Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

images การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของระบบสืบพันธุ์ (ความผิดปกติในอวัยวะสืบพันธ…

- - - - ปัสาวะตีบมีการคั่งค้างของปัสสาวะ
      - มีการไหลย้อนกลับของปัสสาวะ
        
        ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
        
        ไตเสียหน้าที่
        
        ต่อมลูกหมากอักเสบ
    - - ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด ปวดเล็กน้อยเวลาถ่ายปัสสาวะ
      - อาการเฉียบพลัน มีการคั่งค้างของ
        ปัสสาวะจากการปัสสาวะไม่ออก
      - เบ่งถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะลำเล็กลง double stream , spraying
    - - รับบาดเจ็บที่ท่อทางเดินปัสสาวะและขาดการรักษาที่ดีพอ
      - การอักเสบติดเชื้ออย่างแรง
      - เป็นแต่กำเนิด
      - ใส่สานสวนปัสสาวะนาน จนท่อปัสสาวะเกิดเนื้อตาย
      - การใส่เครื่องมือแพทย์ที่มีขนาดใหญ่
      - การเป็นมะเร็งท่อปัสสาวะ
    - - Ultrasound
      - Voiding cystourethrogram
  - - - เจริญลุกลามเติบโตได้ในกระเพาะปัสสาวะ
      - ถ่ายปัสสาวะปกติ ไม่สามารถขับเชื้อโรคออกได้
      - ท่อปัสสาวะอักเสบ
    - - Nocturia
      - มีมูก/หนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ
      - ปวดแสบปวดร้อนขณะถ่ายปัสสาวะ/คันในื่อปัสสาวะ
      - Hematuria , Fever , chill
      - กระเพาะปัสสาวะบีบเกร็ง
      - ปวดหน่วงบริเวณอวัยวะเพศ/อัณฑะ
      - Urgency , frequency , dysuria
    - - Ascending infection (การติดเชื้อ)
        
        Proteus
        
        Enterobacter
        
        Klebsiella
        
        Pseudomonas
        
        E.coli
      - การติดเชื้อเรื้อรัง
        
        โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
        
        ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง
    - - Urinalysis (U/A) : ตรวจหาหนอง เลือด และแบคทีเรียในปัสสาวะ
      - Clean-catch midstream urine : พบเชื้อแบคทีเรียมากกว่า 100,000/ml
- - - - ปัสสาวะบ่อย
      - ปวดขณะ/หลังการหลั่งน้ำอสุจิ
      - ปวดบริเวณฝีเย็บ ปวดแสบเวลาปัสสาวะบ่อย
    - - อาการไข้ ปวดบริเวณฝีเย็บ ทวารหนัก ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ
      - ปัสสาวะบ่อย
        ปัสสาวะตอนกลางคืน
    - - การติดเชื้อแบคเรีย Fungi , mycoplasma
      - ท่อปัสสาวะตีบแคบ , ต่อมลูกหมากโดต
      - เชื้อ E.coli (อักเสบบ่อย) ติดเชื้อทางท่อปัสสาวะ ลุกลามเข้าไปต่อมลุูกหมาก
    - - มี Discharge ไหลออกจากท่อปัสสาวะ
        เกิดภาวะอักเสบติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
      - ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะเล็กน้อย ถ่ายปัสสาวะบ่อย
    - - Epididymitis (ท่อนำอสุจิอักเสบ)
      - Bacteremia (การอักเสบติดเชื้อในกระแสเลือด)
      - ต่อมลูกหมากบวมโต ปัสสาวะคั่งค้าง
      - Pyelonephritis (กรวยไตอักเสบ)
    - - วิธี 2 glass bottle
        
        ขวดที่ 1 ถ่ายปัสสาวะทิ้งก่อนแล้วเก็บ midstream urine
        ประมาณ 10-15 มล. (ลักษณะของปัสสาวะในท่องปัสสาวะ)
        
