Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
5.1 ความผิดปกติของการไหลเวียนเลือด -โรคหัวใจระหว่างการตั้งครรภ์ (Heart…
5.1 ความผิดปกติของการไหลเวียนเลือด
-โรคหัวใจระหว่างการตั้งครรภ์
(Heart Disease in Pregnancy)
ชนิดของโรคหัวใจ
กลุ่มที่มีแรงดันสูง (pressure overload) เกิดจากมีการตีบแคบที่เส้นเลือดต่างๆ
กลุ่มที่มีอาการตัวเขียว (Cyanosis) กลุ่มอาการนี้มีความรุนแรงมากที่สุด
กลุ่มที่มีปริมาตรเลือดเกิน (Volume overload)เกิดจากการมีช่องติดต่อระหว่างหัวใจ2 ห้อง
โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic heart disease) ปัญหาที่พบจากโรคนี้คือ ลิ้นหัวใจข้างซ้ายตีบ
โรคหัวใจที่มีภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertensive heart disease) มักพบในสตรีอ้วน
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ (cardiomyopathy) พบในรายที่เคยมีการอักเสบที่กล้ามเนื้อ
โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease) เกิดไขมันอุดตันหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ
หัวใจเต้นผิดปกติ (Arrthymias) ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นช้าผิดปกติ
การจำแนกความรุนแรงของโรคหัวใจ แบ่งตาม NYHA
Class II Slightly compromised: มีการจำกัดของ physical activity เล็กน้อย และจะสบายเวลาพัก
Class III Markedly compromised: มีการจำกัดของ physical activity มาก และจะสบายเวลาพัก แต่ถ้าทำกิจกรรมตามปกติเพียงเล็กน้อยจะเริ่มมีอาการเหนื่อย
Class VI Severely compromised: ไม่สามารถทำ physical activity ใด ๆ แม้ขณะพักก็จะมีอาการหอบเหนื่อย ใจสั่น หรือ เจ็บอก ได้
Class I Uncompromised: ไม่มีการจำกัด physical activity สามารถทำกิจกรรมตามปกติ
ผลการตั้งครรภ์ต่อโรคหัวใจ
การวินิจฉัยโรคหัวใจยากขึ้น
Cardiac Output เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30-50 ในระหว่างการตั้งครรภ์
Heart rate จะเพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ประมาณ 10-20 ครั้ง/นาที
Blood volume ในขณะตั้งครรภ์ blood volume จะค่อยๆเพิ่มมากขึ้น
Stroke volume โดยทั่วไปจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคล้าย cardiac output โดยจะเพิ่มมากที่สุด
Vascular and cardiac pressure แม้จะมี blood volume เพิ่มขึ้น
Functional class เปลี่ยนแปลงเลวลง
การวินิจฉัยโรค
ประวัติ
1.1 ซักถามอาการ เช่น เจ็บหน้าอก, หายใจลำบาก, เขียว, อ่อนเพลีย,
1.2 ประวัติการรักษา เช่น การเจ็บป่วยในครั้งก่อน, การผ่าตัด, การนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
1.3 ประวัติครอบครัว เช่น พันธุกรรม, โรคที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด
1.4 ประวัติทางสังคม เช่น การใช้แอลกอฮอล์, สูบบุหรี่, การใช้สารเคมี, ระดับการศึกษา
อาการและอาการแสดง
เหนื่อยอ่อนเพลีย หน้ามืดเป็นลมได้บ่อย หายใจเร็ว ชีพจรเร็ว บวมที่เท้า อาจตรวจพบ Systolic murmur หรือ
cardiomegaly เพราะยอดมดลูกดันกระบังลม
การตรวจพิเศษ
ภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray)
Echocardiography เป็นเครื่องมือสำคัญเนื่องจากมีความปลอดภัยสูง
การตรวจคลื่นหัวใจ (Electrocardiography)
Exercise tolerance test ปัจจุบันยังมีข้อมูลน้อย
การรักษาด้วยยาในโรคหัวใจในหญิงตั้งครรภ์
ยารักษาหัวใจล้มเหลว
1.1 Digoxin สามารถใช้รักษาภาวะหัวใจล้มเหลวได้ร่วมกับการใช้ยาขับปัสสาวะ
1.2 ยา hydralazine สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในการลด afterload ส่วน ACE inhibitor
1.3 ยาห้ามเบต้า (beta-blocker) สามารถใช้ได้เพื่อควบคุมความดันโลหิต
ยารักษาอาการหัวใจเต้นผิดปกติ
ยา quinidine ใช้ในการรักษา atrial และ ventricular tachycardia
ยารักษาลิ่มเลือดอุดตัน
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants)
การดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจ Class I และII
