจัดการเมื่อเกิดเหตุการณ์พิเศษในหน่วยงาน เช่น อุบัติเหตุหมู่ ไฟไหม้อื่นๆ
๖. บันทึกเหตุการณ์สำคัญยอดผู้ป่วยและภาระงาน ส่งต่อให้หัวหน้าพยาบาล
หัวหน้างาน/หอผู้ป่วย ทุกวันทำการ
๗. เสนอรายงานเหตุการณ์ผิดปกติหรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ต่อ
หัวหน้าพยาบาลและผู้อำนวยการ
๘. ปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการ เวรเช้าเวลา ๘.๐๐– ๑๖.๐๐ น.
เวรบ่าย ๑๖.๐๐ -๒๔.๐๐น.และเวรดึกเวลา ๒๔.๐๐-๘.๐๐น.
บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของหัวหน้าหอผู้ป่วย
๑. รับนโยบายจากกลุ่มการพยาบาล
๒. กำหนดปรัชญา นโยบาย วิสัยทัศน์และพันธกิจในหน่วยงาน
๓. เป็นผู้นำในการจัดทำแผนกลยุทธ์แผนปฏิบัติงานในหน่วยงาน
๔. วางแผนการดำเนินงานต่างๆในหน่วยงาน
๕. ควบคุม กำกับประเมินผลและวิเคราะห์ระบบการบริการพยาบาลในหน่วยงาน
๖. เป็นที่ปรึกษาและแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน๗. ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๘. วางแผนและจัดสรรอัตรากำลังในหน่วยงาน
๙. จัดตารางการปฏิบัติงาน
๑๐. ส่งเสริมและสร้างขวัญและกำลังใจแก่บุคลากร
๑๑. นิเทศบุคลากรทุกระดับในหน่วยงาน
๑๒. กำหนดความต้องการใช้พัสดุครุภัณฑ์ประจำปี
๑๓. ให้การพยาบาลผู้ป่วยทั่วไปและที่มีปัญหาซับซ้อนครอบคลุมทั้ง ๔ มิติ
๑๔. ปรับปรุง /พัฒนาควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการพยาบาล
๑๕. เป็นที่ปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการพยาบาลและงานในหน้าที่แก่บุคลากรทุกระดับและนักศึกษาที่มาฝึกงาน/อบรม
๑๖. สนับสนุนให้บุคลากรมีการพัฒนาศักยภาพด้านการปฏิบัติและทักษะทางการพยาบาล
๑๗. ปฐมนิเทศเจ้าหน้าที่ใหม่และผู้ศึกษาดูงานในหน่วยงาน
๓. การบริหารหอผู้ป่วย
การจัดหอผู้ป่วย
หลักการจัดหอผู้ป่วย
๑. ความเป็นสัดส่วน (Privacy)
๒. ความปลอดภัย (safety)
๓. การป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ (Infection control)
๔. ควบคุมเสียง (noise control)
หลักการจัดระบบงานเพื่อให้การปฏิบัติงานบรรลุเป้าหมาย
๓. กำหนดอัตรากำลังและประเภทของเจ้าหน้าที่แต่ละระดับ ซึ่งควรคำนึงถึง
๒. กำหนดขอบเขตความรับผิดชอบ และแผนภูมิการทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ เพื่อป้องกันการทำงานซ้ำซ้อน และควรมีกำหนดว่าใครขึ้นอยู่กับผู้ใด และต้องรายงานกับใคร
๑. กำหนดวัตถุประสงค์การบริการผู้ป่วย โดยพิจารณาถึงความต้องการของสังคมและนโยบายของสถาบันซึ่ง
๔. กำหนดหน้าที่รับผิดชอบ และลักษณะงานของเจ้าหน้าที่ทางการพยาบาลทุกระดับโดยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ทุกคนทราบว่าตนมีหน้าที่อะไรบ้าง และควรจะประเมินผลเป็นระยะ ๆ ว่าได้ทำหน้าที่ตรงกับที่กำหนดไว้หรือไม่ หรือควรแก้ไขปรับปรุงสิ่งใดบ้าง
๖. จัดทำคู่มือปฏิบัติการพยาบาล เพื่อให้ทุกคนยึดเป็นแนวทางให้เหมือนกัน หรือกรณีมีปัญหาขัดแย้งข้อสงสัย จะได้มีเอกสารสำหรับอ้างอิงและควรแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา
๗. การวางแผนให้การพยาบาล
๘. นโยบายด้านบุคลากร
๙. จัดหาเครื่องมือเครื่องใช้
๑๐. การบันทึกการรายงาน
๑๑. การเสริมความรู้ด้านวิชาการ
๑๒. มีการติดต่อประสานงานกับทีมสุขภาพทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและนอกสถาบันเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ
๑๓. มีการประเมินผล
การจัดอัตรากำลัง
วัตถุประสงค์ของการจัดอัตรากำลัง
๑. เพื่อกำหนดปริมาณอัตรากำลังให้มีบุคลากรทางการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย และให้บริการพยาบาลอย่างเพียงพอ เหมาะสม และสมดุลกับปริมาณภาระงานในแต่ละช่วงเวลาตลอด ๒๔ ชั่วโมง
๒. เพื่อจัดให้มีสัดส่วนการผสมผสานการจัดอัตรากำลังบุคลากรทางการพยาบาล แต่ละระดับ/ประเภท อย่างเหมาะสมในการให้บริการที่มีคุณภาพ
