Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 - Coggle Diagram
บทที่ 3
3.5 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบทางเดินอาหาร
ภาวะฉุกเฉินผู้ป่วย Blunt abdominal trauma
ภาวะเลือดออก
ทำให้ปริมาณสารเหลวในระบบไหลเวียนลดลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อลดลง ในการบาดเจ็บช่องท้อง Hypovolemic shock
การเกิด ภาวะเลือดออกในช่องท้อง Blunt abdominal trauma คือเกิดการเสียเลือดเป็นผลมาจากการฉีกขาดของอวัยวะภายใน
ภาวะฉีกขาดทะลุ
ทำให้มีการรั่วของอาหาร น้ำย่อยเข้าไปในช่องท้องเกิดภาวะการอักเสบติดเชื้อในช่องท้อง ทำให้เกิดการอักเสบทั่วช่องท้อง เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายระบบรวมทั้ง ต่อมไร้ท่อ ระบบไหลเวียน
ผู้ป่วยมักมีลักษณะปวดรุนแรงมาก ปวดทั่วท้อง กล้ามเนื้อทั่วท้องจะแข็งเกร็ง และจะปวดมากเวลาเคลื่อนไหวหรือสะเทือน ท้องอืด ถ้าการอักเสบรุนแรงมากผู้ป่วยอาจช็อกและเกิด organ failure ได้
ผู้ป่วยบาดเจ็บช่องท้อง
ผู้ป่วยที่มีสัญญาณชีพคงที่ แต่มีอาการแสดงของการบาดเจ็บช่องท้อง ได้แก่ กดเจ็บที่ท้อง
กล้ามเนื้อหน้าท้องหดเกร็ง ท้องอืด มีเวลาตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม สามารถรอการผ่าตัดได้
ป่วยที่สัญญาณชีพปกติ ไม่มีอาการของการบาดเจ็บที่ช่องท้องชัดเจน มักจะมีปัญหาในการวินิจฉัยว่ามีการบาดเจ็บที่ช่องท้องหรือไม
ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมาก Shock ท้องอืด มีเลือดออกในช่องท้องจำนวนมาก ต้องได้รับการผ่าตัดทันที
การพยาบาลเบื้องต้นในผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินจากบาดเจ็บบริเวณช่องท้อง
Resuscitation
การแก้ไขภาวะ immediate life threatening conditions ที่พบใน Primary survey
Secondary survey
การตรวจอย่างละเอียด (head to toe) เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยว่าผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะใดบ้าง จะทำหลังจาก Resuscitation แล้ว ใช้หลักการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจเพื่อการวินิจฉัยอื่นที่เหมาะสม
การประเมินผู้ป่วย
Primary survey
C. Circulation with hemorrhagic control
การประเมินการเสียเลือดหรือภาวะ Hypovolemic shock อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีโดยดูจาก level of conscious, skin color โดยดูจากภาวะ capillary filling time โดยการกดดูปลายนิ้ว
D. Disability: Neurologic status
การประเมิน neurological status
B. Breathing and ventilation
ระเมินภาวะการหายใจของผู้ป่วยอย่างรวดเร็วในช่วงแรกที่มาถึงโรงพยาบาล โดยดูภาวะ Apnea ภาวะupper airway obstruction
E. Exposure/ Environment control
อการถอดเสื้อผ้าของผู้ป่วยเพื่อตรวจหาร่องรอยบาดแผลที่ชัดเจน แต่ต้องระวังภาวะ Hypothermia ด้วย
Airway maintenance with Cervical Spine control
ประเมิน airway obstruction, foreign bodies, facial, mandibular or tracheal/laryngeal fracture โดยต้องระวังการบาดเจ็บของ C-spine เสมอ
Definitive care
ได้รับการวินิจฉัยแล้วก็เป็นการรักษาที่เหมาะสม อาจนำผู้ป่วยไปผ่าตัดหรือเพียงแค่ Medication แล้วแต่พยาธิสภาพ
ลักษณะและอาการแสดงของการได้รับบาดเจ็บบริเวณช่องท้อง
อาการท้องอืด
ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้
การกดเจ็บเฉพาะที่หรือการเกร็งของกล้ามเนื้อท้อง
ในผู้ป่วยที่เกิดภาวะช็อก ที่ไม่เห็นร่องรอยของการเสียเลือด เมื่อการช่วยเหลือไม่ดีขึ้นให้คำนึงถึงการตกเลือดในอวัยวะภายในช่องท้อง