        ขวดที่ 2 ปัสสาวะต่อ ไม่หยุด ประมาณ 50-70 มล. (ลักษณะปัสสาวะในท่อกระเพาะปัสสาวะ)
      - ตรวจทางช่องทวารหนักกดที่ต่อมลูกหมากจะปวดมาก และรีดเอาน้ำจากต่อมลูกหมากมาตรวจจะพบเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก และอาจเพาะเชื้อขึ้น
  - - - เริ่มจากด้านหลังต่อมลูกหมาก/บริเวณใกล้ท่อปัสสาวะ
      - ลุกลามไปยังเปลือกหุ้มต่อมลูกหมาก
        ท่อนำอสุจิ แพร่กระจายไปตามทางเดินน้ำเหลือง
      - ส่วนใหญ่ ชนิด adenocarcinoma
    - - กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
      - ปัสสาวะเป็นเลือด
      - ถ่ายปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเป็นหยด
      - อัณฑะ/ขาบวม
      - ระยะแรก ไม่มีอาการ คลำพบก้อน
      - คลำพบต่อมลูหมากโต ขอบไม่เรียบ
    - - การติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธุ์
      - การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
      - กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ การสัมผัส เช่น รังสี
    - - Transrectal prostatic ultrasonography - ตรวจพบต่อมมีขนาดโต ลักษณะผิดปกติ
      - Bones scan , CT, MRI
      - 1 Serum prostate - specific antigen (PSA) test - มีค่าสูงกว่าปกติ
      - Digital rectal examination คลำพบก้อนโต ลักษณะผิดปกติ
  - - - การหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจนลดลง
        
        ไม่สมดุลระหว่างฮอร์โมนเอสโทรเตนและฮอร์โมนแอนโดรเจน
        
        มีระดับฮอร์โมน dihydrotestosterone สูง
      - ความไม่สมดุลของฮอร์โมน
        
        เนื้อเยื่อหนาตัว
        
        เนื้อเยื่อเพิ่มจำนวนขึ้น
        
        ท่อปัสสาวะเจริญไปเป็น fibroadenomatous
        
        เมื่อต่อมมีขนาดโตขึ้นจะเบียด
        คอกระเพาะปัสสาวะและท่อทางเดินปัสสาวะ
        
        ปัสสาวะคั่งค้างเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะอักเสบ
        
        มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มีผลต่อการทำงานของไต
    - - ระยะแรก
        
        ปัสสาวะลำบาก ลำปัสสาวะเล็กลง
        
        ปัสสาวะสะดุด
      - ระยะอุดกั้น
        
        ปัสสาวะค้าง ปัสสาวะหยด
        
        ปัสสาวะเป็นเลือด
        
        ปัสสาวะบ่อย
        
        ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
    - - Arteriosclerosis
      - การอักเสบ
      - อายุทีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแลงของฮอร์โมน
      - การเผาผลาญและภาวะโภชนาการเปลี่ยนแปลง
    - - Blood urea nitrpgen (BUN)
        , creatinine สูงจากภาวะไตเสียหน้าที่
      - Urinalysis พบ hematuria,pyuria,bacteria > 100,000/µL
      - Cystoscopy
- - - - เกิดจากเชื้อ E.coli ในอายุวัยรุ่นขึ้นไป
      - เกิดจากการติดเชื้อกามโรค
        
        Chlamdia trachomatis
        
        N.gonorrhea
      - ติดเชื้อจากต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ
        และท่อปัสสาวะย้อนเข้าในท่อนำอสุจิจนถึงอัณฑะ
      - ผู้สูงอายุ ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและต่อมลูกหมากอักเสบ
      - เกิดตามหลังโรคคางทูม
    - - อัณฑะบวม ปวด กดแล้วเจ็บมาก มีไข้สูง หนาวสั่น
        หากทิ้งไว้เกิดปัสสาวะเป็นหนอง
      - เกิดหลังคางทูม 3-4 วัน มีอาการไข้ ปวด บวมบริเวณอัณฑะ
      - ปวดถุงอัณฑะและขาหนีบข้างเดียวตามตำแหน่ง
        ของ vas deferens ปวดมากขึ้นเวลาเดิน
      - 3.1 ระยะ 7-10 วัน อาการหลงเหลทอจะหาย อาจมีการฝ่อของอัณฑะ การสร้างอสุจิลดลง ถ้าเป็นอัณฑะทั้ง 2 ข้างอาจเป็นหมัน
  - - - ไม่มี cremaster reflex ของอัณฑะข้างที่บาดเจ็บ
      - ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
      - อัณฑะบวม ช้ำ
      - lightheadedness (วิงเวียนศีรษะ)
      - ปวดร้าวลงอัณฑะข้างที่บาดเจ็บ/ขาหนีบ
    - - การยึดติดกันของ spermatic fasciac
        และผนังถุงลูกอัณฑะไม่ดีทำให้ช่องว่าง
        และท่ออสุจิบิดตัวได้
      - การออกำลังกายอย่างหนัก
        ทำให้ cremaster muscle
        เกิดแรงดึงรั้งมากจนท่ออสุจิบิดตัว
      - ความผผิดปกติของถุงลมหุ้มอัณฑะและตำแหน่งถุงอัณฑะ
- - - - เกิดจาการระคายเคืองเสียดสีจนเกิดรอยถลอก
        และมีการติดเชื้อซ้ำ
      - การไม่รักษาความสะอาดและหนังหุ้มปลายอาคชาติตีบ
    - - ผื่นแดงบริเวณปลายองคชาติ
      - หนองไหลมีกลิ่นเหม็น
    - - ถ้ามีการอักเสบมาก ให้ยาปฏิชีวนะ
      - ขลิบปลายอวัยวะ
      - แนะนำทำความสะอาดบ่อยๆและซับให้แห้ง
      - ซักประวัติ
        