๓. เพื่อออกแบบหรือรูปแบบ การจัดตารางเวลาการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการพยาบาลให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมกับองค์การ
กระบวนการจัดอัตรากำลังทางการพยาบาล (Staffing Process)
การวางแผนอัตรากำลัง (Staffing planning)
๑. การวางแผนความต้องการการพยาบาล
๒. วางแผนเพื่อให้ได้บุคลากรพยาบาลตามที่ต้องการ
๓. การวางแผนการใช้บุคลากรทางการพยาบาล
การจัดตารางการปฏิบัติงาน (Scheduling)
๒.๒ การจัดแบบแยกการ (Decentralized Scheduling)
๒.๑ การจัดแบบรวมการ (Centralized Scheduling)
การกระจายอัตรากำลัง (Staffing allocation)
เพื่อให้มีการกระจายกำลังคนตามปริมาณงานในแต่ละช่วงเวลา และมีการจัดสัดส่วนการผสมผสานทักษะปฏิบัติของบุคลากรแต่ละประเภทให้เหมาะสมเช่น การจัดสัดส่วนระหว่าง พยาบาลวิชาชีพ กับบุคลากรประเภทอื่น ๆ ของหน่วยบริการ
การมอบหมายงาน (Assignment)
วิธีมอบหมาย
๑. การมอบหมายงานเฉพาะหน้าที่ (Functional Method)
๒. การมอบหมายงานเป็นทีม (Tem Method)
๓. การมอบหมายงานเฉพาะรายผู้ป่วย (Case Method
๔. การมอบหมายงานแบบพยาบาลเจ้าของไข้ (Primary Methods)
๕. การมอบหมายงานแบบผสมผสาน (Multiple Method)
๖. การมอบหมายแบบผู้จัดการกรณีหรือผู้จัดการการดูแลผู้ป่วย (Case management)
จุดประสงค์ของการมอบหมายงาน
๑.เพื่อกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่แต่ละคนเพื่อไม่ให้งานซ้ำซ้อน
๒.เพื่อให้การพยาบาลที่มีประสิทธิภาพตรงเวลาถูกต้องตามหลักวิชาการ
๓.เพื่อเป็นแนวทางในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
๔.เพื่อความสะดวกแก่การบริหารงานในหอผู้ป่วย
ระเบียบการมอบหมายงาน
๑. ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงการมอบหมายงานต้องแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า
๒. ตรวจสอบการมอบหมายงานทุกวันเพื่อปรับเปลี่ยนกรณีที่มีปัญหา
๓. กำหนดเวลาให้ชัดเจนเช่นเวลาพัก
๔. ต้องชี้แจงการมอบหมายงานให้สมาชิกทราบก่อนปฏิบัติงาน
ระยะเวลาในการมอบหมายงาน
การมอบหมายงานระยะเวลานาน
มีผลดี
ผู้ป่วย และผู้ที่ให้การพยาบาล มีความคุ้นเคยต่อกัน สามารถศึกษาปัญหาผู้ป่วยได้มากติดตามผลการพยาบาลได้ต่อเนื่อง
ผลเสีย
ผู้ป่วยจะยึดพยาบาลเป็นที่พึ่งเฉพาะคน ความสัมพันธ์ทางวิชาชีพจะลดลง กลายเป็นความสัมพันธ์ทางสังคม
การมอบหมายงานช่วงสั้น
ผลเสีย
ไม่สามารถศึกษาปัญหาของผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุม และการปฏิบัติการพยาบาลไม่ต่อเนื่องจึงต้องใช้การสื่อสารที่ดีเพื่อส่งต่อข้อมูลของผู้ป่วย
การนิเทศงาน
ลักษณะการนิเทศการพยาบาล
๑.ลักษณะการนิเทศที่เน้นพฤติกรรมผู้นิเทศ
๑.๑ การนิเทศแบบอัตตาธิปไตย (traditional autocratic form)
๑.๒ การนิเทศแบบประชาธิปไตย (democratic form)
๒.ลักษณะการนิเทศที่เน้นจุดประสงค์การนิเทศ
๒.๑ การนิเทศที่มุ่งผลผลิต (Production - centered)
๒.๒ การนิเทศที่มุ่งตัวบุคคล (person - centered)
วิธีการนิเทศ
๑. การนิเทศใกล้ชิด (close supervision)
๒. การนิเทศอิสระ (general supervision)
องค์ประกอบของผู้นิเทศ
๑. ความสามารถด้านเทคนิค
๒. ความสามารถด้านวิชาการ
๓. ความสามารถด้านการสอน แนะนำและให้คำปรึกษา
๔. ความสามารถด้านมนุษย์
๕. ความสามารถด้านบริหารงาน
บทบาทของผู้นิเทศในการปฏิบัติการนิเทศ
๑.เป็นตัวกลางของการติดต่อสื่อสาร
๒.เป็นผู้สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน
๓.เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา
๔.เป็นผู้ประสานนโยบาย
๕.เป็นแหล่งความรู้ทางการพยาบาล
ระบบการดูแลผู้ป่วย
๑. ระบบการดูแลเป็นรายบุคคล (case method or total patient care
๒. ระบบการทำงานเป็นหน้าที่ (functional nursing)
๓.ระบบการพยาบาลเป็นทีม (team nursing)
๔.ระบบการพยาบาลแบบเจ้าของไข้ (primary nursing)
๕.ระบบการจัดการด้านผู้ป่วย (Case Management)