อาการปวด
จากการฉีกขาดของผนังหน้าท้อง
อวัยวะภายในได้รับอันตราย
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บช่องท้อง
การบรรเทาความเจ็บปวด
วิธีการใช้ยาตามแผนการรักษา
วิธีการไม่ใช้ยา
ให้การพยาบาลเพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและครอบครัว
การดูแลระบบหัวใจและระบบไหลเวียน
เกิดภาวะ Hypovolemic Shock
ช่วยเหลือป้องกันภาวะช็อกอย่างเร่งด่วน
การดูแลสารน้ำทดแทน
ประเมินภาวะเลือดออก
ติดตามบันทึกจำนวนปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง
การเฝ้าระวัง
การประเมินความรุนแรงเบื้องต้น
ระดับความรู้สึกตัว ระบบผิวหนังและเยื่อเมือก
ระบบสูบฉีดโลหิตและไต
ระบบประสาท
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวมักเกิดจากลิ้นตก หรืออุดกั้นด้วยเศษอาหาร ก้อนเลือดอุดตัน ให้ทำการเปิดทางเดินหายใจให้โล่งด้วยวิธีการ Head tilt and chin lift maneuver
ประเมินว่าผู้บาดเจ็บได้รับอากาศเพียงพอ ไม่มีการอุดตันของทางเดินหายใจ
ไม่มีการบาดเจ็บไขสันหลัง สำหรับผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บไขสันหลังใช้วิธี jaw thrust maneuver
ดูแลผู้บาดเจ็บให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
กำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินหายใจ
ส่งผู้ป่วยไปถ่ายภาพรังสีตามแผนการรักษา
การบาดเจ็บช่องท้อง
Blunt injury
เกิดการบาดเจ็บหลายแห่งร่วมกัน (multiple injuries)
อุบัติเหตุรถชน หรือตกจากที่สูง
เกิดจากแรงกระแทก
Penetrating trauma
การบาดเจ็บที่เกิดจากของมีคมทะลุเป็นแผลนั้น
3.4 การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบหัวใจและหลอดเลือด
Pulmonary embolism (PE)
ปัจจัยเสี่ยง
immobilization นานเกิน 3 วัน ใน 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ระยะหลังคลอด 3 สัปดาห์หรือการใช้ estrogen
เคยเป็น deep vein thrombosis (DVT) หรือ PE มาก่อน
ประวัติครอบครัวเป็ น DVT หรือ PE
มีโรคมะเร็ง
กระดูกหักบริเวณขาใน 12 สัปดาห์ที่ผ่านนมา
การผ่าตัดในระยะ12 สัปดาห์ที่ผ่านมา
อาการแสดงทางคลินิก
อาการหน้ามืดเป็นลม หรือหมดสติ
มีอาการหายใจหอบเหนื่อยมากอย่างกะทันหัน ใจสั่น แน่นหน้าอก (pleuritic pain)
หายใจเร็ว มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (hypoxemia) หัวใจเต้นเร็ว และ มีหลอดเลือดดำที่คอโป่ง (elevated jugular venous pressure) ฟังปอดมักปกติหรืออาจฟังได้เสียงวี๊ด (wheezing) ในหลอดลม
กลไกที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดมี 3 ปัจจัย
มีความผิดปกติของเลือด ที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ง่าย (hypercoagulable states)
ผนังหลอดเลือดดำที่ผิดปกติเกิดจากมี local trauma หรือมีการอักเสบ ก้อนลิ่มเลือด
การไหลเวียน ของเลือดลดลงเกิดจากร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว (immobilization) เป็นเวลานาน
แนวทางการวินิจฉัยและการส่งตรวจห้องปฏิบัติการ
ถ่ายภาพรังสีทรวงอก (chest X-ray) พบมีปริมาณหลอดเลือดลดลง (regional hypo-perfusion) หรือเห็นมี infiltration ทีบริเวณปอด
12 leads-ECG
หัวใจเต้นเร็ว (sinus tachycardia)
deep S-wave ใน lead I และมี Q-wave และ T-inversion ใน lead III
T-inversion ใน leads V1 -V3 ได้และ right bundle branch block (CRBBB) บ่งบอกว่าหัวใจห้องล่างขวาทำางานผิดปกติ (right ventricular dysfunction)