        ภาวะเบาหวาน เพราะจะทำให้เกิด secondary infection ได้ง่าย
        
        ปลายอวัยวะเพศ
    - - การอักเสบของ glans penis and mucous membrane บริเวณรอบๆองคชาติ
      - เกิดร่วมกับหนังหุ้มปลายอักเสบ
  - - - ประวัติเคยติดเชื้อ HPV
      - การสูบบุหรี่
    - - 1.รูดหนังองคชาติให้เปิด
      - 2.ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่อาบ
    - - การหมักหมมของสิ่งสกปรกบริเวณใต้หนังหุ้มปลาย
      - เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
  - - - เป็นตั้งแต่กำเนิด
      - เกิดขึ้นภายหลังการอักเสบบวม
      - ส่วนใหญ่เกิดจากการไม่รักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ให้ดีพอ
      - มีการสะสมสะสมของสารคัดหลั่งอวัยวะเพศ
    - - อักเสบ บวม ปวดบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
      - ไม่สามารถดึงหนังหุ้มอวัยวะเพศขึ้นได้
    - - ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาติมีรูเปิดแคบ
      - ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาติรัดบริเวณใต้ต่อส่วนหัวขององคชาติ ไม่สามารถรูดขึ้นมาหุ้มปลายองคชาติได้
    - - การขลิบหนังหุ้มปลายองคชาติออกเล็กน้อย
        เพื่อเปิดส่วนหัวขององคชาติให้ปัสสาวะได้สะดวก
      - อาการไม่มาก แนะนำให้ทำความสะอาดบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาติให้สะอาด
  - - - โรคเลือดบางชนิด
        
        Leukemia
        
        Metastatic cancer
        
        Sickle cell disease
        
        Spinal trauma
      - ผลจากยาบางชนิด
        
        Alcohol
        
        Marijuana
        
        Psychotropic drug
        
        Papaverine
      - การใช้ยาฉีดเข้าอวัยวะเพศเกินขนาด
    - - อาการผู้ป่วยเป็น Sickle cell disease
        ควรให้ออกซิเจนด้วยประคบเย็นบริเวณฝีเย็บ
      - รักษาแล้วอาการยังไม่ดี รักษาโดยการผ่าตัด
        ไม่สามารถกลับคืนได้คงเดิม
      - ระยะแรก ให้ยาแก้ปวด ยาชา และสารน้ำ
- - - - อาจเป็นชั่วคราวแล้วยุบไปเอง ถ้าได้สิ่งกระตุ้นลดลง
      - วัยสูงอายุ พบก้อนโตใต้ลานนม
      - เต้านมโตกว่าปกติ เป็นข้างเดียว/2ข้างก็ได้
      - เกิดผลกระทบรุนแรง ปัญหาด้านจิตใจรุนแรง แพทย์พิจจารณา ผ่าตัดเสริมแต่งเต้านม/ให้ยา antiestrogen (tamoxifen) , synthetic androgen (danazol)
    - - พบได้ทั้งวัยผู้สูงอายุและวัยรุ่น
        เนื่องจากวัยรุ่นมีการหลั่งฮอร์โมนจากลูกอัณฑะ
      - ปัจจัยส่งเสริม การมีระดับฮอร์โมน estrogen สูงกว่าปกติ
      - กลไกการทำงานของฮอร์โมนผิดปกติ แต่ไม่ทราบกลไกแน่ชัด
      - การได้รับยา เช่น Opiate , chemotherapeutic agent
  - - - โรคตับ
      - การสัมผัสรังสี
      - ความผิดปกติของยีน (presence of the BRCA2 gene)
      - การสัมผัสความร้อนนานๆ
      - กรรมพันธุ์