Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ความผิดปกติใน อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย, unnamed,…

- - - - Ascending infection จากการติดเชื้อแบคทีเรีย
        
        E. coli
        
        Klebsiella
        
        Proteus
        
        Enterobacter
        
        Pseudomonas
      - 2.การติดเชื้อเรื้อรัง
        
        โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
        
        ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง
    - - เชื้อโรคจะเข้าไปตามท่อทางเดินปัสสาวะ ทําให้ท่อปัสสาวะอักเสบและการอักเสบนี้จะลุกลามไปจนถึงกระเพาะปัสสาวะ
        
        เชื้อโรคจะเจริญเติบโตได้ในกระเพาะปัสสาวะ
        และเกิดการอักเสบติดเชื้อตามกลไกการอักเสบของร่างกาย
    - - Urgency
      - กระเพาะปัสสาวะบีบเกร็ง
      - ปวดแสบปวดร้อนขณะถ่ายปัสสาวะ
      - Nocturia
      - มีมูกหรือหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ
      - Hematuria, Fever, chill
    - - Urinalysis (U/A)
        
        เพื่อตรวจหา หนอง เลือด และแบคทีเรียในปัสสาวะ
      - Clean–catch midstream urine
        
        พบเชื้อแบคทีเรียมากกว่า100,000/milliliter
  - - - อาจเป็นแต่กําเนิด
      - จากการได้รับบาดเจ็บที่ท่อทางเดินปัสสาวะและขาดการรักษาที่ดีพอ
      - การอักเสบติดเชื้ออย่างแรง
      - การใส่สายสวนป่สสาวะนานจนท่อปัสสาวะเกิดเนื้อตาย
      - การใส่เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีขนาดใหญ่
      - การเป็นมะเร็งท่อปัสสาวะ
    - - เซลล์ของท่อปัสสาวะที่ได้รับบาดเจ็บจนเกิดการตีบแคบ ทําให้ท่อปัสสาวะตีบมีการคั่งค้างของปัสสาวะ
        
        มีการไหลย้อนกลับของปัสสาวะ ส่งผลเกิดให้ต่อมลูกหมากอักเสบ
    - - เบ่งถ่ายป่สสาวะ ปัสสาวะลําเล็กลง
      - ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด ปวดเล็กน้อยเวลาถ่ายปัสสาวะ
      - อาการเฉียบพลันจะมีการคั่งค้างของปัสสาวะจากการปัสสาวะไม่ออก
    - - Ultrasound
      - Voiding cystourethrogram
- - - - อาจเป็นตั้งแต่ กําเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังการอักเสบบวม
        
        ส่วนใหญ่เกิดจากการไม่รักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ให้ดีพอ
    - - อักเสบ บวม ปวด
      - ไม่สามารถดึงหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศขึ้นได้
    - - โดยการขลิบหนังหุ้มปลายองคชาติออกเล็กน้อยเพื่อเปิดส่วนหัวขององคชาติให้ปัสสาวะได้สะดวก
      - ให้ทําความสะอาดบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาติให้สะอาด
  - - - เกิดจากการระคายเคืองเสียดสีจนเกิดรอยถลอกและมีการติดเชื้อซ้ํา
      - ร่วมกับการไม่รักษาความสะอาด และหนังหุ้มปลายองคชาติตีบ
    - - ผื่นแดงบริเวณปลายองคชาต
      - หนองไหลมีกลิ่นเหม็น
    - - ทําความสะอาดบ่อยๆ
        และซับให้แห้ง
      - ให้ยาปฏิชีวนะถ้ามีการอักเสบมาก
      - ในบางรายอาจต้องขลิบปลายอวัยวะ
      - ซักประวัติภาวะโรคต่างๆที่เป็นปัจจัย
  - - - ุเกิดจากการหมักหมมของสิ่งสกปรกบริเวณใต้หนังหุ้มปลาย ต่อมาเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
      - ปัจจัยเสี่ยงคือ มีประวัติเคยติดเชื้อ HPV การสูบบุหรี่
    - - ขึ้นอยู่กับระยะลุกลามของโรค
      - เลาะต่อมน้ําเหลืองบริเวณขาหนีบทั้งสองข้าง
      - ต้องตัดองคชาติออกบางส่วนหรือทั้งหมด
      - การฉายรังสี
  - - - เจ็บปวดตอนองคชาติแข็งตัว
    - - ผ่าตัด
  - - - เกิดจากโรคเลือดบางชนิด
        
        Sickle cell disease
        
        Leukemia
        
        Metastatic cancer
        
        Spinal trauma
      - เป็นผลจากยาบางชนิด
        
        Papaverine
        
        Psychotropic drug
        
        Alcohol
        
        Marijuana
      - การฉีดอวัยวะเพศเกินขนาด
    - - ระยะแรก
        
        ยาแก้ปวด ยาชา
      - อาการไม่ดีขึ้น
        
        โดยการผ่าตัด แต่ไม่สามารถกลับคืนได้คงเดิม
- - - - เกิดจากการติดเชื้อจากต่อมลูกหมากระเพาะปัสสาวะ
        
        เชื้อ E.coli
        
        และท่อป่สสาวะย้อนเข้าไปในท่อนําอสุจิจนถึงอัณฑะ
      - วัยรุ่นขึ้นไปอาจเกิดจากติดเชื้อกามโรค
        
