Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่ 4 กฎหมายวิชาชีพการพยาบาล(4.4-4.5), อ้างอิง กนกวรรณ ฉันธนะมงคล.…

- - - - 1.ประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาต จำคุกไม่เกิน 2 ปี และ/หรือปรับไม่เกิน 2000 บาท
      - 2.บุคคลที่พ้นจากสมาชิกสามัญ(พ้นจากการเป็นสมาชิกสามัญ ได้จากการตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติ)
      - 3.ต้องพ้นจากการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้วยและต้องส่งคืนใบอนุญาตต่อเลขาธิการภายใน 15 วัน ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 1000 บาท
        (มีเฉพาะโทษปรับอย่างเดียว)
      - 4.การไม่มาให้ถ้อยคำหรือไม่ส่งเอกสาร ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
      - 5.ผู้ไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงาน ระวางโทษไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับโทษทางวิชาชีพ ประกอบด้วย ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ เพิกถอน
      - การเพิ่มโทษทางวิชาชีพตามกฎหมาย(มาตรา44)จากพักใช้ เป็นเพิกถอน เกิดขึ้นใน กรณีเดียว คือ ระหว่างถูกพักใช้และเพิกถอนไปประกอบวิชาชีพหรือแสดงด้วยวิธีใดๆให้ ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพฯ
  - - - ระยะเวลาต้องพ้น 2 ปี นับแต่วันที่สภาการพยาบาลมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต (ไม่ใช่วันที่รับทราบคำสั่ง)
      - ถ้าถูกปฏิเสธครั้งที่ 1 สามารถยื่นขอครั้งที่ 2 ภายหลังครบ 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการสภาฯมีคำสั่งปฏิเสธคำขอครั้งแรก
- - - - 1.การสอน การแนะนำ การให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ
      - 2.การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของบุคคล รวมทั้งการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อรักษาโรค
      - 3.การกระทำตามวิธีที่กำหนดไว้ในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกัน
      - 4.การช่วยเหลือแพทย์กระทำการรักษาโรค
      - 5.ทั้งนี้ โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์และศิลปะการพยาบาลในการประเมินสภาพการวินิจฉัยปัญหา การวางแผน การปฏิบัติการ และการประเมินผล
    - - 1.ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบใบอนุญาต ค้นหรือยึดหลักฐานการกระทำที่ผิดกฎหมายในสถานที่นั้นได้
      - 2.ในการเข้าตรวจค้น พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว ป้องกันการแอบอ้าง
      - 3.ในการตรวจค้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา โดยให้ผู้ที่ไม่ให้ความสะดวกมีความผิด
  - - - 1.เป็นนิติบุคคล ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
        
        1.เป็นบุคคลสมมุติตามกฎหมาย มีสภาพเหมือนบุคคลทั่วไป ยกเว้น สิทธิที่บุคคลจริงจะมีได้ เช่น การจดทะเบียนสมรส เป็นต้น
        
        2.นิติบุคคลทำความผิด ผู้แทนของนิติบุคคลร่วมรับผิดในฐานะตัวการ และนิติบุคคลนี้ถูกฟ้องล้มละลายได้
      - 2.การตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ(พ.ร.บ.) ทำให้ไม่สามารถถูกฟ้องล้มละลายและไม่สามารถเลิกกิจการเหมือนเช่นนิติบุคคลทั่วไป (แตกต่างจากนิติบุคคลทั่วไป)
    - - 4.รายได้จากเงินบริจาค รวมทั้งดอกผลของรายได้ต่างๆ
      - 1.งบประมาณแผ่นดิน
      - 2.ค่าจดทะเบียนสมาชิกสามัญ ค่าบำรุง และค่าธรรมเนียมต่างๆ
      - 3.จากการหารายได้ของสภาการพยาบาล
    - - ประเภท
        
        1.สมาชิกสามัญ
        
        2.สมาชิกกิตติมศักดิ์
        
        1.เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่สภาการพยาบาลเห็นสมควรเชิญให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
        
        2.จำนวนอายุ การเป็นผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายไม่ได้กำหนด
      - คุณสมบัติ
        
        โรคต้องห้าม
        
        1.โรคจิต โรคประสาท
        
        2.การติดยาเสพติดให้โทษอย่างร้ายแรง ติดสุราเรื้อรัง
        
        3.โรคในระยะปรากฏอาการเป็นที่น่ารังเกียจต่อสังคม หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบวิชาชีพ เช่น โรคคุดทะราด โรคเอดส์ กามโรค โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน ในระยะติดต่อ
    - - 1.ตาย
      - 2.ลาออก
      - 3.ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 11
      - การพ้นจากสมาชิกสามัญ การประกอบวิชาชีพสิ้นสุดลง จะต้องส่งคืนใบอนุญาตฯ ต่เลขาธิการ ภายใน 15 วัน หากไม่ส่งมีโทษปรับไม่เกิน 1000 บาท
  - - - -สำเร็จการศึกษาพยาบาลตามที่กำหนด
      - -สมัครเป็นสมาชิกสามัญ
      - -สอบขึ้นทะเบียน
    - - คนสัญชาติไทย
        
