Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจน - Coggle Diagram
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจน
ภาวะการขาดออกซิเจน (hypoxia) การมีคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง และมีภาวะ กรดในเลือดทารก เนื่องจากขาดอากาศหรือการแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอดไม่ดี เกิดขึ้นในระยะใดของการคลอดก็ ได้ นับตั้งแต่ระยะก่อนคลอดระหว่างคลอดหรือภายหลังคลอดทันที
ปัจจัยเสี่ยงก่อนคลอด
ประวัติโรคทางอายุรกรรม
ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ปัจจุบัน
การตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต
ประวัติการใช้สารเสพติดสารเคมีและรังสี
ชีวภาพ อายุ เชื้อชาติ ความสูง น้ำหนัก
ปัจจัยเสี่ยงขณะคลอด
จากรก น้ำคร่ำ สายสะดือ
ทารก
การดำเนินการคลอด
กลไกพื้นฐานของการเกิดภาวะ asphyxia
การลดหรือการหยุดการไหลเวียนเลือดในสายสะดือ
ความล้มเหลวที่จะทำให้อากาศเข้าสู่ปอด
ความล้มเหลวในการแลกเปลี่ยนก๊าซที่รก
การไหลเวียนเลือดจากมารดาสู่บริเวณรกไม่เพียงพอ
อาการและอาการแสดง
น้ำคร่ำที่มีขี้เทา
estriol ในเลือดหรือในปัสสาวะ
pH ของเลือดจากหนังศีรษะของทารกในครรภ์ -กรด
ลักษณะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
การแบ่งระดับความรุนแรง
Severe asphyxia (APGAR score 0-2)
อาการ
หายใจเฮือก (grasping)
ไม่มีความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
เขียวคล้ำอย่างมาก
ไม่มีรีเฟล็ก
เลือดมี ความเป็นกรดสูง
หัวใจเต้นช้า
การพยาบาล
ผูกและตัดสายสะดือทันที
endotracheal tube
ช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกและออกซิเจน 100% ช่วยนวดหัวใจ
ประเมินประสิทธิภาพของการช่วยฟื้นคืนชีพ
Moderate asphyxia (APGAR Score 3-4)
การพยาบาล
ประเมิน APGAR Score
ส่งหน่วยทารกแรกเกิดเพื่อสังเกต อาการต่ออีก 30 ถึง 60 นาที
radiant warmer
Bag และ Mask โดยให้ออกซิเจนร้อยละ 100
อาการ
ทารกมีภาวะตัวเขียวเต็มที
ความตึงตัวของกล้ามเนื้ออ่อนมาก
reflex irritability น้อย
การหายใจอ่อนมาก
อัตราเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที
Mild asphyxia (APGAR Score 5-7)
อาการ
อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
cyanosis
Apnea สั้น น้อยกว่า 30 วินาที
การตึงตัวของกล้ามเนื้อดีหรืออ่อนแรงบ้าง
มีอาการหายใจตื้น หรือไม่สม่ำเสมอ
มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน
การพยาบาล
ใช้นิ้วมือตีหรือดีดฝ่าเท้าทารก
ให้ออกซิเจน 4-5 ลิตรต่อ นาที
ประเมิน APGAR Score
ดูดเมือกจากปาก จมูกและ pharynx
เช็ดตัวให้แห้ง
การกู้ชีพ
ลำดับขั้นตอน
Breathing
ช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
Circulation
การนวดหัวใจและช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกต่อไป
Airway
เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
Drug
จำเป็นต้องได้รับยา พร้อม B C
Initial assessment
ประเมินว่าทารกต้องการการช่วยฟื้นคืนชีพหรือไม่
ขั้นการเตรียมการช่วยฟื้นคืนชีพ
เตรียมบุคลากร
อย่างน้อย 1 คนในทุก ๆ การคลอด
อย่างน้อย 2 คน เพื่อทำการฟื้นคืนชีพ
ประเมินปัจจัยเสี่ยง
น้ำคร่ำใสหรือไม่
จำนวนทารกกี่คน
อายุครรภ์เท่าไร
มีปัจจัยเสี่ยงอะไรหรือไม่
วางแผนการช่วยเหลือ
ขั้นตอนเบื้องต้นในการดูแลทารกแรกเกิด
ยืดระยะเวลาการตัดสายสะดือ
การประเมินสภาพทารกแรกเกิดอย่างรวดเร็ว
Tone
Breathing or crying
Term
บันทึกเวลาเกิด
การดูแลทารกแรกเกิดเบื้องต้น ใน 30 วินาทีแรกของชีวิต
position the head and neck
provide warmth
clear secretions if needed
Dry
stimulate
ทารกแรกเกิดที่ร้องเสียงดังดี (vigorous cry)
ให้ความอบอุ่นแนบท้องแม่,ห่มผ้า
ทารกที่ร้องเสียงไม่ดัง
radiant warmer
ให้นอนหงาย ศีรษะและคอ อยู่ในท่าปกติ หรือแหงนเล็กน้อย
จับศีรษะทารกตะแคง ดูดเมือกออกจากช่องปากแล้วจึงดูดในจมูก
ในกรณีที่พบว่าน้ำคร่ำมีขี้เทาปนแต่ทารกหายใจได้เองดี ไม่มีความจำเป็นต้องดูดเสมหะ แต่หากทารก non-vigorous ให้ดูดเสมหะด้วยลูกสูบยางหรือ electric suction การดูดเสมหะด้วย meconium aspirator ที่เคยใช้ในสมัยก่อนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
