Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและจำแนกผู้ประสบสาธารณภัย - Coggle…
บทที่ 3 การพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและจำแนกผู้ประสบสาธารณภัย
3.6การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบโครงสร้างและกล้ามเนื้อ
การบาดเจ็บกระดูกและข้อ พบบ่อย อุบัติเหตุ การทำงาน เล่นกีฬา
การบาดเจ็บ
มีปัญหา pelvic fracture และ open fracture ระวัง การเสียเลือดอาจเกิด Hypovolemic shock
กระดูกหักร่วมอาการบวม ปวดมาก ระวัง compartmemt syndrome ช่วยช้าอาจพิการ
กระดูกหัก Multiple long bone fracture เกิดภาวะ Pulmonary embolism และเสียชีวิตได้
ระดับ
Primary survey และ Resuscitation
ปัญหาสำคัญ การเสียเลือดจากการบาดเจ็บ เกิดภาวะHypovolemic
การcontrol bleeding ดีสุด คือกดแผล direct pressure ด้วย sterile pressure dressing
ผู้ป่วยกระดูกผิดรูป ให้ spilnt ให้เหมาะสมลดอาการปวด ให้IV ออกซิเจน
ผู้ป่วยบาดเจ็บกระดูกและข้อระหว่างทำPrimary survey และ Resuscitation
Immobilization จัดกระดูกตำแหน่งปกติ
ใส่ spilnt ให้ครอบคลุมข้อบนและล่างของตำแหน่งกระดูกหัก ลดการขยับเลื่อน ให้ปวดน้อยสุด
Secondary survey
ประเมิน
1.การซักประวัติจากผู้ป่วย ผู้นำส่ง ผู้ประสบเหตุ
สาเหตุการเกิด
ระยะเวลา
สถานที่
การรักษาเบื้องต้น
2.ตรวจร่างกาย พบปวดและกดเจ็บ บวมผิดรูป คลำพบเสียงกระดูกขัดสีกันเมื่่อขยับ มองเห็นกระดูกผิดรูป
การตรวจ 3 ขั้นตอน
2.1.ตรวจและรักษา Life threatening และ Resuscitation
2.2.การตรวจคร่าวๆ เพื่อ Screening test ใช้เวลาสั้นๆ เมื่อพบผู้ป่วยตอนแรก
กระดูกแขนขา ยกแขนขาทั้งสองข้าง
กระดูกซี่โครง นอนหงายออกแรงกด sternum บีบทรวงอกทั้งสองข้างเข้าหากัน
กระดูกเชิงกราน กดบริเวณanterior superior iliac spine ทั้งสองข้าง บีบเข้าหากัน กดบริเวณ pubic symphysis
กระดูกสันหลัง ส่วนคอยกคอ หันศีรษะ นอนหงายพลิกตะแคงแบบท่อนซุงใช้มือคลำแนวกระดูกสันหลัง
2.3. ตรวจอย่างละเอียด
ดูกระดูกผิดรูป โก่งงอ เคลื่อนไหวผิดปกติ
มีเสียงกระดูกสีกัน
3.เอกซเรย์ ยืนยันการบาดเจ็บกระดูก
Definitive care หลักรักษากระดูกหัก
6 R
1.Recognition
ตรวจประเมินกระดูกหัก ข้อเคลื่อน และการบาดเจ็บอื่น เพื่อเป็น
แนวทางในการรักษา
2.Reduction
จัดกระดูกให้เข้าที่ แต่จะไม่จัดกระดูกใน Impacted fracture อาจทำให้กระดูกที่อัดเข้าหากันเคลื่อนหลุดกลายเป็น Displaced fracture ได้
การจัดกระดูกมีแบบ Close reduction และ Open reduction
3.Retention
ประคับประคองให้กระดูกมีการเคลื่อนที่น้อยที่สุด
4.Rehabilitation
นการฟื้นฟูสมรรถภาพของส่วนที่บาดเจ็บและจิตใจผู้ป่วย
Reconstruction
รแก้ไขซ่อมแซมส่วนที่สูญเสียจากการบาดเจ็บ
Refer
การส่งต่อไปรักษาที่เหมาะสม
ภาวะกระดูกหักที่คุกคามชีวิต
Major Pelvic disruption with Hemorrhage
ผู้ป่วย Pelvic fracture ร่วมภาวะ Hypovolemic shock
คำนึงถึงภาวะ unstable pelvic fracture จากการฉีกขาดของอวัยวะภายในอาจมีการบาดเจ็บของเส้นเลือด เส้นประสาท
การตรวจร่างกาย
ดู Scrotum และ Perineum บวม มีแผลฉีกขาดบริเวณ Perineum และ Pelvic
คลำ พบกระดูก Pelvic แตก PR examination พบ high-riding prostate gland และมีเลือดออกบริเวณ Urethral meatus