การซักประวัติตรวจร่างกาย สามารถจะบอกถึงความน่าจะเป็น (pretest probability) ของ PE ได้โดยใช้ wells scoring system ถ้าคะแนนมากกว่า 6 ขึ้นไป โอกาสที่จะเป็น PE จะสูงมาก
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ
(echocardiography)
มีลักษณะของ right ventricular dysfunction
การตรวจระดับก๊าซในเลือดแดง (arterial blood gas, ABG) พบว่า มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (hypoxemia) ร่วมกับมีระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ำ (hypocapnia)
ค่า biomarkers ต่างๆ ที่พบว่าสูงกว่าปกติ
Troponin-I หรือ T และ Pro-Brain-type natriuretic peptide อาจสูงกว่าปกติได้ บ่งบอกว่า มีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวา (right ventricular infarction) และ RV overload ซึ่งสัมพันธ์กับการพยากรณ์โรคที่ไม่ดีสำหรับการตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัย PE
การรักษา
Thrombolytic therapy มักจะเก็บไว้ในผู้ป่วยที่มีกรณีmassive pulmonary emboli ที่มีระบบหัวใจและปอดทำงานผิดปกติมีผลกับ haemodynamic อย่างรุนแรง
Anticoagulation ผู้ป่วยส่วนมากในกลุ่มนี้จะได้รับการรักษาโดยการให้anticoagulation คล้าย ๆ กับการรักษา DVT นั้นคือการให้ heparin ทาง IV จากนั้นให้ยา Coumadin ต่ออีกเวลาประมาณ 3 เดือน
Caval filter คือการใส่ตะแกรงกรอง embolism ใน inferior vena cava ตัวกรองเหล่านี้จะเป็นตัว เก็บก้อนเลือดซึ่งมาจากขาหรือ iliac vein วิธีการนี้จะทำในผู้ป่วยที่มีrecurrent PE ทั้ง ๆ ที่ให้ยา anticoagulation อย่างเพียงพอ
Acute MI
ภาวะเจ็บเค้นอกคงที่ (stable angina)
มีอาการเจ็บเค้นอกเป็นๆ หายๆ อาการไม่รุนแรง
ระยะเวลาครั้งละ 3-5 นาทีหายโดยการพักหรืออมยาขยายเส้นเลือดหัวใจเป็นมา
นานกว่า 2 เดือน
ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute coronary syndrome, ACS)
อาการสำคัญ
เจ็บเค้นอกรุนแรงเฉียบพลัน
เจ็บขณะพัก (Rest angina) นานกว่า 20 นาทีหรือ เจ็บเค้นอกซึ่งเกิดขึ้นใหม
ST elevation acute coronary syndrome
พบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีลักษณะ ST segment ยกขึ้นอย่างน้อย 2 leads ที่ต่อเนื่องกัน
เกิด LBBB ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเกิดจากการ อุดตันของหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน
Non ST elevation acute coronary syndrome
ไม่พบ ST segment elevation มักพบลักษณะของคลื่น ไฟฟ้าหัวใจเป็น ST segment depression และ/หรือ T wave inversion
อาการนานกว่า 30 นาทีอาจจะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันชนิด non-ST elevation MI
(NSTEMI, or Non-Q wave MI)
อาการนำที่สำคัญ
ภาวะหัวใจล้มเหลวทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
อาการที่เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ป่วยกลุ่มนี้มาด้วยอาการเหนื่อยซึ่งเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน หายใจหอบ นอนราบไม่ได้แน่นอึดอัด หายใจเข้าไม่เต็มปอดอาจมีอาการเจ็บเค้นอกร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
อาการที่เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง
ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นๆ หายๆ มาเป็นเวลานานส่วนหนึ่งจะ เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจที่มีพยาธิสภาพกระจายกว้าง หรือเคยเป็นกล้ามเนื้อหัวใจ ตายขนาดใหญ่อาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีทั้งอาการที่เกิดจากหัวใจล้มเหลวทั้งซีกซ้าย และซีกขวา
ความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
ประสิทธิภาพการบีบตัวของ หัวใจลดลงอย่างรวดเร็วเป็นผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลงจนเกิดอาการ หน้ามืด เวียนศีรษะเป็นลม ร่วมกับอาการแน่นหน้าอก
ความดันโลหิตอาลดต่ำลง จากหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดและยังต้องคิดถึงการตายของกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวามักพบร่วมกับการตายของกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายส่วน inferior wall
เกิดจากภาวะขาดน้ำ เนื่องจากผู้ป่วยอาจมีคลื่นไส้อาเจียน และดื่มน้ำได้น้อยย ในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่มีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน อาจมีความรุนแรงของโรคจนเกิดภาวะช็อกเหตุหัวใจ
เหนื่อยง่ายขณะออกแรง
อาการเหนื่อยขณะออกกำลังที่เกิดขึ้นเฉียบพลันภายใน 1–2สัปดาห์ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรนึกถึงโรคหัวใจที่มีผลให้การทำงานของหัวใจลดลงอย่าง เฉียบพลัน
อาการเหนื่อยขณะออกกำลังที่เกิดขึ้นเรื้อรังเกินกว่า3สัปดาห์ขึ้นไป ควรนึกถึงโรคในกลุ่มที่การทำงานของหัวใจค่อยๆ ลดลงช้าๆอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะ เวลานาน
หมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น
ผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดอาจมาด้วยภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้เกิดอาการหมดสติหรือหัวใจหยุดเต้นกะทันหันจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตถ้าไม่ได้รับการกู้ชีพทันท่วงที
อาการเจ็บเค้นอก
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยแยกโรคในผู้ป่วยที่มีอาการต่างไปจากลักษณะเฉพาะ ของอาการเจ็บเค้นอก
นึกถึงภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (acute coronary syndrome) ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บเค้นอกรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 20 นาทีหรืออมยาใต้ลิ้นแล้วไม่ได้ผล
การซักประวัติในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บเค้นอกที่มีลักษณะเฉพาะ โดยยืนยันการวินิจฉัยจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจซ้ำ
อาจสงสัยว่าอาการเจ็บเค้นอกนั้นมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วย ที่มีอาการเจ็บเค้นอกและเคยได้รับการตรวจพิเศษทางระบบหัวใจที่มีความแม่นยำใน การวินิจฉัยโรคหัวใจขาดเลือด
การรักษา
เฝ้าระวังคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, O2 saturation, วัดสัญญาณชีพ
ให้ Aspirin gr V (325 mg) 1 เม็ด เคี้ยวแล้วกลืน ถ้าไม่มีประวัติแพ้ยา Aspirin
นอนพักในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และให้ออกซิเจน
ให้ Isosorbide dinitrate (Isordil) 5 mg อมใต้ลิ้น ถ้าความดันซิสโตลิก > 90 mmHg ให้ซ้ำได้ทุก 5นาที (สูงสุด 3 เม็ด) หากอาการแน่นหน้าอกไม่ดีขึ้น
ผู้ป่วยเคยได้รับยาอยู่แล้ว ให้ใช้ยาที่ได้รับจากแพทย์ตามความเหมาะสม
อาการแน่นหน้าอกไม่ดีขึ้น หลังได้ยาอมใต้ลิ้น พิจารณาให้ยาแก้ปวด Morphine 3-5 mg เจือจางทางหลอดเลือดดำ
เตรียมพร้อมสำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
นำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
ลักษณะเฉพาะของโรคหัวใจขาดเลือด
รัดบริเวณกลางหน้าอกใต้กระดูก sternum อาจมีร้าวไปบริเวณคอกราม ไหล่