        -สำเร็จการศึกษาพยาบาลตาที่กำหนด
        
        -ไม่ต้องสอบใบอนุญาตในประเทศที่ตนจบ
        
        -สมัครเป็นสมาชิกสามัญ
        
        -สอบขึ้นทะเบียน
      - คนมิใช่สัญชาติไทย
        
        -สำเร็จการศึกษาพยาบาลตามที่กำหนด
        
        -ต้องสอบใบอนุญาตในประเทศที่ตนจบ
        
        -สมัครเป็นสมาชิกสามัญ
        
        -สอบขึ้นทะเบียน
        
        -มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศ 6 เดือน นับถึงวันสอบสมัครสอบวันสุดท้าย
  - - - 1.กรรมการสภาฯ จากการเลือกตั้ง จำนวน 16 คน
      - กรรมการสภาฯ จากการแต่งตั้ง จำนวน 16 คน
      - 3.กรรมการที่ปรึกษา จำนวนไม่เกิน 1 ใน 4 ของกรรมการ
    - - 1.นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการสภาโดยตำแหน่ง
      - 2.ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขมีสัดส่วนมากที่สุด กรรมการสภา ที่มาจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องประกอบวิชาชีพพยาบาล
      - 3.ถ้านายกสภาฯเลือกเลขาธิการสภาจากสมาชิกสามัญ กรรมการ จะมีจำนวน 33คน
      - 4.การเลือกตั้งนายกสภาฯ เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม
      - 5.กรรมการสภาฯ เลือกคณะผู้บริหารฯ ได้แก่ นายกสภา อุปนายกสภา
      - 6.นายกสภา เลือก เลขาธิการสภา รองเลขาธิการสภา ประชาสัมพันธ์ เหรัญญิก
      - 7.วาระของกรรมการ 4 ปี ตามวาระที่มาของกรรมการว่าแต่งตั้ง หรือเลือกตั้งแต่เลขาธิการสภาฯ สิ้นสุดลงตามวาระของกรรมการเลือกตั้ง
      - 8.นายกสภาฯถอดถอนเลขาธิการได้
    - - 1.ขาดคุณสมบัติตามมาตรา13 ได้แก่ ตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติตามมาตรา11
      - 2.ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 18 ได้แก่ ไม่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพฯ เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาต บุคคลล้มละลาย
      - 3.ลาออก
    - - กรรมการว่างลง=หนึ่งในสองหรือน้อยกว่าของกรรมการจากการเลือกตั้ง (16)มากกว่าหรือเท่ากับ 8 เลือกสมาชิกสามัญขึ้นแทน
      - กรรมการว่างลง มากกว่าหนึ่งในสอง (16) คือ มากกว่า 8 คน ต้องจัดให้สมาชิกสามัญเลือกตั้งกรรมการขึ้นแทนภายใน 90 วัน
      - ถ้าอายุกรรมการเหลือต่ำกว่า 90 วัน ให้รอเลือกตั้งใหญ่พร้อมกัน
    - - นายกสภาฯ
        
        1.ดำเนินกิจการของสภาการพยาบาล
        
        2.เป็นผู้แทนสภาในกิจการต่างๆ
        
        3.เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเลขาธิการสภา
      - เลขาธิการสภา
        
        1.ควบคุมรับผิดชอบงานธุรการทั่วไป
        
        2.ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่สภาฯ
        
        3.รับผิดชอบในการดูแลทะเบียนต่างๆ
        
        4.ควบคุมทรัพย์สินของสภาฯ
        
        5.เป็นเลขานุการคณะกรรมการ
      - สภานายกพิเศษ
        
        1.รักษาการตามพระราชบัญญัติ(มาตรา 5)
        
        2.แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่
        
        3.ออกกฎกระทรวงและกำหนดค่าธรรมเนียมต่างๆ(มาตรา 5)
        
        4.ให้ความเห็นชอบมติของคณะกรรมการในเรื่อง
        
        1.การออกข้อบังคับสภาฯ
        
        2.การกำหนดงบประมาณของสภาฯ
        
        3.การให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพ
        
        4.การวินิจฉัยชี้ขาด ขั้นลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพ
        ขั้นพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาตฯ
    - - 1.การประชุมของคณะกรรมการสภาการพยาบาล
        
        1.1เรื่องทั่วไป กรรมการอย่างน้อย=16คน (หนึ่งในสอง)
        
        1.2เรื่องสำคัญ ที่ใช้กรรมการเต็มคณะมี 2 กรณีก.การให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพ ข.การพิจารณาทบทวนการลงมติ
      - 2.การลงมติ
        
        2.1เรื่องทั่วไป ถือเสียงข้างมาก ถ้าเสียงเท่ากันให้ประธานชี้ขาด
        
        2.2เรื่องสำคัญ คะแนนเห็นชอบ จะต้องมี 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งคณะ คือ ไม่ต่ำกว่า 22 เสียง
      - 3.การขอความเห็นชอบจากสภานายกพิเศษ
        
        เห็นด้วย อาจมีคำสั่ง เห็นชอบ หรือไม่แทงคำสั่งใดๆใน15วัน ถือว่าเห็นชอบ
        
        ไม่เห็นชอบ แทงคำสั่งไม่เห็นชอบ ต้องภายใน15วัน
        
        การลงมติแย้งสภานายกพิเศษ ต้องทำภายใน30วัน ใช้กรรมการสภาเต็มคณะลง
        มติด้วยเสียง 2/3
      - 4.การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการที่ปรึกษา
      - 5.การเข้าแทนตำแหน่งของกรรมการสภาที่ว่างลงก่อนครบวาระ