การเคลื่อนไหว พบขาข้างที่ผิดปกติสั้น
ระบบไหลเวียนจะพบความดันโลหิตต่ำ
การช่วยเหลือเบื้องต้น
Control bleeding โดยการทำ Stabilization pelvic ringจาก external counter pressure
Fluid resuscitation ต้อง consult แพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทาง
Major Arterial Hemorrhage
การฉีกขาดของหลอดเลือด
Blunt trauma หรือ Penetrating wound ทำให้มีการเสียเลือดจำนวนมากและเกิด Hypovolemic shock ได้
ลักษณะของการบาดเจ็บหลอดเลือดแดงเรียกว่า Hard signs
Pulsatile bleeding บริเวณบาดแผล hematoma มีขนาดใหญ่ขึ้น
คลำได้thrill
ฟังได้bruit และ 6Ps ได้แก่ Pain, Pallor, Poikilothermia, Paresthesia, Paralysis, Pulselessness
ภาวะ Shock หลังจากรักษาภาวะ Shock แล้วจึงประเมินซ้ำเปรียบเทียบกับข้างที่ปกติ อาจประเมินโดยใช้Doppler ultrasound
การช่วยเหลือเบื้องต้น
ทำ Direct pressure บริเวณบาดแผลเพื่อหยุดเลือด และ Fluid resuscitation ในรายที่กระดูกผิดรูป
Crush Syndrome
ภาวะที่มีการบาดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
บริเวณ thigh และ calf muscle
ทำให้เซลกล้ามเนื้อขาดเลือดและตายแล้วปล่อย Myoglobin เกิดภาวะ Rhabdomyolysis
อาการที่พบ
Dark urine, Hemoglobin ผลบวก
การช่วยเหลือเบื้องต้น
Fluid resuscitation
Osmotic diuretic เพื่อรักษาระดับ Tubular volume และ Urine flow
แพทย์จะพิจารณาให้ Sodium bicarbonate เพื่อช่วยลด Myoglobin
สิ่งที่มีความสำคัญในการรักษาแขนขา
ปริมาณการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงส่วนปลายเพียงพอ
กระดูกหักข้อเคลื่อนทำให้หลอดเลือดฉีกขาดได้การเสียเลือดมาก ทำให้เกิด Hemorrhagic shock ได
การขาดเลือดของเนื้อเยื่อส่วนปลายทำให้สูญเสียการทำงานของเส้นประสาท
การขาดเลือดนานกว่า 6 ชั่วโมงเป็น Golden period ต้องรีบช่วยเหลือ
3.7การพยาบาลผู้ป่วยจมน้ำ(Drowning)
การปฐมพยาบาล
ช่วยเหลือคนที่จมน้ำก่อนรพ. มีผลต่อความตาย
1.คนจมน้ำรู้สึกตัวดี สำลักน้ำไม่มาก
กระตุ้นหายใจลึกๆ ปลอบโยนให้คลายความตกใจ ดูแลร่างกายให้อบอุ่น แนะนำไปพบแพทย์
2.ผู้ป่วยหยุดหายใจ
ทำการเป่าปาก ช่วยหายใจทันที
อย่ามัวเสียเวลาในการพยายามเอาน้ำออกจากปอดของผู้ป่วย หรือทำการผายปอด
ควรลงมือเป่าปาก ตั้งแต่ก่อนขึ้นฝั่ง
เมื่อขึ้นฝั่งแล้วให้ผายปอดด้วยการเป่าปากต่อจนผู้ป่วยหายใจเอง
ถ้ารู้สึกว่าลมเข้าปอดไม่เต็มที่ จากมีน้ำอยู่เต็มท้อง จับผู้ป่วยนอนคว่ำ ใช้มือ 2 ข้างวางใต้ท้องผู้ป่วย ยกท้องขึ้นจะช่วยไล่น้ำออกจากท้องไหลทางปาก
3.ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้นวดหัวใจทันที
4.ถ้าผู้ป่วยหายใจได้เอง
จับตะแคงข้าง และศีรษะหงายไปข้างหลังเพื่อให้น้ำไหลทางปาก
ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่ออบอุ่น
NPO
5.ส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล
การจมน้ำพบบ่อยและรุนแรง อาจตายได้
มักตายใน 5-10 นาที
ขาดอากาศหายใจ
ภาวะเกร็งของกล่องเสียง
ตายจากภาวะแทรกซ้อน
ปอดอักเสบ
การเปลี่ยนแปลงระดับเกลือแร่ในร่างกาย
ภาวะเลือดเป็นกรด
ปอดบวมน้ำ
พยาธิสภาพ
น้ำจืด