ผ้าอุ่นแล้วทิ้งผ้าเปียก วางทารกลงบนผ้าอุ่นผืนต่อไป
การประเมินการตอบสนองของทารก (evaluation)
การหายใจ
ประเมินการเต้นของหัวใจ
Pulse oximetry or ECG
การช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
กรณีหายใจได้เอง หัวใจเต้นมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที แต่มีลักษณะหายใจลำบากหรือยังเขียว (cyanosis)
จัดท่านอนใหม่ ดูดเสมหะ ติด SpO2 monitor ให้ออกซิเจน หรือ CPAP
กรณีทารกยังไม่หายใจและหัวใจเต้นช้า
PPV และติด SpO2 monitor, ECG monitor
Cyanosis
SpO2 monitor
Pulse oximetry
แสดงค่าการกำซาบออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง และอัตราการเต้นของหัวใจทารก
ควรให้ free-flow oxygen กับทารก ในอัตรา 10 L/m
Positive pressure ventilation: PPV (การให้ออกซิเจนแรงดันบวก)
ขนาด mask ควรเหมาะสม กับขนาดและรูปหน้าทารก
การประเมินผลการให้ออกซิเจนแรงดันบวก การประเมินครั้งที่ 1
หัวใจเต้นเร็วขึ้น
หากหัวใจไม่เป็นเพิ่มขึ้น
ทรวงอกขยาย
ทรวงอกไม่ขยาย
แก้ไขการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก “MR. SOPA” ร่วมกับให้ PPV
การประเมินผลการให้ออกซิเจนแรงดันบวก การประเมินครั้งที่ 2
อัตราการเต้นของหัวใจทารกมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
หากหัวใจเต้น 60-99 ครั้งต่อนาที
หากหัวใจยังเต้นน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที
การช่วยหายใจด้วยวิธีอื่น (Alternative airway: Endotracheal tube and laryngeal masks)
ข้อบ่งชี้คือ
อาการไม่ดีขึ้นหลังจากการช่วยหายใจด้วย bag และ mask
ต้องนวดหัวใจทารก
ทำการช่วยหายใจด้วย bag และ mask เป็นเวลานาน
ทางให้ยาแก่ทารกเข้าทางหลอดลมเมื่อจำเป็น
ต้องการดูดขี้เทาจากหลอดลมของทารก
ไส้เลื่อนกระบังลม เกิดก่อนกำหนดนน.น้อย 1000
ขั้นตอนการเตรียมและใส่ท่อช่วยหายใจ
เตรียมท่อช่วยหายใจ
เตรียมอุปกรณ์ในการดูดเสมหะ
เตรียมประกอบ laryngoscope
การใส่ท่อช่วยหายใจ
เปิดปาก
ใส่ laryngoscope
sniffing
ยก blade ขึ้นเล็กน้อย ยก blade ขึ้นทั้งอัน
มองหาจุดสังเกตที่สำคัญ กล่องเสียง
ใส่ท่อช่วยหายใจเข้าทางด้านขวาของปาก ถ้าสายเสียงปิด ควร รอให้สายเสียงเปิดก่อน
เตรียมลวดแกนท่อช่วยหายใจ (Stylet)
ตรวจสอบตำแหน่งของท่อช่วยหายใจ
ตรึงท่อช่วยหายใจให้มั่นคง
ช่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจ
การนวดหัวใจ (chest compression)
กดให้ทรวง อกบริเวณนั้นยุบลงไปประมาณ 1 ใน 3 ของความหนาของทรวงอก (1/3 ของ AP diameter)
ข้อบ่งชี้
อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที หลังจากการ
ช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกอย่างมีประสิทธิภาพแล้วอย่างน้อย 30 วินาที
และควรได้รับการใส่ท่อ ช่วยหายใจแล้ว
ต.น.
1 ใน 3 ส่วนล่างของกระดูกหน้าอก (lower sternum)
วิธีการนวดหัวใจ
วิธีนวดหัวใจโดยใช้นิ้วหัวแม่มือ (two-thumbs technique)
วิธีนวดหัวใจโดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง (two-finger technique)
การประเมินการตอบสนองต่อการนวดหัวใจ
กรณีอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที ให้ใส่ท่อช่วยหายใจ (ในกรณีที่ยังไม่ได้ ใส่) และทำการนวดหัวใจสลับกับการช่วยหายใจต่อไป พร้อมทั้งพิจารณาให้ยากระตุ้นหัวใจ
การให้ยาและสารน้ำ (medication)
Epinephrine (Adrenaline)
ช่วยเพิ่มความแรงและอัตราการบีบตัวของหัวใจ เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหลอดเลือดแดงโคโรนาร
Naloxone
ยาแก้ไขภาวะหยุดหายใจในทารกที่มารดาได้รับยาระงับ ปวด
Sodium bicarbonate
ทารกมีภาวะเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง
สารน้ำ
เมื่อทารกไม่ตอบสนองต่อการช่วยกู้ ชีพ และมีอาการแสดงของภาวะช็อก
การดูแลหลังการกู้ชีพทารกแรกเกิด (post resuscitation care)
ติดตามสัญญาณชีพและอาการเปลี่ยนแปลงของ ทารกได้อย่างใกล้ชิด
การหยุดการกู้ชีพทารกแรกเกิด
นานเกิน 10 นาที 15 นาที การกู้ชีพ