และ แขนทั้ง 2 ข้างโดยเฉพาะข้างซ้าย
เป็นมากขณะออกกำลังเป็นนานครั้งละ2-3 นาทีเมื่อ นั่งพักหรืออมยา
nitroglycerin อาการจะทุเลาลง
เจ็บหนักๆ เหมือนมีอะไรมาทับ
บทบาทของพยาบาลฉุกเฉิน ในการดูแลผู้ป่วยระยะวิกฤต
เฝ้าระวังอาการและอาการแสดงของการเกิด cardiac arrest
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและการแปลผล พยาบาลต้อง ตัดสินใจตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจทันที โดยทำพร้อมกับการ ซักประวัติ เพราะต้องอ่านแปลผลภายใน 10 นาที พร้อมรายงานแพทย์
การพยาบาลกรณี EKG show ST elevation หรือพบ LBBB ที่เกิดขึ้นใหม่ พยาบาลต้องเตรียมผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาโดยการเปิดหลอดเลือดโดยเร่งด่วน โดยแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาโดยทำ Primary PCI เป็นอันดับแรก
ให้ออกซิเจน เมื่อมีภาวะ hypoxemia (SaO2 < 90% or PaO2 < 60 mmHg) ซึ่งหากร่างกายมี
ภาวะ hyperoxia จะทำให้เกิด vasospasm และ myocardia injury มากขึ้น
พยาบาลต้องประสานงาน จัดหาเครื่องมือประเมินสภาพและดูแลรักษาผู้ป่วยให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพ เพื่อให้ปฏิบัติงานได้สะดวก รวดเร็ว
ประสานงาน ตามทีมผู้ดูแลผู้ป่วยกลุ่มหัวใจขาดเลือด เฉียบพลัน ให้การดูแลแบบช่องทางด่วนพิเศษ
ACS fast track โดยใช้ clinical pathway หรือ care map เป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วย
เตรียมความพร้อมของระบบสนับสนุนการดูแลรักษา
ประเมินสภาพผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
R: Refer pain สำหรับอาการเจ็บร้าว อาจให้ผู้ป่วยชี้ด้วยนิ้วว่าเจ็บตรงไหน เจ็บร้าวไปที่ไหนตำแหน่งใดบ้าง
S: Severity ความรุนแรงของอาการเจ็บแน่นอก หรือ Pain score
Q: Quality ลักษณะของ อาการเจ็บอก
T: Time ระยะเวลาที่เป็น หรือเวลาที่เกิดอาการที่ แน่นอน ปวดนานกี่นาที
P: Precipitate cause สาเหตุชักนำและการทุเลา
O: Onset ระยะเวลาที่เกิดอาการ
ปรับปรุงระบบส่งต่อผู้ป่วยให้รวดเร็วและปลอดภัย โดยกำหนดส่งต่อผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นอันดับแรก
การวินิจฉัย
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ชนิด 12 lead หลังจากการกู้ชีพสำเร็จ ทันทีเพื่อช่วยวินิจฉัยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ควรพิจารณาส่งผู้ป่วย เพื่อตรวจสืบค้นเพิ่มเติม
ต้องรีบตรวจชีพจรและการเต้นของหัวใจรวมทั้งคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
อาจคิดถึงโรคหัวใจขาดเลือด ในผู้ที่มีอาการหมดสติชั่วคราว (syncope) แม้จะพบไม่บ่อยนักโดยควรวินิจฉัยและวินิจฉัยแยกโรคจากการซักประวัติและตรวจ ร่างกายอย่างละเอียด รวมทั้งการตรวจเพิ่มเติมพิเศษ
การรักษา
ต้องทำการกระตุกไฟฟ้าหัวใจด้วยพลังงานสูงสุดสลับกับการกู้ชีพเบื้องต้น ในผู้ป่วยที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจแสดงลักษณะVentricular tachycardia หรือventricular fibrillation
พิจาณาใส่สายกระตุ้นหัวใจชั่วคราว (temporary pacemaker) ในผู้ป่วยที่มีทางเดินไฟฟ้าหัวใจติดขัดระดับ 3 (3rd degree AV block) ร่วมกับความ ดันโลหิตต่ำจนเกิดภาวะช็อก
การช่วยหายใจ และนวดหัวใจจากภายนอก (cardiac massage) ในผู้ป่วยที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจแสดงลักษณะห้องล่างหยุดนิ่ง (ventricular standstill) และควรพิจารณาให้ยากระตุ้นหัวใจ
ควรให้การรักษาเพื่อแก้ไขภาวะช็อก
พิจารณาให้การรักษาภาวะหัวใจขาดเลือด