Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
BIRTH ASPHYXIA เเละการกู้ชีพ - Coggle Diagram
BIRTH ASPHYXIA เเละการกู้ชีพ
ภาวะขาดออกซิเจนในทารก
( PERINATAL ASPHYXIA)
Asphyxia
ภาวะที่สมองและส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกายขาดออกซิเจนเกิดจากปริมาณออกซิเจนในเลือดลดลง(hypoxemia) เกิดขึน้ ในทารกแรกเกิดที่ไม่ร้องหรือ
มีคะแนน Apgar ต่ำรวมถึงทารกที่มีภาวะ asphyxia ด้วย
ทารกที่มี fetal distress
ภาวะ late deceleration
นํ้าคร่ำมีขี้เทา
การวินิจฉัย PERINATAL ASPHYXIA
Fetal monitoring
การประเมินลักษณะของนํ้าคร่ำจากการเจาะถุงนํ้าคร่ำ
Apgar score น้อยกว่า 6
ตรวจเลือดจากสายสะดือพบ การมีภาวะ hypoxemia, hypercarbia และ acidosi
พยาธิสรีรวิทยาเมื่อทารกมีภาวะ ASPHYXIA
ขาดออกซิเจน
การหายใจเร็ว
การหายใจจะหยุดเรียกว่า primary apnea ต้อง
กระตุ้นการหายใจ
การหายใจเป็นเฮือก ๆ ไม่สมํ่าเสมอประมาณ 4-5 นาที
หยุดหายใจ+หัวใจเต้นช้าลง+ความดันโลหิตตํ่าลงระยะนี้
เรียกว่า secondary apnea
การวินิจฉัยภาวะ ASPHYXIA
Fetal heart rate (FHR) ที่สูงกว่าปกติหรือต่ำกว่าปกติ
PH umbilical artery (UA pH) ในทารกแรกเกิดที่
< 7.102 เป็ นสิ่งที่บอกว่าทารกอาจมีภาวะ asphyxia
Apgar scores
ภาวะที่มีขี้เทา (meconium) ในนํ้าคร่ำ
อาการทางคลินิกที่พบในทารกแรกเกิดในช่วงหลังทารกเกิด
การหายใจไม่สม่ำเสมอ /ไม่มีแรงในการหายใจ
(หยุดหายใจ)/หายใจเร็ว
อัตราการหายใจช้า (bradicardia)/เร็ว
(tachycardia)
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนต่ำ
ความดันเลือดต่ำ
แผนภาพแสดงขั้นตอนการกู้ชีพทารกแรกเกิดของ NRP 5 ขั้นตอน
การประเมินเบื้องต้น (initial assessment)
ทางเดินหายใจ (Airway, A)
การหายใจ (Breathing, B)
การไหลเวียนเลือด (Circulation, C)
การให้ยา (Drug, D)
VIGOROUS= ตื่นตัวดี
คลอดครบกำหนดหรือไม่
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อดีหรือไม่
หายใจหรือร้องดีหรือไม่
ขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องของการช่วยหายใจ 6 ขั้นตอน : MR.SOPA
ขั้นตอนการดูแลเบื้องต้นในการกู้ชีพ
การให้ความอบอุ่น
จัดศีรษะให้อยู่ในท่า “sniffing”
ทำทางเดินหายใจให้โล่งด้วย bulb syringe หรือ
suction catheter ถ้าจำเป็น
เช็ดตัวให้แห้ง
กระตุ้นให้เด็กร้อง หรือหายใจ
การควบคุมอุณหภูมิ
Preterm(น้อยกว่า 1,500 กรัม)
มักพบภาวะอุณหภูมิต่ำ
ปรับอุณหภูมิห้องคลอดให้อยู่ที่ 26 C ห่อทารกด้วยแผ่นพลาสติกวางทารกบนเบาะให้ความร้อนติดตามอุณหภูมิทารกอย่างใกล้ชิด
การทำให้ทางเดินหายใจโล่ง
นํ้าคร่ำใสแนะนำ suction ทันทีภายหลังการคลอด (ด้วย bulb syringe)
เฉพาะในทารกที่มีการอุดตันทางเดินหายใจชัดเจนหรือในทารกที่ต้องการ positive-pressur eventilation (PPV)เท่านั้น
นํ้าคร่ำมีขี้เทาปนแนะนำให้ทำ endotracheal suction อยู่ในทารกที่มีนํ้าคร่ำปนขี้เทาและไม่ตื่นตัว (nonvigorous)
การใส่ท่อช่วยหายใจใช้เวลายาวนานหรือไม่สำเร็จควรให้การช่วยหายใจด้วย bag-mask ก่อนโดยเฉพาะในกรณีที่ทารกหัวใจเต้นช้า
การประเมินความต้องการและการให้ออกซิเจน
ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดที่ต่ำกว่าปกติ
ในช่วง 10นาทีแรกคลอด ไม่ได้มีผลเสียต่อทารก
โดยทั่วไปค่า oxyhemoglobin saturation
จะอยู่ที่ 70-80% ในระยะเวลาหนึ่งหลังคลอด
ส่งผลให้ทารกมีภาวะ cyanosis ได้เป็นปกติ
การให้ออกซิเจนไม่ว่าจะมากหรือน้อยจนเกินไป
ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อทารก
PULSE OXIMETRY
แนะนำให้วัดระดับออกซิเจนทุกครั้ง ที่คาดว่าจะต้องทำการกู้ชีพ