        Chlamydia trachomatis
        
        N. gonorrhea
      - บางรายอัณฑะอักเสบอาจเกิดตามหลังโรคคางทูม
        
        เนื่องจากไวรัสที่ทําให้เกิดโรคคางทูมจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
    - - ปวดถุงอัณฑะและขาหนีบข้างเดียว
      - 2.อัณฑะบวม ปวด กดเจ็บมาก มีไข้สูง หนาวสั่นหากทิ้งไว้จะเกิดปัสสาวะเป็นหนอง
      - 3) หากเกิดหลังเป็นคางทูม 3-4 วัน จะมีอาการไข้ ปวดและบวมบริเวณอัณฑะ
        ไม่พบอาการปัสสาวะเป็นเลือด
  - - - 1) ความผิดปกติของถุงหุ้มลูกอัณฑะและตําแหน่งถุงอัณฑะ
      - 2) การยึดติดกันของ spermatic fascia และผนังถุงลูกอัณฑะไม่ดีทําให้มีช่องว่างและท่ออสุจิบิดตัวได้
      - 3) การออกกําลังกายอย่างหนักทําให้ cremaster muscle เกิดแรงดึงรั้งมากจนท่ออสุจิบิดตัว
    - - ในภาวะ testicular torsion อัณฑะจะหดตัวตามขั้วหลอดเลือด
        
        เลือดคั่ง
        
        บวม
        
        เกิดภาวะขาดเลือดได้
        
        ถ้ารักษาภายใน 6 ชั่วโมง อัณฑะจะสามารถกลับมาทำหน้าที่ได้เดิมตามปกติ
    - - 1) ปวดร้าวลงอัณฑะข้างที่บาดเจ็บ
        หรือขาหนีบข้างนั้น
      - 2) อัณฑะบวม ช้ำ
      - 3) ไม่มี cremasteric reflex ของอัณฑะข้างที่บาดเจ็บ
      - 4) ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
      - 5) Lightheadedness (วิงเวียนศีรษะ)
    - - Doppler ultrasonography ได้ยินเสียงการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอัณฑะข้างที่บาดเจ็บลดลง
- - - - 1) อายุที่เพิ่มมากขึ้นทําให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
      - 2) Arteriosclerosis
      - 3) การอักเสบ
      - 4) การเผาผลาญและภาวะโภชนาการเปลี่ยนแปลง
    - - ความไม่สมดุลระหว่างฮอร์โมนนี้ทําให้เนื้อเยื่อหนาตัวและเพิ่มจํานวนขึ้นเริ่มต้นจากบริเวณรอบท่อปัสสาวะ
      - แล้วเจริญเป็นfibroadenomatous เมื่อต่อมมีขนาดโตขึ้นจะเบียดคอกระเพาะปัสสาวะและท่อทางเดินปัสสาวะ
      - ทําให้ปัสสาวะคั่งค้างเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะอักเสบ มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
      - เกิดความไม่สมดุลระหว่างฮอร์โมนเอสโทรเจน และฮอร์โมนแอนโดรเจนและdihydrotestosterone สูง
    - - 1) ระยะแรก
        
        ปัสสาวะลําบาก ลําปัสสาวะเล็กลง
        
        รู้สึกว่าถ่ายปัสสาวะไม่หมด
      - 2) ระยะอุดกั้น
        
        ปัสสาวะบ่อย
        
        อาจมีปัสสาวะเป็นเลือด
        
        ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
    - - 1) Cystoscopy
      - 2) Blood urea nitrogen (BUN)
      - 3) Urinalysis พบ hematuria, pyuria, bacteria > 100,000/ µL
  - - - การติดเชื้อ
        
        E. coli การอักเสบเกิดจากการติดเชื้อ
        ทางท่อปัสสาวะ ลุกลามเข้า
        ไปในต่อมลูกหมาก
    - - 1) ปวดบริเวณฝีเย็บ ปวดแสบเวลาปัสสาวะบ่อย
      - 2) ปัสสาวะบ่อย
      - 3) ปวดขณะหรือภายหลังการหลั่งน้ําอสุจิ
    - - 1) ต่อมลูกหมากบวมโต
      - 2) Epididymitis
      - 3) Bacteremia
      - 4) Pyelonephritis
    - - 2) ตรวจทางช่องทวารหนักกดที่ต่อมลูกหมากจะปวดมาก
      - 1) ถ้าจะตรวจการอักเสบติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง จะใช้วิธี 4glass bottle
  - - - 1) กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ
        การสัมผัสมลภาวะ
      - 2) การติดเชื้อโรค
        ทางเพศสัมพันธ์
      - 3) การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
    - - เซลล์มะเร็งที่พบส่วนใหญ่เป็นชนิด adenocarcinoma มักเริ่มต้นจาก
        ด้านหลังต่อมลูกหมาก
    - - กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
      - 1.ระยะแรก ไม่มีอาการแต่อาจคลําพบก่อน
      - ถ่ายปัสสาวะลําบาก
        ปัสสาวะเป็นหยด
      - ปัสสาวะเป็นเลือด
    - - 1) Serum prostate - specific antigen (PSA) test
      - 2) Transrectal prostatic ultrasonography
      - 3) Bones scan, CT, MRI
- - - - ในวัยรุ่นเนื่องจากมีการหลั่งฮอร์โมนจากลูกอัณฑะ
      - การมีระดับฮอร์โมน estrogen สูงกว่าปกติ
    - - เต้านมโตกว่าปกติอาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
    - - Testicular ultrasound