การฝากครรภ์ ควรแนะนำให้มาฝากครรภ์ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์เพื่อให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจถือว่าเป็นครรภ์เสี่ยงสูง ควรนัดมาตรวจบ่อยกว่าธรรมดา ในระยะ 28 สัปดาห์ควรนัดตรวจทุก 2 สัปดาห์ต่อไปควรนัดตรวจทุก 1 สัปดาห์
ควรดูแลใกล้ชิดจากอายุรแพทย์โรคหัวใจ
การตรวจครรภ์ต้องประเมิน Functional Class ของหัวใจ อัตราการหายใจ ชีพจร และฟังเสียงปอดทุกคน
ถ้า Functional class เลวลงอาจจะต้องรับผู้ป่วยไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล
ให้ผู้ป่วยนอนพักมากๆ 10 ชั่วโมงในช่วงกลางคืน ครึ่งชั่วโมงหลังอาหารในแต่ละมื้อ
อาหารควรหลีกเลี่ยงอาหารเดิม และพยายามป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มมากกว่า 10 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์
แนะนำการให้หยุดสูบบุหรี่เพราะทำให้ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนได้ง่าย เฝ้าระวังในกลุ่มที่ใช้ยาเสพติด เช่น โคเคน (cocaine) หรือ แอมเฟตามีน(amphetamines)
โรคติดเชื้อ ระมัดระวังโรคติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินปัสสาวะ
การดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจ Class III และ IV
ปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้นในระยะตั้งครรภ์
พักผ่อนโดยนอนกลางคืน 10 ชั่วโมงและพักหลังอาหาร 30 นาที หลีกเลี่ยงการนอนราบ
ลดการทำงานปกติลงถ้าไม่รู้สึกเหนื่อยให้ทำงานเบาได้ ถ้าเหนื่อยต้องหยุดทันที
อาหาร ลดอาหารจำพวกแป้งและไขมัน หลีกเลี่ยงการเพิ่มเกลือ
เน้นให้มาฝากครรภ์ตามนัด
แนะนำให้ได้รับยาตามแผนการรักษา เช่น penicillin
ให้การพยาบาลเพื่อลดการทำงานของหัวใจ
2.1 ดูแลการคลอดอย่างใกล้ชิด โดยประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาที
2.2 ดูแลให้นอนท่าศีรษะสูงช่วยให้ปอดขยายได้ดี
2.3 สังเกตอาการเริ่มต้นของหัวใจวาย เช่น หายใจหอบตื้น ไอ น้ำหนักตัวเพิ่ม และบวมทั้งตัว
2.4 ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
ยา antibiotic เช่น benzatine penicillin, ampicillin, gentamycin
ยาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ เช่น digoxin 0.5 mg เมื่อหัวใจเต้นมากกว่า100 ครั้ง/นาที
ยากล่อมประสาท เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้พัก ลดความวิตกกังวล
ยาระงับอาการเจ็บครรภ์ เพื่อช่วยลดปริมาณเลือดที่บีบออกจากหัวใจ เช่น pethidine
ยาขับปัสสาวะเพื่อลดอาการบวม โดยบันทึกน้ าเข้า-ออก
ปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะหัวใจวายในระยะหลังคลอด
3.1 ประเมินสัญญาณชีพทุก 15-30 นาที ต่อมาทุก 1,2,4 ชั่วโมงตามสภาพของมารดาหลังคลอด
3.2 ดูแลให้ได้รับการพักผ่อนบนเตียงและให้ยานอนหลับตามแผนการรักษา
3.3 ดูแลให้ยา digitalis ตามการรักษา
3.4 ดูแลให้ยา antibiotic อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลมารดาเกี่ยวกับการให้นมบุตรโดยมารดาโรคหัวใจ class 1,2 สามารถให้นมบุตรได้แต่ห้ามในราย
ให้ข้อมูลในเรื่องการคุมกำเนิด
5.1 มารดา class 3,4 ควรทำหมัน ควรทำเมื่อ 7วันหลังคลอดไปแล้ว
5.2 มารดาโรคหัวใจ class 1,2 ควรคุมก าเนิดอย่างน้อย 2 ปี โดยการใส่ถุงยางอนามัย
5.3 ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมขนาด ต่ำ (low-dose contraceptive pills) ใช้ได้กับผู้ป่วยที่ม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน เช่น mitral stenosis
ยาฉีดคุมกำเนิดและห่วงคุมกำเนิดก็สามารถเลือกใช้ได้
5.4 ยาคุมกำเนิดชนิดโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวควรมีการเฝ้าระวังภาวะคั่งน้ำ (fluid retention)
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมควรใช้ชนิดที่มีเอธินิล เอสตราไดออล (ethinyl estradiol) ไม่เกิน 35 ไมโครกรัม/เม็ด
5.5 ห่วงคุมกำเนิดจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