มีความเข้มข้นน้อยกว่าเลือดที่ปอดจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที >ปริมาตรเลือดไหลเวียนเพิ่ม>ระดับเกลือแร่ลด>หัวใจเต้นผิดจังหวะ>เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
น้ำทะเล
มีความเข้มข้นมากกว่าเลือดที่ปอด จะดูดซึมน้ำเลือด>กระแสเลือดเข้าปอด>เกิดปวดบวมน้ำ>ระบบไหลเวียนปริมาตรลด เกลือแร่เพิ่มสูง>หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย ช็อก
อาการ
หมดสติ
หยุดหายใจ
หัวใจหยุดเต้น
ไม่หมดสติ ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย ไอมีฟองเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันเลือดต่ำ
ปัจจัยที่มีผลต่อพยาธิสภาพของผู้จมน้ำ
1.สภาพผู้ป่วยก่อนจมน้ำ อายุ การสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ก่อนจมน้ำ Diving reflexes สุขภาพผู้จมน้ำ การทานอิ่มใหม่ๆ การเมาสุรา ความรู้การว่ายน้ำ
2.อุณหภูมิของร่างกายหลังจมน้ำ
การสูดสำลักน้ำเข้าปอดทำให้อุณหภูมิลดลง
หัวใจเต้นผิดปกติ
3.ช่วงเวลาที่อยู่ใต้น้ำ
4.การช่วยฟื้นคืนชีพได้เร็วแะถูกต้อง
การเปลี่ยนแปลงพยาธิสรีรภาพ
1.ระบบทางเดินหายใจและปอด มีภาวะ Pulmonary congestion หรือ edema
ผู้ป่วยมีการสูดสำลักสารเข้าไป เกิดกับปอดรุนแรง
Tonicity ของสารน้ำ
Hypotonic solution ได้แก่ การจมน้ำจืด การสูดสำลักน้ำจืด ทำให้ surface tension ลด เกิดภาวะ Atelectasis เกิด hypoxia
Hypertonic solution ได้แก่การจมน้ำทะเล เกิดhypoxia จากถุงลมปอดแตก เกิด pulmonary damage เกิด lung compliance ลดลง
Toxicity
Particles และ micro-organism
ผู้ป่วยไม่มีการสำลักน้ำ
ภาวะสมองขาดออกซิเจน>กระตุ้นhypothalamus และระบบประสาท sympathetic>ทำให้ peripheral vasoconstriction เกิด blood flow ปอดเพิ่ม >เกิด capillary wall damage และ capillary pressure ปอดเพิ่ม
2.การเปลี่ยนแปลงระบบประสาท
ทำให้เกิด cerebral hypoxia ภาวะสมองบวม ภาวะ circuratory arrest
ทำให้ cerebral perfusion ลดลง เกิด Ischemic brain
3.การเปลี่ยนแปลงระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ
น้ำจืด มีความเข้นข้นน้อยกว่าเลือด>น้ำจืดที่ปอดดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที>ปริมาตรเลือดไหลเวียนเพิ่ม>ระดับเกลือแร่ลด>หัวใจเต้นผิดจังหวะ>เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
น้ำทะเล มีความเข้มข้นมากกว่าเลือดที่ปอด จะดูดซึมน้ำเลือด>กระแสเลือดเข้าปอด>เกิดปวดบวมน้ำ>ระบบไหลเวียนปริมาตรลด เกลือแร่เพิ่มสูง>หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย ช็อก
4.การเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่และกรดด่างในเลือด
acidosis จาก เยื่อบุถุงลมอักเสบ ถุงลมขาด
PO2 metabolic acidosis
PCO2 respiratory acidosis
น้ำ
น้ำจืดเกิด hyponatremia hypochloremia hyperkalemia
น้ำเค็มเกิด hypernatremia hyperchloremia hypermagnesemia
5.การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่างกาย
อุณหภูมิของร่างกายลดต่ำลงตามอุณหภูมิน้ำที่ผู้ป่วยแช่
ผลกระทบอุณภูมิต่ำ
T 37-35 C หนาวสั่น ทรงตัวไม่อยู่
T 35-32 C สับสน หัวใจเต้นเร็ว
T 32-28 C เกร็ง หัวใจเต้นช้า หายใจช้า
T 28-25 C หมดสติ หัวใจเต้นผิดปกติ
T 25-21 C หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น