ให้ positive-pressure ventilation มี cyanosis เป็นเวลานาน หรือเมื่อมีการให้ออกซิเจนตำแหน่งที่เหมาะสมในการติด probe แนะนำเป็นบริเวณข้อมือ หรือฝ่ามือด้านในข้างขวา (wrist or medial surface of palm)
การให้ออกซิเจน
ควรเริ่มโดยใช้ความเข้มข้นที่ room air ก่อน
หากทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า (น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที)
ภายหลังการกู้ชีพด้วยออกซิเจนที่ระดับต่ำนานมากกว่า
90 วินาที
จึงค่อยปรับความเข้มข้นเป็น 100%
จนกว่าอัตราการเต้นของหัวใจจะกลับเป็นปกติ
END-EXPIRATORY PRESSURE
แนะนำให้ใช้ continuous positive airwaypressure (CPAP) กับทารกที่สามารถหายใจได้เองแต่ยังมีการหายใจติดขัดภายหลังการคลอดpositive end-expiratory pressure (PEEP)มักถูกใช้บ่อยในการใช้เครื่องช่วยหายใจใน NICU
การกดหน้าอกเพื่อนวดหวั ใจ (CHEST COMPRESSION)
อัตราการเต้นของหัวใจที่น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาทีภายหลังได้รับการช่วยหายใจด้วยออกซิเจนที่เหมาะสมนาน 30 วินาที
2-finger technique
2 thumb-encircling hands technique
กดบนกระดูกสันอกที่ 1 ส่วน 3 ทางล่างสุดของกระดูกสันอก
กระดูกสันอกยุบลง 1-1.5 ซม.
กดสม่ำเสมอ 90 ครั้ง/นาทีการนวดหัวใจ: การหายใจ = 3 : 1
ประสิทธิภาพของการนวดหัวใจ
การคลำ Carotid หรือ femoral pulse
ภาวะไหลเวียนของเลือดบริเวณส่วนปลาย
(peripheral circulation)
ขนาดของรูม่านตา ซึ่งควรมีขนาดปานกลางหรือ
หดเล็ก
แสดงว่าทารกมีภาวะ metabolic acidosis ใน
ระดับรุนแรง
ควรแก้ไขภาวะกรดด่าง และอาจกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจ
ด้วย epinephrine
การให้ NaCHO 3 ก่อนการให้ epinephrine นอกจากจะแก้ไขภาวะ metabolic acidosis แล้วยังช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจตอบสนองต่อepinephrine ดีขึ้นด้วยการใช้ยา
ข้อบ่งชี้ในการให้ยา
HR <60 ครั้ง/นาที หลังให้ O2 100%
และช่วยนวดหัวใจนาน 30 วินาที
ไม่มีการเต้นของหัวใจ
อัตราและขนาดการให้ EPINEPHRINE และ NAHCO3
ทางหลอดเลือดดำคือ
0.01-0.03 มก./กก. ต่อการให้หนึ่งครั้ง
หากต้องการให้ epinephrine ทางท่อช่วยหายใจ อาจต้องมีการปรับ
ขนาดยาให้สูงขึ้นเป็น 0.05-0.1 มก./กก.
4.2% NaHCO3 (0.5 mEq/ml) ขนาดที่ใช้ คือ 2 mEq/kg.
VOLUME EXPANSION
ควรเริ่มให้ volume expansion โดยแนะนำให้ใช้เป็ น isotonic
crystalloid solution หรือเลือด
ขนาดที่แนะนำคือ 10 มก./กก.
การดูแลภายหลัง RESUSCITATION
ติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
Narcan (Naloxone) (0.4 มก./มล.) ขนาดที่ใช้0.1 มก./กก.(0.25 ml./kg.) ทางหลอดเลือดดำ/ET-tube/กล้ามเนื้อ/subcutaneous
Glucose ขนาดที่ใช้ 2 มล./กก./ครั้ง เข้าทาง umbilical catheter ใช้ในกรณีที่ช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกและให้ NaHCO3 แล้วยังมี bradycardia แสดงว่าทารกมีภาวะ hypoglycemia
แนวทางในการไม่ดำเนินการหรือการยุติการกู้ชีพ
แนวทางในการดูแลทารกที่อยู่ในภาวะก้ำกึ่ง
ระหว่างความเป็นและความตาย
หรือในภาวะที่มีแนวโน้มในการเกิดความพิการ
หรือเสียชีวิตสูง มีความแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดด้านทรัพยากรในแต่ละพืน้ ที่
การยุติการกู้ชีพ
สามารถยุติการกู้ชีพได้ในกรณีที่ทารกไม่มีการเต้นของหัวใจตั้งแต่แรกคลอดยังคงไม่เต้นต่อเนื่องนาน 10 นาที
หากต้องการดำเนินการกู้ชีพต่อควรพิจารณาเฉพาะใน
กรณีที่ทราบสาเหตุ
การหยุดเต้นของหัวใจ
อายุครรภ์ภาวะแทรกซ้อนที่ชัดเจน
ผู้ปกครองสามารถยอมรับความเสี่ยงของความพิการที่
อาจเกิดตามมาภายหลังได้